ASTVผู้จัดการรายวัน-อ่วม! อีกแล้ว "พาณิชย์"ปล่อยผีขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองพรวดเดียว 9 บาท ราคาขยับเป็นขวดละ 55 บาท มีผลวันนี้ พร้อมให้ขึ้นนมสดพาสเจอร์ไรส์ตั้งแต่ 25 สตางค์ถึง 8.50 บาท ส่วนปุ๋ยเคมีพรุ่งนี้เคาะขึ้นราคา
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาสินค้าน้ำมันพืช มีมติให้ปรับขึ้นราคาเพดานน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวด (1 ลิตร) จากขวดละ 46 บาท เพิ่มเป็นขวดล 55 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้นขวดละ 9 บาทมีผลวันนี้เป็นต้นไป โดยราคาดังกล่าวจะมีผลเป็นระยะเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาต้นทุนใหม่อีกครั้งว่าควรปรับราคาเพดานเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือไม่อย่างไร
สาเหตุของการปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดเป็นผลจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดยผู้ประกอบการได้แจ้งขอปรับราคาเข้ามาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว และแจ้งขอปรับอีกครั้งเมื่อช่วงต้นปีนี้ โดยราคาที่ขอปรับอยู่ระหว่าง 60-100 บาท แต่ผลจากการพิจารณาพบว่า เมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก 14.86 บาท/กก. เป็น 17.31 บาท/กก. ซึ่งน้ำมันถั่วเหลือง 1 ลิตร ต้องใช้เมล็ดถั่วเหลืองถึง 5.87 กก. ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยขวดละ 14.09 บาท/ขวด (รวมVAT) หรือต้องจำหน่ายในราคา 60 บาท/ขวด ถึงจะเท่ากับต้นทุน แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน ทางผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลือง 4 โรงงาน ได้ตกลงที่จะจำหน่ายในราคาขวดละ 55 บาท
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบราคาจำหน่ายนน้ำมันถั่วเหลืองของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าราคาของไทยยังถูกกว่า โดยเวียดนามจำหน่ายขวดละ 60 บาท กัมพูชา 64 บาท ลาว 76 บาท และฟิลิปปินส์ 90 บาท
อย่างไรก็ตาม หลังการปรับขึ้นราคา ทางผู้ผลิตได้ยืนยันว่าจะเร่งผลิตน้ำมันถั่วเหลืองออกสู่ตลาดตามกำลังการผลิตที่มีรวมกัน 3 แสนขวด/วัน ออกสู่ท้องตลาด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าขาดแคลน
นางวัชรีกล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาผลิตภัณฑ์นม ยังได้มีมติให้ปรับขึ้นราคานมสดพาสเจอร์ไรส์ ยูเอชที และสเตอริไลส์ เฉลี่ยตั้งแต่ 0.25-8.50 บาท/ขนาด มีผลแล้วตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. เนื่องจากต้นทุนผลิตภัณฑ์นมปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนน้ำนมดิบที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติปรับราคาน้ำนมดิบให้กับเกษตรกรจาก 17 บาท/กก. เป็น 18 บาท/กก. เมื่อเร็วๆ นี้ และเมื่อรวมกับการอนุมัติปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบ 50 สตางค์ ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนน้ำนมดิบปรับราคารวมกันแล้ว 1.50 บาท/กก.
สำหรับนมสดพาสเจอร์ไรส์ ยูเอสที และสเตอริไลส์ ที่ให้ปรับขึ้นราคา ได้แก่ ขนาด 110-200 ซีซี รสจืดและรสปรุงแต่งปรับขึ้น 25 สตางค์ ขนาด 225-350 ปรับขึ้น 50 สตางค์ ขนาด 400-450 ซีซี ปรับขึ้น 75 สตาค์ ขนาด 800-830 ซีซี ปรับขึ้น 1.50 บาท ขนาด 946-1,000 ซีซี ปรับขึ้น โดยรสจืดปรับขึ้น 1.50 บาท รสปรุงแต่งปรับขึ้น 1.75 บาท และขนาด 2,000-5,0000 ซีซี รสจืดปรับขึ้น 3.50-8.00 บาท และรสปรุงแต่งปรับขึ้น 3.50-8.50 บาท
ขณะที่สินค้าปุ๋ยเคมี จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำปุ๋ยเคมี ในวันที่ 7 เม.ย. เพื่อพิจารณาการปรับขึ้นราคาตามที่ผู้ประกอบการยื่นหนังสือขอปรับราคาเฉลี่ย 8-10% ซึ่งการอนุมัติให้ปรับขึ้นจะต้องพิจารณาโครงสร้างต้นทุนทั้งหมด และคงไม่ให้ปรับขึ้นตามที่ผู้ประกอบการยื่นขอมา เพราะจะกระทบกับเกษตรกรผู้ใช้ปุ๋ยมาจนเกินไป แต่ยอมรับว่า ปุ๋ยเคมีที่ใช้ยูเรียเป็นวัตถุดิบอาจจะต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นแน่ เพราะเป็นวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาสินค้าน้ำมันพืช มีมติให้ปรับขึ้นราคาเพดานน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวด (1 ลิตร) จากขวดละ 46 บาท เพิ่มเป็นขวดล 55 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้นขวดละ 9 บาทมีผลวันนี้เป็นต้นไป โดยราคาดังกล่าวจะมีผลเป็นระยะเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาต้นทุนใหม่อีกครั้งว่าควรปรับราคาเพดานเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือไม่อย่างไร
สาเหตุของการปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดเป็นผลจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดยผู้ประกอบการได้แจ้งขอปรับราคาเข้ามาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว และแจ้งขอปรับอีกครั้งเมื่อช่วงต้นปีนี้ โดยราคาที่ขอปรับอยู่ระหว่าง 60-100 บาท แต่ผลจากการพิจารณาพบว่า เมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก 14.86 บาท/กก. เป็น 17.31 บาท/กก. ซึ่งน้ำมันถั่วเหลือง 1 ลิตร ต้องใช้เมล็ดถั่วเหลืองถึง 5.87 กก. ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยขวดละ 14.09 บาท/ขวด (รวมVAT) หรือต้องจำหน่ายในราคา 60 บาท/ขวด ถึงจะเท่ากับต้นทุน แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน ทางผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลือง 4 โรงงาน ได้ตกลงที่จะจำหน่ายในราคาขวดละ 55 บาท
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบราคาจำหน่ายนน้ำมันถั่วเหลืองของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าราคาของไทยยังถูกกว่า โดยเวียดนามจำหน่ายขวดละ 60 บาท กัมพูชา 64 บาท ลาว 76 บาท และฟิลิปปินส์ 90 บาท
อย่างไรก็ตาม หลังการปรับขึ้นราคา ทางผู้ผลิตได้ยืนยันว่าจะเร่งผลิตน้ำมันถั่วเหลืองออกสู่ตลาดตามกำลังการผลิตที่มีรวมกัน 3 แสนขวด/วัน ออกสู่ท้องตลาด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าขาดแคลน
นางวัชรีกล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาผลิตภัณฑ์นม ยังได้มีมติให้ปรับขึ้นราคานมสดพาสเจอร์ไรส์ ยูเอชที และสเตอริไลส์ เฉลี่ยตั้งแต่ 0.25-8.50 บาท/ขนาด มีผลแล้วตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. เนื่องจากต้นทุนผลิตภัณฑ์นมปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนน้ำนมดิบที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติปรับราคาน้ำนมดิบให้กับเกษตรกรจาก 17 บาท/กก. เป็น 18 บาท/กก. เมื่อเร็วๆ นี้ และเมื่อรวมกับการอนุมัติปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบ 50 สตางค์ ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนน้ำนมดิบปรับราคารวมกันแล้ว 1.50 บาท/กก.
สำหรับนมสดพาสเจอร์ไรส์ ยูเอสที และสเตอริไลส์ ที่ให้ปรับขึ้นราคา ได้แก่ ขนาด 110-200 ซีซี รสจืดและรสปรุงแต่งปรับขึ้น 25 สตางค์ ขนาด 225-350 ปรับขึ้น 50 สตางค์ ขนาด 400-450 ซีซี ปรับขึ้น 75 สตาค์ ขนาด 800-830 ซีซี ปรับขึ้น 1.50 บาท ขนาด 946-1,000 ซีซี ปรับขึ้น โดยรสจืดปรับขึ้น 1.50 บาท รสปรุงแต่งปรับขึ้น 1.75 บาท และขนาด 2,000-5,0000 ซีซี รสจืดปรับขึ้น 3.50-8.00 บาท และรสปรุงแต่งปรับขึ้น 3.50-8.50 บาท
ขณะที่สินค้าปุ๋ยเคมี จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำปุ๋ยเคมี ในวันที่ 7 เม.ย. เพื่อพิจารณาการปรับขึ้นราคาตามที่ผู้ประกอบการยื่นหนังสือขอปรับราคาเฉลี่ย 8-10% ซึ่งการอนุมัติให้ปรับขึ้นจะต้องพิจารณาโครงสร้างต้นทุนทั้งหมด และคงไม่ให้ปรับขึ้นตามที่ผู้ประกอบการยื่นขอมา เพราะจะกระทบกับเกษตรกรผู้ใช้ปุ๋ยมาจนเกินไป แต่ยอมรับว่า ปุ๋ยเคมีที่ใช้ยูเรียเป็นวัตถุดิบอาจจะต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นแน่ เพราะเป็นวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน