ASTVผู้จัดการรายวัน – “เซ็นทรัล-ไมเนอร์” เปิดเกมรุกแฟคตอรี่เอาท์เล็ต หวังสร้างช่องทางขายและสร้างแบรนด์ เซ็นทรัลส่งร้านเพย์เลสชอป ผนึกปั๊มปตท.นำร่อง 10 สาขาปีนี้ ด้านไมเนอร์จดจ้องสแตนด์อโลนแบบมัลติแบรนด์ชอป
นายพงศ์จักร พาณิชกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย โมเดิร์นเทรดและคอร์ปอเรตเอ็กซ์ปอร์ต บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป จำกัด หรือซีเอ็มจี เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงทุนสร้างเอาท์เล็ตใหม่ชื่อว่า “เพย์เลสชอป (Payless Shop) จะเป็นร้านมัลติแบรนด์ในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ของบริษัทฯเอง พื้นที่เฉลี่ย 100 -200 ตารางเมตรต่อสาขา ตั้งเป้าหมายปีนี้จะเปิด 9-10 สาขา ใช้งบลงทุนเฉลี่ย 2 ล้านบาทต่อสาขาไม่รวมสินค้ารวมประมาณ 20 ล้านบาทปีนี้
***เซ็นทรัลผนึกปั๊ม ปตท.
ขณะนี้เปิดไปแล้ว 2 สาขาคือ สาขาแรกในปั๊มปตท. แก่งคอย สระบุรี เมื่อปีที่แล้วเป็นสาขาทดลองซึ่งพบว่าไปได้ดี และล่าสุดเปิดที่ปั๊มปตท. พระรามสอง กม. 35 สมุทรสาคร เมื่อเดือนที่แล้ว โดยจะเน้นทำเลเส้นทางหลักที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยว และจะเป็นพันธมิตรกับทางปั๊มปตท. เน้นเปิดต่างจังหวัด และชานเมือง ยังไม่เปิดในกรุงเทพฯ และยังมีการเจรจากับทางผู้ประกอบการคอมมูนิตี้มอลล์หลายแห่งนอกปั๊มน้ำมันเพื่อเปิดรร้านเพย์เลสชอปเช่นกัน
สำหรับสินค้าที่จำหน่ายในร้านเอาท์เล็ตนี้ จะเป็นสินค้าที่ซีเอ็มจีจำหน่ายทั้งสิ้น ยังไม่มีของบิษัทอื่นในช่วงแรกนี้ ส่วนอนาคตยังไม่แน่ โดยมีสินค้าประมาณ 10 กว่าแบรนด์ทีจำหน่าย ส่วนสินค้านั้นจะมีความแตกต่าางกันไปขึ้นอยู่กับทำเลของแต่ละสาขา เช่น สาขาแรกที่แก่งคอยจะเน้นสินค้าเกี่ยวกับท่องเที่ยวภูเขา เสือ้หนาว เป็นต้น ส่วนสาขาที่สองก็จะมีสินค้าที่เกี่ยวกับท่องเที่ยวทางน้ำด้วย เช่น ชุดว่ายยน้ำ ครีมกันแดด ห่วงว่ายน้ำ เป็นต้น โดยรวมแล้วจะมีทั้งเครื่องแต่งกายั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก เครื่องสำอาง ชุดว่ายน้ำ อินเนอร์แวร์ แอสเซสซอรี่ โดยมีแบรนด์ยีนส์ลี ปีเตอร์แอนด์เจีนนี่ เครื่องแต่งกายยชายแคชชวลลิสต์ จอห์นเฮนรี่ รองเท้าฮัชปั๊ปปี้ ชุดว่ายน้ำแจนเซ่น เสื้อผ้าเด็กพัพเพ็พ เครื่องสำอางนิโคล ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมเรสโทเรีย ชุดชั้นในปีเตอร์แอนด์จีนนี่ เป็นต้น
“ร้านเพย์เลสชอป จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่สนใจซื้อสินค้าแบรนด์เนมแต่ราคาไม่แพง ทั้งนักท่องเที่ยว คนต่างชาติ ผ่านมาแวะปั๊มปตท.เข้าเพื่อพักผ่อนและชอปปิ้ง ขณะที่สัดส่วนลูกค้าเข้าร้านแบ่งเป็น คนเดินทางไปทำงาน หรือเดินทางกลับบ้าน สัดส่วน 40% และกลุ่มลูกค้าคนท้องถิ่น 60% ซึ่งสองสาขาแรกที่เปิดเป็นเส้นทางหลักสำหรับผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาก
ทั้งนี้สินค้าที่จำหน่ายในร้านเอาท์เล็ตนี้จะมีราคาต่ำกว่าในช่องททางปรกติประมาณ 30% ขึ้นอยู่กับแต่ละสินค้า ซึ่งจะเป็นสินค้าที่ยังไม่เก่าเกินไป แต่จะมีอายุใกล้เคียงกับช่องทางอื่น ซึ่งนอกจากมีแบรนด์ของที่จัดจำหน่ายแล้วยังมีเฮ้าส์แบรนด์ของบริษัทฯเองด้วยเช่น ปีเตอร์แอนด์จีนนี่
สำหรับเป้าหมายรายได้จากร้านเพย์เลสชอปนี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 600,000 บาทต่อสาขาต่อเดือน หรือทั้งปีถ้ามีสาขาครบ 10 แห่ง ก็น่าจะมีรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท เป็นอย่างต่ำ
***ไมเนอร์ฯจ่อผุดพรีเมียมเอาท์เล็ต
นางหรรษา ถนอมสิงห์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มสินค้าแฟชั่น บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือไมเนอร์กรุ๊ป กล่าวว่า กลุ่มไมเนอร์ฯมีแผนที่จะลงทุนเปิดเอาท์เล็ตเช่นกันหรืออาจจะเป็นแบบมัลติแบนรด์ชอป แต่จะเป็นรูปแบบพรีเมียม แบบสแตนด์อโลน ไม่ได้ทำแป็นคอมมูนิตี้มอลล์แต่อย่างใด พื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร ทำเลไม่ห่างจากกรุงเทพฯมากนัก ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดและเตรียมความพร้อม
โดยสินค้าที่จำหน่ายเป็นลิขสิทธิ์ที่บริษัทฯได้รับทั้งหมด ในกลุ่มของ แฟชั่น เครื่องสำอาง และลักชัวรี่ แบรนด์ โดยอาจจะใช้คำว่าไมเนอร์นำหน้าเป็นชื่อร้านและต่อด้วยคำอื่นยังไม่สรุป เนื่องจากกลุ่มไมเนอร์มีสินค้าจำนห่ยหลายแบรนด์ และที่ผ่านมาก็มักสร้างแบรนด์ของสินค้าแต่ไม่เคยสร้างแบรนด์ไมเนอร์ของตัวเอง ซึ่งแนวทางนี้จะได้ทั้งการสร้างแบรนด์ไมเนอร์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อะไรบ้างและเพิ่มโอกาสในการขายด้วย
นายพงศ์จักร พาณิชกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย โมเดิร์นเทรดและคอร์ปอเรตเอ็กซ์ปอร์ต บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป จำกัด หรือซีเอ็มจี เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงทุนสร้างเอาท์เล็ตใหม่ชื่อว่า “เพย์เลสชอป (Payless Shop) จะเป็นร้านมัลติแบรนด์ในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ของบริษัทฯเอง พื้นที่เฉลี่ย 100 -200 ตารางเมตรต่อสาขา ตั้งเป้าหมายปีนี้จะเปิด 9-10 สาขา ใช้งบลงทุนเฉลี่ย 2 ล้านบาทต่อสาขาไม่รวมสินค้ารวมประมาณ 20 ล้านบาทปีนี้
***เซ็นทรัลผนึกปั๊ม ปตท.
ขณะนี้เปิดไปแล้ว 2 สาขาคือ สาขาแรกในปั๊มปตท. แก่งคอย สระบุรี เมื่อปีที่แล้วเป็นสาขาทดลองซึ่งพบว่าไปได้ดี และล่าสุดเปิดที่ปั๊มปตท. พระรามสอง กม. 35 สมุทรสาคร เมื่อเดือนที่แล้ว โดยจะเน้นทำเลเส้นทางหลักที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยว และจะเป็นพันธมิตรกับทางปั๊มปตท. เน้นเปิดต่างจังหวัด และชานเมือง ยังไม่เปิดในกรุงเทพฯ และยังมีการเจรจากับทางผู้ประกอบการคอมมูนิตี้มอลล์หลายแห่งนอกปั๊มน้ำมันเพื่อเปิดรร้านเพย์เลสชอปเช่นกัน
สำหรับสินค้าที่จำหน่ายในร้านเอาท์เล็ตนี้ จะเป็นสินค้าที่ซีเอ็มจีจำหน่ายทั้งสิ้น ยังไม่มีของบิษัทอื่นในช่วงแรกนี้ ส่วนอนาคตยังไม่แน่ โดยมีสินค้าประมาณ 10 กว่าแบรนด์ทีจำหน่าย ส่วนสินค้านั้นจะมีความแตกต่าางกันไปขึ้นอยู่กับทำเลของแต่ละสาขา เช่น สาขาแรกที่แก่งคอยจะเน้นสินค้าเกี่ยวกับท่องเที่ยวภูเขา เสือ้หนาว เป็นต้น ส่วนสาขาที่สองก็จะมีสินค้าที่เกี่ยวกับท่องเที่ยวทางน้ำด้วย เช่น ชุดว่ายยน้ำ ครีมกันแดด ห่วงว่ายน้ำ เป็นต้น โดยรวมแล้วจะมีทั้งเครื่องแต่งกายั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก เครื่องสำอาง ชุดว่ายน้ำ อินเนอร์แวร์ แอสเซสซอรี่ โดยมีแบรนด์ยีนส์ลี ปีเตอร์แอนด์เจีนนี่ เครื่องแต่งกายยชายแคชชวลลิสต์ จอห์นเฮนรี่ รองเท้าฮัชปั๊ปปี้ ชุดว่ายน้ำแจนเซ่น เสื้อผ้าเด็กพัพเพ็พ เครื่องสำอางนิโคล ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมเรสโทเรีย ชุดชั้นในปีเตอร์แอนด์จีนนี่ เป็นต้น
“ร้านเพย์เลสชอป จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่สนใจซื้อสินค้าแบรนด์เนมแต่ราคาไม่แพง ทั้งนักท่องเที่ยว คนต่างชาติ ผ่านมาแวะปั๊มปตท.เข้าเพื่อพักผ่อนและชอปปิ้ง ขณะที่สัดส่วนลูกค้าเข้าร้านแบ่งเป็น คนเดินทางไปทำงาน หรือเดินทางกลับบ้าน สัดส่วน 40% และกลุ่มลูกค้าคนท้องถิ่น 60% ซึ่งสองสาขาแรกที่เปิดเป็นเส้นทางหลักสำหรับผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาก
ทั้งนี้สินค้าที่จำหน่ายในร้านเอาท์เล็ตนี้จะมีราคาต่ำกว่าในช่องททางปรกติประมาณ 30% ขึ้นอยู่กับแต่ละสินค้า ซึ่งจะเป็นสินค้าที่ยังไม่เก่าเกินไป แต่จะมีอายุใกล้เคียงกับช่องทางอื่น ซึ่งนอกจากมีแบรนด์ของที่จัดจำหน่ายแล้วยังมีเฮ้าส์แบรนด์ของบริษัทฯเองด้วยเช่น ปีเตอร์แอนด์จีนนี่
สำหรับเป้าหมายรายได้จากร้านเพย์เลสชอปนี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 600,000 บาทต่อสาขาต่อเดือน หรือทั้งปีถ้ามีสาขาครบ 10 แห่ง ก็น่าจะมีรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท เป็นอย่างต่ำ
***ไมเนอร์ฯจ่อผุดพรีเมียมเอาท์เล็ต
นางหรรษา ถนอมสิงห์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มสินค้าแฟชั่น บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือไมเนอร์กรุ๊ป กล่าวว่า กลุ่มไมเนอร์ฯมีแผนที่จะลงทุนเปิดเอาท์เล็ตเช่นกันหรืออาจจะเป็นแบบมัลติแบนรด์ชอป แต่จะเป็นรูปแบบพรีเมียม แบบสแตนด์อโลน ไม่ได้ทำแป็นคอมมูนิตี้มอลล์แต่อย่างใด พื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร ทำเลไม่ห่างจากกรุงเทพฯมากนัก ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดและเตรียมความพร้อม
โดยสินค้าที่จำหน่ายเป็นลิขสิทธิ์ที่บริษัทฯได้รับทั้งหมด ในกลุ่มของ แฟชั่น เครื่องสำอาง และลักชัวรี่ แบรนด์ โดยอาจจะใช้คำว่าไมเนอร์นำหน้าเป็นชื่อร้านและต่อด้วยคำอื่นยังไม่สรุป เนื่องจากกลุ่มไมเนอร์มีสินค้าจำนห่ยหลายแบรนด์ และที่ผ่านมาก็มักสร้างแบรนด์ของสินค้าแต่ไม่เคยสร้างแบรนด์ไมเนอร์ของตัวเอง ซึ่งแนวทางนี้จะได้ทั้งการสร้างแบรนด์ไมเนอร์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อะไรบ้างและเพิ่มโอกาสในการขายด้วย