ศูนย์ข่าวขอนแก่น-บรรยากาศการลงทุนขอนแก่นปีกระต่ายทองสุดคึกคัก ทุนญี่ปุ่น สิงคโปร์ไต้หวัน จ่อลงทุนใหญ่ทั้งโรงงานผลิตกล้องนิคอน พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และสิ่งทอ ห่วงปัญหาแรงงานขาดแคลนยังไม่คลี่คลาย เหตุคนไทยไม่ยอมทำงานโรงงาน ชี้ถึงยุคต้องพึ่งแรงงานต่างด้าวในภาคอุตสาหกรรม รับปัญหาสึนามิถล่มญี่ปุ่น กระทบโรงงานในขอนแก่นไม่รุนแรง คู่ค้าญี่ปุ่นเริ่มชะลอคำสั่งซื้อ
นายวิฑูรย์ กมลนฤเมธ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึงภาวะการลงทุนในจังหวัดขอนแก่นปี 2554 ว่า บรรยากาศการลงทุนในจังหวัดขอนแก่นปีนี้ มีความคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะโครงการลงทุนของนักลงทุนจากต่างประเทศ มีคณะนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในจังหวัดขอนแก่น
ที่ผ่านมาคณะนักลงทุนจากทั้ง 3 ประเทศ เดินทางเข้ามาศึกษาข้อมูลด้านการลงทุน รวมทั้งจัดสัมมนาหาลู่ทางการลงทุนที่จังหวัดขอนแก่น มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดโครงการลงทุนจากนักลงทุนทั้ง 3 ชาติ โดยบริษัทผู้ผลิตกล้องนิคอน จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายให้บริษัทแม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยโดยตรง มีความสนใจจะลงทุนตั้งโรงงานผลิตกล้องนิคอน ที่จังหวัดขอนแก่น รองรับตลาดกล้องดิจิตอลที่เติบโตต่อเนื่อง
ส่วนนักลงทุนไต้หวัน สนใจจะลงทุนในโครงการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานประเภทนี้อยู่แล้วในจังหวัดขอนแก่นหลายบริษัท ที่น่าสนใจโครงการลงทุนของ บริษัท วัน นอร์ธ แคปปิตอล จำกัดทุนอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ มีโครงการจะขยายการลงทุนเข้ามาในพื้นที่ภาคอีสานของไทย จับตลาดที่อยู่อาศัยชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวสิงคโปร์
ทั้งนี้โครงการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สิงคโปร์ มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ ขณะที่ประชากรขยายตัวรวดเร็ว ซึ่งโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย มีมูลค่าโครงการลงทุนค่อนข้างสูง ระดับราคาขายต่อยูนิตไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท โดยพื้นที่ที่คาดว่าจะลงทุนอยู่ใน 3 จังหวัดประกอบด้วย ขอนแก่น นครราชสีมา และอุดรธานี
จังหวัดขอนแก่นมีโอกาสเกิดการลงทุนมากที่สุด เนื่องจาก มีความได้เปรียบจังหวัดอื่น ในฐานะศูนย์กลางหลายๆด้านของภาคอีสาน ทั้งด้านลอจิสติกส์ที่มีถนนสายหลักเข้าสู่จังหวัด ศูนย์กลางด้านการรักษาสุขภาพจากสถานพยาบาลหลายแห่งทั้งของภาครัฐและเอกชน และกีฬากอล์ฟ มีสนามกอล์ฟที่ได้มาตรฐานจำนวนมาก จะทำให้นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจง่ายขึ้น
**ปัญหาแรงงานขาดแคลนไม่คลี่คลาย
อย่างไรก็ตามปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจังหวัดขอนแก่น ยังต้องการแรงงานอีกมาก ข้อมูลล่าสุดภาคอุตสาหกรรมในขอนแก่นขาดแคลนแรงงานแล้วกว่า 12,000 คน ซึ่งเป็นปัญหาของภาคอุตสาหกรรมการผลิต ในหลายจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมล้วนประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานเช่นกัน
“จากการประชุมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่า แรงงานไทยที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีออกมาแล้ว ไม่ยอมทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งที่มีตำแหน่งงานรองรับจำนวนมาก การแก้ปัญหาเบื้องต้นโรงงานที่สามารถปรับใช้เครื่องจักรทดแทนได้ จะสั่งซื้อเครื่องจักรมาทดแทน”นายวิฑูรย์ กล่าวและว่า
ขอนแก่น จำเป็นต้องนำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในภาคอุตสาหกรรม เบื้องต้นมีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว สปป.ลาว พม่า และกัมพูชา ทำงานในขอนแก่นแล้ว 4,870 คน ในอนาคตต้องเพิ่มแรงงานต่างด้าวอีกมาก ขณะเดียวกันกระทรวงศึกษาธิการ ควรทบทวนการผลิตนักศึกษา มุ่งผลิตนักศึกษาด้านอาชีวะออกมา ให้ตรงต่อความต้องการในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น
นายวิฑูรย์ กล่าวถึงกรณีปัญหาแผ่นดินไหวและเกิดคลื่นสึนามิถล่มญี่ปุ่นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวในแง่ของผู้ประกอบการโรงงานในจ.ขอนแก่นที่มีคู่ค้ากับญี่ปุ่น เริ่มส่งผลกระทบบ้างแล้ว โดยคู่ค้าญี่ปุ่น ชะลอคำสั่งซื้อ บางรายระงับคำสั่งซื้อแล้ว ส่วนภาคเกษตรกรรม ชาวสวนยางพารา อาจได้รับผลกระทบ จากราคายางพาราที่ลดลงกว่า 50% แต่ก็ยังเป็นราคาที่ชาวสวนยางประครองตัวอยู่ได้
ส่วนผลกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรมที่จังหวัดขอนแก่น เบื้องต้นมีโรงงานผลิต 3 แห่งที่เป็นสาขาของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น เช่น โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โรงงานผลิตเมล็ดพันธุ์พืช ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากกว่าโรงงานแห่งอื่น แต่ผลกระทบนั้นไม่ถึงขั้นปลดคนงาน หรือหยุดผลิตทันที เชื่อมั่นว่าประเทศญี่ปุ่นจะสามารถฟื้นฟูประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว
