เป่าแตร!! แก้สภาล่ม

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถ้าเป็นเมื่อก่อน "สภาล่ม" แต่ละครั้งจะถือเป็นข่าวใหญ่หน้า 1 ของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ แต่ในยุคนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี สภาล่มบ่อย จนแทบเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาไปแล้ว

นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงกับออกอาการเซ็งกับพฤติกรรมของส.ส.และพรรคการเมือง ที่มุ่งเอาชนะคะคาน มุ่งทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามจนลืมหน้าที่ที่แท้จริงของตนเอง ถึงแม้จะมีวิปรัฐบาล และวิปฝ่ายค้านคอยประสานให้การประชุมสภาเดินหน้า แต่ก็ไม่มีความหมาย

เพราะฝ่ายค้านมุ่งแต่จะทำอย่างไรให้ฝ่ายรัฐบาลล่มจมได้ ถ้ามีโอกาสเป็นต้องทำทันที

เมื่อก่อนนี้ ปัญหาสภาล่ม มักเกิดจากการที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับกฎหมายสำคัญที่รัฐบาลเสนอ ก็จะใช้วิธีวอล์กเอาต์ ให้องค์ประชุมไม่ครบ

แต่ตอนนี้ เขาไม่วอล์กเอาต์กันแล้ว ตัวยังนั่งอยู่ในสภา แต่ไม่กดบัตรแสดงตน สภาก็ล่มแล้ว แถมยังๆได้ความสะใจ ที่ได้หยามฝ่ายตรงข้ามให้เจ็บใจเล่นๆ ด้วย

เรื่องนี้ นายชัย เสนอว่า ต้องแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภา เขียนให้ชัดว่าใครที่อยู่ในห้องประชุม ให้นับเป็นองค์ประชุมด้วย

"ประชุมสภาผู้แทนฯ ใช้เสียงครบองค์ 237 เสียง ประชุมร่วมรัฐสภาครบองค์ใช้ 277 เสียง เท่านั้น เวลาประชุมใครจะรับไม่รับ ก็มีสิทธิ์ออกเสียง ถึงจะเป็นนักการเมืองที่แท้จริง แต่ถ้าเล่นระบบนี้ ทำสภาล่มบ่อย บ้านเมืองไปไม่รอด ก็ควรให้ผู้ที่มีอำนาจดำเนินการไปซะ เลือกตั้งจากประชาชนอย่างทุกวันนี้ ไม่มีประโยชน์ ผู้แทนราษฎรเขา คิดว่าทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ สิ้นเดือนก็รับค่าตอบแทน ยิ่งนายกฯประกาศจะยุบสภา เลือกตั้งใหม่ นักเลือกตั้งทั้งหลายกลัวว่าจะไม่ได้รับเลือกตั้ง ก็เข้าคลุกคลีกับประชาชน เพราะทุกคนก็อยากเป็นนักการเมือง และการเมืองเป็นเรื่องยาเสพติดไปแล้ว"

นายชัย ยังเล่าถึงประสบการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาว่า ถ้าเป็นสมัยก่อน ขืนมีเหตุการณ์สภาล่มแบบนี้บ่อยๆ เจอปฏิวัติไปแล้ว

"เป็นเมื่อก่อน ฝ่ายผู้มีอำนาจท่านก็เป่าแตรแล้ว ผมห่วงเรื่องเป่าแตรมากว่า ถ้าส.ส.สมัยนี้ มีประสบการณ์อย่างผม ถ้าไม่อยากให้เป่าแตร ต้องช่วยกันแก้ปัญหา เป่าแตรก็มีทั้งแตรนอน แตรรบ เคยเห็นมั้ย เป่าแตร แล้วไปเลย"

อย่างไรก็ตาม ยังมีการประชุมร่วมรัฐสภานัดที่ต้องจับตาเป็นพิเศษว่า จะล่มอีกหรือไม่ คือการประชุมเพื่อพิจารณษให้ความเห็นชอบ บันทึกการประชุมคณะกรรมการธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) รวม 3 ฉบับ ที่ถูกเลื่อนมา 2 ครั้งแล้ว

หากสภายังล่มอีก คงต้องใช้ยาแรง ตามที่ สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯเสนอ คือ เว้นวรรคการเมืองระบบรัฐสภาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไปสัก 3 ปี 5 ปี คงจะดีเแนแน่แท้