ศูนย์ข่าวศรีราชา -ฝันที่เป็นจริง นายกเมืองพัทยา ดันโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาสำเร็จ หลังมีปัญหารัฐเตรียมดึงงบ 900 ล้านบาทกลับเข้างบกลาง ชี้ปัจจุบันมีการลงนามเซ็นสัญญาว่าจ้างอย่างเป็นทางการ พร้อมจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆพร้อมพัฒนาสู่ความเป็นนานาชาติ
จากกรณีที่ผ่านมาเมืองพัทยา ได้ร่วมกับทางกองทัพเรือได้เสนอโครงการไปยังส่วนกลางเพื่อขอจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำมาก่อสร้าง พัฒนา และปรับปรุงอาคารรองรับผู้โดยสารใหม่ในพื้นที่ของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา-พัทยา ในงบประมาณจำนวนร่วม 900 ล้านบาท ซึ่งจะขยายพื้นที่จากเดิม 4,280 ตารางเมตร(ตร.ม.) เป็น 25,200 ตร.ม. ที่สามารถรองรับผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกได้จำนวนถึง 1,500 คน/ชั่วโมง หรือเพิ่มสัดส่วนการให้บริการจากเดิมเพิ่มขึ้นได้อีกถึง 100 %
ทั้งนี้ จะมีการจำลองแบบของอาคารมาจากท่าอากาศยานจังหวัดพิษณุโลกมาจัดทำ เพียงปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในและอุปกรณ์บางอย่างให้มีความทันสมัย และสามารถใช้งานในการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินจำนวนมากได้โดยสะดวก รวมทั้งการก่อสร้างลานจอดแห่งใหม่เพิ่มเติม การจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์ การจัดสร้างโรงน้ำมันเชื้อเพลิง รถดับ เพลิง และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์สูงสุดในปี 2553-2555
แต่ปรากฏว่า ต่อมามีกรณีกระแสข่าวที่รัฐบาลจะดึงเอางบประมาณจำนวนดังกล่าวกลับไปใช้ในโครงการไทยเข้มแข็ง เนื่องจากโครงการนี้ยังไม่มีการจัดซื้อ จัดจ้าง ผู้รับเหมาสัมปทานตามระยะเวลาที่กำหนดนั้น
ล่าสุด นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่าหลังเกิดกระแสดังกล่าว ก็ได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงงบประมาณดังกล่าวไว้ให้ได้ เพราะเห็นว่าเป็นงบประมาณที่จำเป็นเนื่องจากเมืองพัทยาเองกำลังพัฒนาในเรื่องของการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม สนามบินจึงถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมอย่างจริงจัง อีกทั้งงบประมาณดังกล่าวก็ได้หารือร่วมหน่วยงานต่างๆพร้อมตั้งโครงการและดึงงบประมาณมาด้วยความยากลำบาก เพราะฉะนั้นหากถูกดึงกลับไปก็ถือว่าน่าเสียดายและเมืองพัทยาเองก็จะเสียโอกาสในการพัฒนาไปสู่เมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ
นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการดังกล่าว ขณะนี้จากการสอบถามไปยังผู้เกี่ยวข้องก็ได้รับคำยืนยันตรงกันว่า งบประมาณไม่ได้ตกไปไหนและได้รับการสนับสนุนมาแล้ว ที่สำคัญหน่วยงานที่สำคัญของโครงการอย่างกองทัพเรือ ก็ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ได้แก่ บ.แอสคอน คอนสตรัคชั่น ดิวีลอปเมนต์
งบประมาณจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือจำนวน 468 ล้านบาท ในการปรับปรุงและพัฒนาอาคารรองรับผู้โดยสาร ขณะที่อีกส่วนประมาณ 400 กว่าล้านบาท จะนำไปจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์เกี่ยวกับสนามบิน ซึ่งก็ได้ลงนามว่าจ้างไปแล้วเช่นกัน รอเพียงระยะเวลาของการส่งของและติดตั้งเท่านั้น ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.นี้ไปแล้วเสร็จในวันที่ 11 ก.ย. 2555
หลังแล้วเสร็จก็คาดว่าคงจะทำให้สนามบินอู่ตะเภามีศักยภาพในการรองรับการเดินทางทางอากาศได้มากขึ้น และมีมาตรฐานมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของเมืองพัทยาก็จะยังมีการเสริมเพิ่มเติมในส่วนของการพัฒนาระบบสาธารณูปโภครองรับ รวมไปถึงระบบการขนส่งโดยจะมีการรื้อฟื้นโครงการปรับปรุงสถานีเดินรถไฟสายพัทยา-อู่ตะเภาขึ้น ซึ่งจะมีการเตรียมแผนและวิธีการดำเนินงานในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
ด้านนายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวและกีฬาสภาเมืองพัทยา กล่าวว่าข่าวดังกล่าวถือเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่เมืองพัทยาได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวนถึงกว่า 900 ล้านบาท เพื่อมาทำการจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็น รวมทั้งการก่อสร้างต่อเติมพัฒนาอาคารรับรองผู้โดย สารให้มีความยิ่งใหญ่และทันสมัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าคงจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.2555 หลังจากที่ได้มีการลงนามเซ็นต์สัญญาร่วมกันระหว่างกองทัพเรือกับผู้รับเหมาไปเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา
จากกรณีนี้หลังการดำเนินการก่อสร้าง และมีการปรับปรุงอาคาร รวมทั้งการจัดซื้อสิ่งของจำเป็นแล้ว ก็คงจะทำให้สนามบินอู่ตะเภามีศักยภาพในความเป็นนานาชาติและสากลมากยิ่งขึ้น แตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมาที่สามารถรองรับนักเดินทางได้เพียงจำนวนน้อยเท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าจากนี้ต่อไปในพื้นที่ของสนามบินอู่ตะเภาคงจะมีสายการบินพานิชย์ติดต่อเพื่อเดินทางมาเปิดสายการบินเพิ่มมากขึ้นมากกว่าเดิม ที่จะมีเพียงแต่เครื่องเช่าเหมาลำ หรือชาเตอร์ไฟลต์หรือสายการบินภายในประเทศและต่างประเทศเพียง 1 สายเท่านั้น
ขณะที่อนาคตทางด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาและภาคตะวันออกก็จะเติบโตคู่ไปด้วย ซึ่งก็จะสอดคล้องกับโครงการจัดทำรถไฟรางคู่หรือไฮสปีดเทรน ที่จะมาลงที่เมืองพัทยาในอนาคตอันใกล้นี้ รวมถึงโครงการใหญ่อย่าง World Expo 2020 ด้วยเช่นกัน
จากกรณีที่ผ่านมาเมืองพัทยา ได้ร่วมกับทางกองทัพเรือได้เสนอโครงการไปยังส่วนกลางเพื่อขอจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำมาก่อสร้าง พัฒนา และปรับปรุงอาคารรองรับผู้โดยสารใหม่ในพื้นที่ของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา-พัทยา ในงบประมาณจำนวนร่วม 900 ล้านบาท ซึ่งจะขยายพื้นที่จากเดิม 4,280 ตารางเมตร(ตร.ม.) เป็น 25,200 ตร.ม. ที่สามารถรองรับผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกได้จำนวนถึง 1,500 คน/ชั่วโมง หรือเพิ่มสัดส่วนการให้บริการจากเดิมเพิ่มขึ้นได้อีกถึง 100 %
ทั้งนี้ จะมีการจำลองแบบของอาคารมาจากท่าอากาศยานจังหวัดพิษณุโลกมาจัดทำ เพียงปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในและอุปกรณ์บางอย่างให้มีความทันสมัย และสามารถใช้งานในการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินจำนวนมากได้โดยสะดวก รวมทั้งการก่อสร้างลานจอดแห่งใหม่เพิ่มเติม การจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์ การจัดสร้างโรงน้ำมันเชื้อเพลิง รถดับ เพลิง และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์สูงสุดในปี 2553-2555
แต่ปรากฏว่า ต่อมามีกรณีกระแสข่าวที่รัฐบาลจะดึงเอางบประมาณจำนวนดังกล่าวกลับไปใช้ในโครงการไทยเข้มแข็ง เนื่องจากโครงการนี้ยังไม่มีการจัดซื้อ จัดจ้าง ผู้รับเหมาสัมปทานตามระยะเวลาที่กำหนดนั้น
ล่าสุด นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่าหลังเกิดกระแสดังกล่าว ก็ได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงงบประมาณดังกล่าวไว้ให้ได้ เพราะเห็นว่าเป็นงบประมาณที่จำเป็นเนื่องจากเมืองพัทยาเองกำลังพัฒนาในเรื่องของการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม สนามบินจึงถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมอย่างจริงจัง อีกทั้งงบประมาณดังกล่าวก็ได้หารือร่วมหน่วยงานต่างๆพร้อมตั้งโครงการและดึงงบประมาณมาด้วยความยากลำบาก เพราะฉะนั้นหากถูกดึงกลับไปก็ถือว่าน่าเสียดายและเมืองพัทยาเองก็จะเสียโอกาสในการพัฒนาไปสู่เมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ
นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการดังกล่าว ขณะนี้จากการสอบถามไปยังผู้เกี่ยวข้องก็ได้รับคำยืนยันตรงกันว่า งบประมาณไม่ได้ตกไปไหนและได้รับการสนับสนุนมาแล้ว ที่สำคัญหน่วยงานที่สำคัญของโครงการอย่างกองทัพเรือ ก็ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ได้แก่ บ.แอสคอน คอนสตรัคชั่น ดิวีลอปเมนต์
งบประมาณจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือจำนวน 468 ล้านบาท ในการปรับปรุงและพัฒนาอาคารรองรับผู้โดยสาร ขณะที่อีกส่วนประมาณ 400 กว่าล้านบาท จะนำไปจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์เกี่ยวกับสนามบิน ซึ่งก็ได้ลงนามว่าจ้างไปแล้วเช่นกัน รอเพียงระยะเวลาของการส่งของและติดตั้งเท่านั้น ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.นี้ไปแล้วเสร็จในวันที่ 11 ก.ย. 2555
หลังแล้วเสร็จก็คาดว่าคงจะทำให้สนามบินอู่ตะเภามีศักยภาพในการรองรับการเดินทางทางอากาศได้มากขึ้น และมีมาตรฐานมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของเมืองพัทยาก็จะยังมีการเสริมเพิ่มเติมในส่วนของการพัฒนาระบบสาธารณูปโภครองรับ รวมไปถึงระบบการขนส่งโดยจะมีการรื้อฟื้นโครงการปรับปรุงสถานีเดินรถไฟสายพัทยา-อู่ตะเภาขึ้น ซึ่งจะมีการเตรียมแผนและวิธีการดำเนินงานในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
ด้านนายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวและกีฬาสภาเมืองพัทยา กล่าวว่าข่าวดังกล่าวถือเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่เมืองพัทยาได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวนถึงกว่า 900 ล้านบาท เพื่อมาทำการจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็น รวมทั้งการก่อสร้างต่อเติมพัฒนาอาคารรับรองผู้โดย สารให้มีความยิ่งใหญ่และทันสมัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าคงจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.2555 หลังจากที่ได้มีการลงนามเซ็นต์สัญญาร่วมกันระหว่างกองทัพเรือกับผู้รับเหมาไปเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา
จากกรณีนี้หลังการดำเนินการก่อสร้าง และมีการปรับปรุงอาคาร รวมทั้งการจัดซื้อสิ่งของจำเป็นแล้ว ก็คงจะทำให้สนามบินอู่ตะเภามีศักยภาพในความเป็นนานาชาติและสากลมากยิ่งขึ้น แตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมาที่สามารถรองรับนักเดินทางได้เพียงจำนวนน้อยเท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าจากนี้ต่อไปในพื้นที่ของสนามบินอู่ตะเภาคงจะมีสายการบินพานิชย์ติดต่อเพื่อเดินทางมาเปิดสายการบินเพิ่มมากขึ้นมากกว่าเดิม ที่จะมีเพียงแต่เครื่องเช่าเหมาลำ หรือชาเตอร์ไฟลต์หรือสายการบินภายในประเทศและต่างประเทศเพียง 1 สายเท่านั้น
ขณะที่อนาคตทางด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาและภาคตะวันออกก็จะเติบโตคู่ไปด้วย ซึ่งก็จะสอดคล้องกับโครงการจัดทำรถไฟรางคู่หรือไฮสปีดเทรน ที่จะมาลงที่เมืองพัทยาในอนาคตอันใกล้นี้ รวมถึงโครงการใหญ่อย่าง World Expo 2020 ด้วยเช่นกัน