“อภิสิทธิ์” โวนักท่องเที่ยวเข้าไทยกว่า 15 ล้าน คาดปีหน้าเพิ่ม 17 ล้านคน ยัน หนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพร้อมใช้เทคโนโลยีสังคมออนไลน์ส่งเสริมการท่องเที่ยว
ที่ห้องคริสตัล แกรนด์บอลรูม โรงแรมพลาซ่า แอทธินี วันนี้ (24 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ASEAN e-Travel Mart 2010 จัดโดยสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อการท่องเที่ยว โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ภูมิภาคอาเซียน การท่องเที่ยวถือเป็นภาคอุตสาหกรรมหลักที่ทำให้เกิดการจ้างแรงงานในประเทศเป็นจำนวนมาก ทั้งยังส่งผลต่อ GDP ของประเทศ
สำหรับประเทศไทย การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยในปีที่แล้วกว่า 15.8 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 585 พันล้านบาท หรือร้อยละ 7 ของ GDP และในปีนี้ เราตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย 17 ล้านคน ทั้งนี้ ประเทศไทยมีนโยบายที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การท่องเที่ยวของไทยยังเป็นเชิงวัฒนธรรมเป็นมรดกให้ชาวโลกได้สัมผัส และยังสร้างรายได้และอาชีพให้แก่ประชาชน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดนี้ยังคงยึดมั่นในการนำประเทศไทยสู่ความสันติสุข มีเสถียรภาพและเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยหัวใจแห่งการบริการ รัฐบาลไทยให้การสนับสนุนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งใน ประเทศและในภูมิภาคนี้ ภายใต้โครงการ 5 ประเทศ 1 จุดหมายปลายทาง (Five Countries, One Destination) ภายใต้ความร่วมมือในกรอบ ACMECS เช่นเดียวกับโครงการการท่องเที่ยวในประชาคมอาเซียน (Travel the ASEAN Community) รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะสร้างศักยภาพที่เข้มแข็งให้แก่แรงงานในอุตสาหกรรมนี้ เพื่อเปลี่ยนไปสู่แรงงานที่มีทักษะมากขึ้นและแรงงานในระดับโลก
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ประชาคมอาเซียนที่เรากำลังสร้างกันอยู่นี้ ประเทศไทยเองหวังที่จะเห็นการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และในภูมิภาคนี้ ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บททางด้านการเชื่อมโยงของอาเซียนที่เชื่อมโยงทั้งกายภาพถนนหนทาง การเชื่อมโยงระหว่างองค์การ และการเชื่อมโยงของประชาชน โดยการจะนำความก้าวหน้ามาสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ เราต้องอาศัยเทคโนโลยีโดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในประเทศไทยรู้จักจุดหมายปลายทางที่สวยงามของเรา ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต และการบอกเล่าสู่เพื่อนผ่านสังคมออนไลน์ ตนมั่นใจว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ในแง่จุดหมายปลายทาง สินค้าและบริการ และยังรวมถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภาพรวม และหนึ่งในเสาหลักของประชาคมอาเซียน คือ การเชื่อมโยงระหว่างกัน ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของความสำเร็จที่มาจากการนำเทคโนโลยีมาใช้
“รัฐบาลไทยเองมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในการลงทุนโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อสร้างให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมเพื่ออนาคตของทั้ง คนไทยและผู้ที่มาเยือนประเทศไทย สำหรับประเทศไทย เราได้เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศ และการเติบโตของทางเศรษฐกิจร้อยละ 8 ในปีที่แล้ว เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่าเศรษฐกิจของเราได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วท่ามกลางอุปสรรคที่ถาโถม และในปีนี้เราได้คาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะยังคงอยู่ที่ร้อยละ 3.5-4.5 แม้ว่าจะมีการขั้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าความอบอุ่นและความเป็นมิตรของคนไทยเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุด ประเทศไทย คือ ดินแดนแห่งรอยยิ้ม แม้ว่าในอนาคตเราก็คงยิ้มได้อย่างมั่นใจ เพราะเราได้อยู่บนเส้นทางที่นำไปสู่ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคม นอกจากด้านการท่องเที่ยว ประเทศไทยเองยังเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมสำหรับการจัดการประชุมและสัมมนา มีการจัดประชุมนานาชาติและการแสดงสินค้าขึ้นที่ประเทศไทยกว่า 2,000 งานต่อปี และใครก็ตามที่เคยเดินทางไปร่วมงาน World Expo ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ในปีที่แล้ว ต่างต้องรู้สึกชื่นชมกับศาลาไทย และด้วยเหตุนี้ประเทศไทยได้เสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2020 และหากประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดงาน จะถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดงาน World Expo ในภูมิภาคอาเซียนด้วย