ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เลขาสนง.มหกรรมโลกเตรียมมาเยือนดูความพร้อมเชียงใหม่ ก่อนชิงดำ “อยุธยา-ชลบุรี” เป็นตัวแทนไทยจัด World Expo 2020 เผยจุดแข็งทั้งสาธารณูปโภคพร้อม-เคยจัดงานนานาชาติ แต่ติดเรื่องคมนาคมยังอ่อน ต้องลุ้น “รถไฟความเร็วสูง” มาช่วย
นายสำเริง ไชยเสน หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด กล่าวถึงการเตรียมการต้อนรับเลขาธิการสำนักงานมหกรรมโลก World Expo 2020 ซึ่งจะเดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่จ.เชียงใหม่ว่า นายวินเซนต์ กอนซาเลซ ลอสเซอทาเลซ เลขาธิการสำนักงานมหกรรมโลก ผู้ดูแลกระบวนการนำเสนอและการตัดสินใจเลือกเจ้าภาพการจัดงาน World Expo 2020 จะเดินทางมาเยือนจ.เชียงใหม่ในช่วงระหว่างวันที่ 13-14 ม.ค.2554 เพื่อตรวจดูความพร้อมและศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่การจัดงาน โครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค และรายละเอียดอื่นๆ
การเดินทางมาเยือนจ.เชียงใหม่ของเลขาธิการสำนักงานมหกรรมโลกในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2553 ที่อนุมัติหลักการให้ประเทศไทยดำเนินโครงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 และมีมติเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2553 ให้ 3 จังหวัด ประกอบด้วย จ.พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี และเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีความเหมาะสมในการเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมโลก และกำหนดให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สปปน. ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในเชิงลึก ก่อนนำเสนอครม.เพื่อพิจารณาคัดเลือกจังหวัดที่มีความเหมาะสมที่สุดเพียงจังหวัดเดียว เพื่อเสนอตัวแข่งขันกับอีก 23 เมืองจาก 15 ประเทศต่อไป
สำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน World Expo ของจ.เชียงใหม่ จะใช้พื้นที่ราชพัสดุบริเวณห้วยตึงเฒ่า ต.ดอนแก้ว องแม่ริม ซึ่งปัจจุบันกองพันสัตว์ต่างและมณฑลทหารบกที่ 33 ใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป็นสถานที่จัดงาน พร้อมทั้งนำเสนอความพร้อมในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสนามบินนานาชาติ โรงแรมและที่พัก โรงพยาบาล สถานศึกษา ประสบการณ์การจัดงานในระดับนานาชาติ รวมทั้งสถานที่และรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย
พร้อมกันนี้ยังได้นำเสนอแผนการพัฒนาพื้นที่จัดงานให้เป็นศูนย์วิจัย เรียนรู้ และเผยแพร่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายหลังจากเสร็จสินการจัดงานแล้วอีกด้วย
นายสำเริงกล่าวว่า เชียงใหม่จะเป็นจังหวัดสุดท้ายที่นายวินเซนต์ จะเดินทางมาตรวจดูความพร้อม ต่อจากจ.พระนครศรีอยุธยา และลบุรี โดยจ.พระนครศรีอยุธยาชูจุดเด่นของการมีศูนย์ศิลปาชีพบางไทร การเป็นเมืองมรดกโลกและการเชื่อมต่อกับสนามบินดอนเมือง ส่วนจ.ชลบุรีเลือกพัทยาเป็นสถานที่จัดงาน
ขณะที่เชียงใหม่มีจุดเด่นอยู่ที่ความหลากหลายทางประเพณีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ รวมทั้งมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน แต่ยังมีจุดอ่อนในเรื่องของการคมนาคมขนส่ง อย่างไรก็ตาม หากโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน)ของรัฐบาลดำเนินการในเส้นทางจ.เชียงใหม่แล้ว ก็จะช่วยให้มีจุดแข็งเพิ่มมากขึ้น
นายสำเริง ไชยเสน หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด กล่าวถึงการเตรียมการต้อนรับเลขาธิการสำนักงานมหกรรมโลก World Expo 2020 ซึ่งจะเดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่จ.เชียงใหม่ว่า นายวินเซนต์ กอนซาเลซ ลอสเซอทาเลซ เลขาธิการสำนักงานมหกรรมโลก ผู้ดูแลกระบวนการนำเสนอและการตัดสินใจเลือกเจ้าภาพการจัดงาน World Expo 2020 จะเดินทางมาเยือนจ.เชียงใหม่ในช่วงระหว่างวันที่ 13-14 ม.ค.2554 เพื่อตรวจดูความพร้อมและศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่การจัดงาน โครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค และรายละเอียดอื่นๆ
การเดินทางมาเยือนจ.เชียงใหม่ของเลขาธิการสำนักงานมหกรรมโลกในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2553 ที่อนุมัติหลักการให้ประเทศไทยดำเนินโครงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 และมีมติเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2553 ให้ 3 จังหวัด ประกอบด้วย จ.พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี และเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีความเหมาะสมในการเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมโลก และกำหนดให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สปปน. ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในเชิงลึก ก่อนนำเสนอครม.เพื่อพิจารณาคัดเลือกจังหวัดที่มีความเหมาะสมที่สุดเพียงจังหวัดเดียว เพื่อเสนอตัวแข่งขันกับอีก 23 เมืองจาก 15 ประเทศต่อไป
สำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน World Expo ของจ.เชียงใหม่ จะใช้พื้นที่ราชพัสดุบริเวณห้วยตึงเฒ่า ต.ดอนแก้ว องแม่ริม ซึ่งปัจจุบันกองพันสัตว์ต่างและมณฑลทหารบกที่ 33 ใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป็นสถานที่จัดงาน พร้อมทั้งนำเสนอความพร้อมในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสนามบินนานาชาติ โรงแรมและที่พัก โรงพยาบาล สถานศึกษา ประสบการณ์การจัดงานในระดับนานาชาติ รวมทั้งสถานที่และรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย
พร้อมกันนี้ยังได้นำเสนอแผนการพัฒนาพื้นที่จัดงานให้เป็นศูนย์วิจัย เรียนรู้ และเผยแพร่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายหลังจากเสร็จสินการจัดงานแล้วอีกด้วย
นายสำเริงกล่าวว่า เชียงใหม่จะเป็นจังหวัดสุดท้ายที่นายวินเซนต์ จะเดินทางมาตรวจดูความพร้อม ต่อจากจ.พระนครศรีอยุธยา และลบุรี โดยจ.พระนครศรีอยุธยาชูจุดเด่นของการมีศูนย์ศิลปาชีพบางไทร การเป็นเมืองมรดกโลกและการเชื่อมต่อกับสนามบินดอนเมือง ส่วนจ.ชลบุรีเลือกพัทยาเป็นสถานที่จัดงาน
ขณะที่เชียงใหม่มีจุดเด่นอยู่ที่ความหลากหลายทางประเพณีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ รวมทั้งมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน แต่ยังมีจุดอ่อนในเรื่องของการคมนาคมขนส่ง อย่างไรก็ตาม หากโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน)ของรัฐบาลดำเนินการในเส้นทางจ.เชียงใหม่แล้ว ก็จะช่วยให้มีจุดแข็งเพิ่มมากขึ้น