วานนี้(11 ม.ค.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 10/2553 ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เห็นชอบตามที่กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เสนอสร้างศูนย์ประชุมภูเก็ต งบประมาณในการก่อสร้าง 2,600 ล้านบาท ที่ขณะนี้กำลังทำ EIA ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ นี้
โดยจะมีการจ้างที่ปรึกษาโครงการออกแบบ และให้มีการคัดเลือกผู้ออกแบบศูนย์ประชุมต่อไป คาดว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในปี พ.ศ. 2554 ต่อ 2555
ทั้งนี้ครม.ได้มีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการขอรับจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ และการลงนามในสัญญาเป็นภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 และขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเป็นภายในปี 2557 จะทำให้ กระทรวงการคลังต้องกู้เงินมาไว้ล่วงหน้าเป็นระยะเวลาถึง 2 – 4 ปี อย่างไรก็ตามอาจพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณปี 2556 – 2557 ให้แก่โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ ในภายหลังหรือพิจารณาทางเลือกในการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการแทน
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นครม.ได้ตีกลับโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีกระแสกินค่าหัวคิวของการออกแบบศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ตเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ หรือ 41% ของมูลค่าการออกแบบ ในช่วงที่ น.พ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์รมช.คลัง ซึ่งกำกับดูแลกรมธนารักษ์ กำกับดูแล ซึ่งก่อนหน้านั้มีข่าวว่าจะว่าจ้าง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป้นที่ปรึกษาก่อนที่นายกรณ์ จาติวณิชย์ รมว.คลัง จะสั่งให้ล้ม
“มีการคิดค่าหัวคิวในการว่าจ้างครั้งนี้จากนักการเมืองในสัดส่วนกว่า 40% ของวงเงินการออกแบบ 107 ล้านบาท”
ก่อนหน้านั้นมีคำสั่งให้คณะกรรมการบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ (ธพส.)ลาออกจากตำแหน่งแบบยกชุด เส้นโครงการดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการดังกล่าว นายทศพร เทพบุตร ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างมาก
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่บริเวณหาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต มูลค่าเกือบ 2,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินงบประมาณไทยเข้มแข็งทั้งหมดโดยตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางไมซ์ในภูมิภาคอาเซียนที่มีความพร้อมสูงสุดแบบครบวงจร รองรับผู้เข้าประชุมราว 2,000,000 คนต่อปี ห้องพักหรูระดับ 4 ดาว รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ที่สามารถสร้างงานและรายได้ให้กับท้องถิ่น
วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิเซนต์ กอนซาเลส ลอสเซอทาเลซ เลขาธิการสำนักงานมหกรรมโลก เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนประเทศไทย โดยได้สนับสนุนประเทศไทยที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก หรือ World Expo ในปี 2020 เพราะเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในหลายๆด้าน อาทิ มี National Character ที่เด่นชัด และเชื่อว่ารัฐบาลจะสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพ และกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติต่อไป ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของสำนักงานมหกรรมโลกที่ให้ความสำคัญกับประชาชน กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน และการสร้างนวัตกรรม โดยเชื่อว่า การจัดงานมหกรรมโลกจะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งในประเทศ และทั่วโลกด้วย ทั้งนี้ ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฯนั้น เลขาธิการฯ ได้เสนอให้ไทยเลือกสถานที่ที่เหมาะสม รวมถึงการสร้างความเชื่อในการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก เพื่อความมุ่งมั่นในการพัฒนาและการนำเสนอแนวทางการพัฒนาแนวคิดการจัดงาน ( Theme ) ด้วย
โดยจะมีการจ้างที่ปรึกษาโครงการออกแบบ และให้มีการคัดเลือกผู้ออกแบบศูนย์ประชุมต่อไป คาดว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในปี พ.ศ. 2554 ต่อ 2555
ทั้งนี้ครม.ได้มีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการขอรับจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ และการลงนามในสัญญาเป็นภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 และขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเป็นภายในปี 2557 จะทำให้ กระทรวงการคลังต้องกู้เงินมาไว้ล่วงหน้าเป็นระยะเวลาถึง 2 – 4 ปี อย่างไรก็ตามอาจพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณปี 2556 – 2557 ให้แก่โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ ในภายหลังหรือพิจารณาทางเลือกในการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการแทน
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นครม.ได้ตีกลับโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีกระแสกินค่าหัวคิวของการออกแบบศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ตเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ หรือ 41% ของมูลค่าการออกแบบ ในช่วงที่ น.พ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์รมช.คลัง ซึ่งกำกับดูแลกรมธนารักษ์ กำกับดูแล ซึ่งก่อนหน้านั้มีข่าวว่าจะว่าจ้าง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป้นที่ปรึกษาก่อนที่นายกรณ์ จาติวณิชย์ รมว.คลัง จะสั่งให้ล้ม
“มีการคิดค่าหัวคิวในการว่าจ้างครั้งนี้จากนักการเมืองในสัดส่วนกว่า 40% ของวงเงินการออกแบบ 107 ล้านบาท”
ก่อนหน้านั้นมีคำสั่งให้คณะกรรมการบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ (ธพส.)ลาออกจากตำแหน่งแบบยกชุด เส้นโครงการดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการดังกล่าว นายทศพร เทพบุตร ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างมาก
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่บริเวณหาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต มูลค่าเกือบ 2,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินงบประมาณไทยเข้มแข็งทั้งหมดโดยตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางไมซ์ในภูมิภาคอาเซียนที่มีความพร้อมสูงสุดแบบครบวงจร รองรับผู้เข้าประชุมราว 2,000,000 คนต่อปี ห้องพักหรูระดับ 4 ดาว รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ที่สามารถสร้างงานและรายได้ให้กับท้องถิ่น
วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิเซนต์ กอนซาเลส ลอสเซอทาเลซ เลขาธิการสำนักงานมหกรรมโลก เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนประเทศไทย โดยได้สนับสนุนประเทศไทยที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก หรือ World Expo ในปี 2020 เพราะเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในหลายๆด้าน อาทิ มี National Character ที่เด่นชัด และเชื่อว่ารัฐบาลจะสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพ และกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติต่อไป ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของสำนักงานมหกรรมโลกที่ให้ความสำคัญกับประชาชน กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน และการสร้างนวัตกรรม โดยเชื่อว่า การจัดงานมหกรรมโลกจะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งในประเทศ และทั่วโลกด้วย ทั้งนี้ ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฯนั้น เลขาธิการฯ ได้เสนอให้ไทยเลือกสถานที่ที่เหมาะสม รวมถึงการสร้างความเชื่อในการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก เพื่อความมุ่งมั่นในการพัฒนาและการนำเสนอแนวทางการพัฒนาแนวคิดการจัดงาน ( Theme ) ด้วย