นายมงคล ลีลาธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารไม่มีแผนที่จะยกฐานะจากธนาคารเพื่อรายย่อย เป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ เนื่องจากไม่ใช่เป้าหมายสำคัญที่เป็นยุทธศาสตร์ของธนาคาร และตั้งมั่นที่จะดำรงการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เล็กที่สุดในระบบ โดยมั่นใจว่าการเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยจะไม่ซ้ำซ้อนกลุ่มลูกค้ากับการปล่อยสินเชื่อของบริษัท ไปรษณีย์ไทย เนื่องจากการกู้เงินผ่านธนาคารจะต้องมีหลักประกัน โดยปัจจุบันเฉลี่ยเงินกู้ของลูกค้าแต่ละรายอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท และเฉลี่ยเงินฝากอยู่ที่ 400,000 บาทต่อราย
ทั้งนี้ ในปัจจุบันธนาคารยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน เนื่องจากธนาคารมีเงินกองทุนมากเพียงพอ โดยปัจจุบันเงินกองทุนขั้นที่ 1 สูงถึง 14% ดังนั้น แม้ไม่มีการเพิ่มทุนยังสามารถขยายธุรกิจได้ตามปกติ แต่ธนาคารยังคงแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2555 ซึ่งภายหลังการเข้าจดทะเบียนธนาคารจะเปิดกว้างในการหาพันธมิตรเพิ่มมากขึ้น แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถระบุข้อมูลที่ชัดเจนได้ ส่วนพันธมิตรที่ธนาคารให้ความสนใจ มุ่งหวังว่าจะช่วยส่งเสริมพัฒนาธุรกิจ และเทคโนโลยีในอนาคต
ส่วนเป้าหมายในการดำเนินงานปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมขยายตัว 30% จากยอดสินเชื่อคงค้างเมื่อปีก่อนที่ระดับ 1.39 หมื่นล้านบาท เป็น 1.8 หมื่นล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่ทำธุรกิจส่วนตัวที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินได้ ด้านเงินฝากตั้งเป้าปีนี้เพิ่มขึ้น 31% จากยอดเงินฝากสิ้นปีก่อนที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เป็น 1.9 หมื่นล้านบาท ด้านกำไรสุทธิมั่นใจว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่มีกำไรสุทธิ 52 ล้านบาทอย่างแน่นอน
**ยืนกรานยังสนซื้อSICCO**
นายมงคลกล่าวอีกว่า กรณีการเจรจาซื้อหุ้นบริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SICCO) จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)(SCB)ไม่ประสบความสำเร็จนั้น สาเหตุน่าจะมาจากการที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยสงสัยเรื่องความโปร่งใสในกระบวนการขาย เนื่องจากราคาหุ้นที่ได้ตกลงกันไว้อยู่ที่ 4 บาท ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีที่ประมาณ 5 บาท ซึ่งโดยส่วนตัวยังยืนยันว่าราคาหุ้นระดับดังกล่าวมีความเหมาะสม ภายหลังการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลของ SICCO 2 ครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากมีการเจรจาในรอบสองนี้ จะมีการแสดงความโปร่งใสให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยและทำความเข้าใจมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของเรื่องราคาหุ้น เพื่อทำให้ดีลเป็นไปอย่างราบรื่น
"ในกรณี SICCO นั้น เข้าใจว่าจะเปิดประมูลรายใหม่เร็วๆนี้ ราคา 4 บาทนี้เหมาะสมแล้วผมมั่นใจ แต่ราคาไม่ใช่ประเด็น เพราะก่อนหน้านี้ทางไทยพาณิชย์ก็ไม่ติดใจเรื่องราคา และถ้าเราไม่ได้ SICCO ก็ไม่เป็นไร มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งโครงการไม่กระทบกับทั้งโครงการแน่นอน ก็คงต้องรอดูว่าไทยพาณิชย์มีเงื่อนไขอะไรจะเสนออะไรบ้าง ต้องการอะไรเพิ่มเติม แต่เราก็พร้อมจะเข้าไป"
ทั้งนี้ ในปัจจุบันธนาคารยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน เนื่องจากธนาคารมีเงินกองทุนมากเพียงพอ โดยปัจจุบันเงินกองทุนขั้นที่ 1 สูงถึง 14% ดังนั้น แม้ไม่มีการเพิ่มทุนยังสามารถขยายธุรกิจได้ตามปกติ แต่ธนาคารยังคงแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2555 ซึ่งภายหลังการเข้าจดทะเบียนธนาคารจะเปิดกว้างในการหาพันธมิตรเพิ่มมากขึ้น แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถระบุข้อมูลที่ชัดเจนได้ ส่วนพันธมิตรที่ธนาคารให้ความสนใจ มุ่งหวังว่าจะช่วยส่งเสริมพัฒนาธุรกิจ และเทคโนโลยีในอนาคต
ส่วนเป้าหมายในการดำเนินงานปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมขยายตัว 30% จากยอดสินเชื่อคงค้างเมื่อปีก่อนที่ระดับ 1.39 หมื่นล้านบาท เป็น 1.8 หมื่นล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่ทำธุรกิจส่วนตัวที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินได้ ด้านเงินฝากตั้งเป้าปีนี้เพิ่มขึ้น 31% จากยอดเงินฝากสิ้นปีก่อนที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เป็น 1.9 หมื่นล้านบาท ด้านกำไรสุทธิมั่นใจว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่มีกำไรสุทธิ 52 ล้านบาทอย่างแน่นอน
**ยืนกรานยังสนซื้อSICCO**
นายมงคลกล่าวอีกว่า กรณีการเจรจาซื้อหุ้นบริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SICCO) จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)(SCB)ไม่ประสบความสำเร็จนั้น สาเหตุน่าจะมาจากการที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยสงสัยเรื่องความโปร่งใสในกระบวนการขาย เนื่องจากราคาหุ้นที่ได้ตกลงกันไว้อยู่ที่ 4 บาท ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีที่ประมาณ 5 บาท ซึ่งโดยส่วนตัวยังยืนยันว่าราคาหุ้นระดับดังกล่าวมีความเหมาะสม ภายหลังการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลของ SICCO 2 ครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากมีการเจรจาในรอบสองนี้ จะมีการแสดงความโปร่งใสให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยและทำความเข้าใจมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของเรื่องราคาหุ้น เพื่อทำให้ดีลเป็นไปอย่างราบรื่น
"ในกรณี SICCO นั้น เข้าใจว่าจะเปิดประมูลรายใหม่เร็วๆนี้ ราคา 4 บาทนี้เหมาะสมแล้วผมมั่นใจ แต่ราคาไม่ใช่ประเด็น เพราะก่อนหน้านี้ทางไทยพาณิชย์ก็ไม่ติดใจเรื่องราคา และถ้าเราไม่ได้ SICCO ก็ไม่เป็นไร มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งโครงการไม่กระทบกับทั้งโครงการแน่นอน ก็คงต้องรอดูว่าไทยพาณิชย์มีเงื่อนไขอะไรจะเสนออะไรบ้าง ต้องการอะไรเพิ่มเติม แต่เราก็พร้อมจะเข้าไป"