ASTVผู้จัดการรายวัน- 3 องค์กรชาวไร่โวยรัฐบาลบริหารอย่างไรทำน้ำตาลแพง ย้อนถาม”เจ๊วา”น้ำตาลไม่ได้หายไปไหนแต่มันแพงถึงมือชาวบ้าน 27-28 บาทต่อกก.ส่วนต่างที่เกินจากราคาควบคุมหายไปอยู่ที่ใคร ชี้ไร้กึ๋นบริหารจัดการ ขู่สัปดาห์นี้ถ้ายังดันทุรังนำเงินกองทุนฯอุ้มโมเดิร์นเทรดจะนำม็อบหมื่นคนไปพาณิชย์รวมถึงพรรคภูมิใจไทย
นายชัยวัฒน์ คำแก่นคูณ ประธานชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน และนายกสมาคมชาวไร่อ้อยน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า 3 องค์กรชาวไร่อ้อยซึ่งประกอบด้วยชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน, สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยได้ลงมติไม่เห็นด้วยกับแนวทางบริหารจัดการของกระทรวงพาณิชย์ที่แก้ไขปัญหาราคาน้ำตาลแพงไม่ตรงจุดส่งผลให้ราคาน้ำตาลทรายขายปลีกถึงมือผู้บริโภคปลายทางเฉลี่ยสูงถึง 27-28 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)ทั้งที่พาณิชย์ควบคุมราคาหน้าโรงงานไว้ที่ 19-20 บาทต่อกก.ดังนั้นเงินส่วนต่างดังกล่าวหายไปอยู่ที่ไหน
“ ฝากพาณิชย์ช่วยควบคุมการจำหน่ายด้วยเพราะราคาหน้าโรงงานถูกควบคุมไว้อยู่แล้ว เพราะด้านปริมาณกำหนดโควตาบริโภคในประเทศ(โควตาก.)ไว้ที่ 25 ล้านกระสอบและสำรองไว้อีก 3 ล้านกระสอบยังไงก็เพียงพอแต่ที่เป็นปัญหาคือราคามันแพงชาวบ้านเค้าบริโภคกันปลายทางบางที่สูงถึง 30 บาทต่อกก.ส่วนต่างที่มันสูงขึ้นเงินตรงนี้มันหายไปอยู่ที่ไหนพาณิชย์น่าจะรู้ดี”นายชัยวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้การที่พาณิชย์ออกมาระบุตลอดเวลาว่าน้ำตาลขาดแคลนโดยใช้โมเดิร์นเทรดชี้วัดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะโมเดิร์นเทรดขายน้ำตาลทรายบรรจุถุง 1 กก.ที่ราคาเท่ากันทั่วประเทศได้ทำลายกลไกของระบบตลาดร้านค้าปลีกร้านชำหรือโชวห่วยเพราะข้อเท็จจริงแต่ละท้องที่มีค่าขนส่งที่มีต้นทุนเพิ่มแต่โมเดิร์นเทรดนำน้ำตาลทรายไปทำการตลาดดึงลูกค้าแม้แต่โชวห่วยก็ต้องไปซื้อที่ห้างแทนแล้วมาขายในราคาแพงกว่า ปัญหาดังกล่าวพาณิชย์กลับแก้ไขด้วยการจะนำเงินกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย(กท.)มาจ่ายชดเชยให้กับโรงงานน้ำตาลเพื่อจูงใจให้ผลิตน้ำตาลทรายบรรจุถุง 1 กก.ไปขายให้โมเดิร์นเทรดเพิ่มขึ้น ดังนั้นถ้าพาณิชย์ยังดันทุรังแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ในสัปดาห์นี้อยู่ชาวไร่ 5,000-10,000 คนไปชี้แจงที่พาณิชย์และอาจรวมถึงพรรคภูมิใจไทยด้วย
“3 องค์กรชาวไร่ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านแนวทางบริหารจัดการของพาณิชย์แล้ว และเห็นว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากความไร้กึ่นในการบริหารจัดการของรัฐบาลเพราะต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าน้ำตาลเพื่อนบ้านราคา 40 บาทต่อกก.ของเราถูกจึงเกิดการไหลออกจะต้องดูจุดนี้ แล้วราคาที่แพงเพราะน้ำตาลโควตาก.วันนี้ข้อเท็จจริงครัวเรือนใช้เพียง 10ล้านกระสอบที่เหลือมันคือภาคอุตสาหกรรมอนาคตจะต้องแยกให้ชัด และระยะยาวเมื่อราคาตลาดโลกสูงขึ้นรัฐก็จะต้องปล่อยให้น้ำตาลสะท้อนกลไกตลาดเพื่อให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย”นายชัยวัฒน์กล่าว
นายชัยวัฒน์ คำแก่นคูณ ประธานชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน และนายกสมาคมชาวไร่อ้อยน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า 3 องค์กรชาวไร่อ้อยซึ่งประกอบด้วยชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน, สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยได้ลงมติไม่เห็นด้วยกับแนวทางบริหารจัดการของกระทรวงพาณิชย์ที่แก้ไขปัญหาราคาน้ำตาลแพงไม่ตรงจุดส่งผลให้ราคาน้ำตาลทรายขายปลีกถึงมือผู้บริโภคปลายทางเฉลี่ยสูงถึง 27-28 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)ทั้งที่พาณิชย์ควบคุมราคาหน้าโรงงานไว้ที่ 19-20 บาทต่อกก.ดังนั้นเงินส่วนต่างดังกล่าวหายไปอยู่ที่ไหน
“ ฝากพาณิชย์ช่วยควบคุมการจำหน่ายด้วยเพราะราคาหน้าโรงงานถูกควบคุมไว้อยู่แล้ว เพราะด้านปริมาณกำหนดโควตาบริโภคในประเทศ(โควตาก.)ไว้ที่ 25 ล้านกระสอบและสำรองไว้อีก 3 ล้านกระสอบยังไงก็เพียงพอแต่ที่เป็นปัญหาคือราคามันแพงชาวบ้านเค้าบริโภคกันปลายทางบางที่สูงถึง 30 บาทต่อกก.ส่วนต่างที่มันสูงขึ้นเงินตรงนี้มันหายไปอยู่ที่ไหนพาณิชย์น่าจะรู้ดี”นายชัยวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้การที่พาณิชย์ออกมาระบุตลอดเวลาว่าน้ำตาลขาดแคลนโดยใช้โมเดิร์นเทรดชี้วัดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะโมเดิร์นเทรดขายน้ำตาลทรายบรรจุถุง 1 กก.ที่ราคาเท่ากันทั่วประเทศได้ทำลายกลไกของระบบตลาดร้านค้าปลีกร้านชำหรือโชวห่วยเพราะข้อเท็จจริงแต่ละท้องที่มีค่าขนส่งที่มีต้นทุนเพิ่มแต่โมเดิร์นเทรดนำน้ำตาลทรายไปทำการตลาดดึงลูกค้าแม้แต่โชวห่วยก็ต้องไปซื้อที่ห้างแทนแล้วมาขายในราคาแพงกว่า ปัญหาดังกล่าวพาณิชย์กลับแก้ไขด้วยการจะนำเงินกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย(กท.)มาจ่ายชดเชยให้กับโรงงานน้ำตาลเพื่อจูงใจให้ผลิตน้ำตาลทรายบรรจุถุง 1 กก.ไปขายให้โมเดิร์นเทรดเพิ่มขึ้น ดังนั้นถ้าพาณิชย์ยังดันทุรังแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ในสัปดาห์นี้อยู่ชาวไร่ 5,000-10,000 คนไปชี้แจงที่พาณิชย์และอาจรวมถึงพรรคภูมิใจไทยด้วย
“3 องค์กรชาวไร่ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านแนวทางบริหารจัดการของพาณิชย์แล้ว และเห็นว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากความไร้กึ่นในการบริหารจัดการของรัฐบาลเพราะต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าน้ำตาลเพื่อนบ้านราคา 40 บาทต่อกก.ของเราถูกจึงเกิดการไหลออกจะต้องดูจุดนี้ แล้วราคาที่แพงเพราะน้ำตาลโควตาก.วันนี้ข้อเท็จจริงครัวเรือนใช้เพียง 10ล้านกระสอบที่เหลือมันคือภาคอุตสาหกรรมอนาคตจะต้องแยกให้ชัด และระยะยาวเมื่อราคาตลาดโลกสูงขึ้นรัฐก็จะต้องปล่อยให้น้ำตาลสะท้อนกลไกตลาดเพื่อให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย”นายชัยวัฒน์กล่าว
