เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซีนิวส์ - กองกำลังสัมพันธมิตรชาติตะวันตกเปิดการโจมตีทางอากาศเข้าใส่ระบอบปกครองของผู้นำลิเบีย มูอัมมาร์ กัดดาฟี เป็นวันที่ 7 เมื่อวานนี้(25) ขณะที่พวกสมาชิกองค์การนาโตตกลงให้กลุ่มความร่วมมือทางทหารแห่งแอตแลนติกเหนือแห่งนี้ เข้ารับผิดชอบสืบแทนสหรัฐฯ ในการบังคับใช้ “เขตห้ามบิน” ขึ้นในลิเบีย โดยคาดหมายว่าภารกิจนี้จะกินเวลา 3 เดือน
อันเดอร์ส ฟอจ รัสมุสเซน เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ออกมาแถลงในวันพฤหัสบดี(24) หลังจากที่บรรดาชาติสมาชิกเจรจาต่อรองกันอย่างหนักอยู่เป็นเวลา 4 วันว่า จะดำเนินการบังคับให้เกิด “เขตห้ามบิน” ขึ้นในลิเบีย โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระหว่างประเทศในวงกว้าง เพื่อปกป้องพลเรือนจากการประทุษร้ายของระบอบปกครองกัดดาฟี
เขากล่าวย้ำว่า นาโตเป็นองค์การที่มติทุกๆ อย่างจะต้องเป็นไปด้วยเสียงเอกฉันท์ของทุกชาติสมาชิก และสิ่งที่นาโตตัดสินใจในคราวนี้คือการเข้ารับผิดชอบเพื่อบังคับให้เกิดเขตห้ามบิน ถึงแม้บรรดาประเทศสมาชิกยังคงดำเนินการเจรจากันต่อไป ในเรื่องการให้ทางองค์การเข้าแบกรับ “ความรับผิดชอบกว้างขวางกว่านี้” โดยที่อาจเป็นไปได้ว่าจะมีมติออกมาอีกในไม่กี่วันข้างหน้านี้
สหรัฐฯซึ่งรู้สึกว่าตนเองต้องวุ่นวายจนเต็มไม้เต็มมือกับสมรภูมิอัฟกานิสถานและอิรักอยู่แล้ว จึงกำลังพยายามที่จะถอยห่างออกจากบทบาทหัวเรือใหญ่ในกรณีลิเบีย และเล่นเพียงบทของผู้สนับสนุน ที่พยายามรักษาความเป็นเอกภาพของกลุ่มพันธมิตรนาโต และประคับประคองแรงสนับสนุนจากพวกชาติมุสลิม ภายหลังที่การเข้าแทรกแซงในลิเบียคราวนี้สามารถดำเนินการในรูปของมติคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ตุรกีซึ่งเป็นชาติมุสลิมหนึ่งเดียวที่เป็นสมาชิกของนาโต มีท่าทีไม่ปรารถนาให้องค์การนี้เข้ารับผิดชอบการปฏิบัติการในลิเบีย ซึ่งตุรกีและหลายชาติมุสลิมมองว่า พวกกองทัพประเทศตะวันตกกำลังปฏิบัติการอย่างรุนแรงเกินกว่าที่ได้รับมอบอำนาจจากยูเอ็นเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ นาโตได้เคยมีมติเข้ารับบทบาทในการใช้กำลังนาวีบังคับปิดล้อมลิเบียทางทะเล เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามเนื้อหาของมติฉบับดังกล่าวของยูเอ็น ซึ่งห้ามการส่งอาวุธให้แก่ระบอบกัดดาฟีด้วย
อย่างไรก็ตาม วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศอังกฤษแถลงที่กรุงลอนดอนวานนี้ว่า อังกฤษยังคงคาดหมายว่านาโตจะเข้ารับผิดชอบการบัญชาการปฏิบัติการในลิเบียอย่างเต็มที่ภายในไม่กี่วันข้างหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเขตห้ามบิน และการคว่ำบาตรไม่ให้มีการส่งอาวุธเท่านั้น
ทั้งนี้สิ่งที่อังกฤษตลอดจนสมาชิกสำคัญหลายๆ รายของนาโตกำลังพยายามผลักดันต่อไปก็คือ การให้นาโตเข้ารับผิดชอบในเรื่องการโจมตีกองกำลังภาคพื้นดินของระบอบกัดดาฟีด้วยนั่นเอง ด้วยเหตุผลข้ออ้างที่ว่า กองกำลังฝ่ายสนับสนุนกัดดาฟียังคงใช้ขบวนรถถังและกำลังภาคพื้นดินในการถล่มโจมตีพลเรือนในพื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฎ
ในกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่นาโต เจ้าหน้าที่ของนาโตรายหนึ่งบอกกว่ารอยเตอร์วานนี้ว่า กำลังมีการวางแผนเรื่องปฏิบัติการบังคับให้เกิดเขตห้ามบิน โดยใช้ข้อสมมุติฐานว่าภารกิจนี้จะกินเวลา 90 วัน ทว่าระยะเวลาดังกล่าวนี้อาจจะมีการขยายหรือลดลงก็ได้ตามความจำเป็นของสถานการณ์
ถึงแม้การจัดโครงสร้างเพื่อการบังคับบัญชาการปฏิบัติการในลิเบียจะดำเนินไปอย่างยุ่งยากและเชื่องช้าเช่นนี้ รวมทั้งหลายประเทศอาหรับและมุสลิมก็แสดงความไม่สบายใจต่อวิธีการในการใช้กำลังดังที่เป็นอยู่ ทว่าการปฏิบัติการก็ยังคงได้รับความสนับสนุนจากฝ่ายอื่นๆ มากขึ้น นอกเหนือจากบรรดาชาติตะวันตก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แถลงวานนี้ว่า จะส่งเครื่องบินรบ 12 ลำเข้าร่วมในการปฏิบัติการบังคับให้เกิดเขตโนฟรายโซนขึ้นในลิเบีย โดยที่ก่อนหน้านี้ มีชาติอาหรับเพียงรายเดียว คือ กาตาร์ ซึ่งร่วมการปฏิบัติการกับเหล่าประเทศตะวันตก ด้วยการส่งเครื่องบินขับไล่ 2 ลำ และเครื่องบินขนส่งทางทหารอีก 1 ลำเข้ามาร่วม
นอกจากนั้นที่องค์การสหประชาชาติในนิวยอร์ก พวกนักการทูตพูดกันว่าซูดาน ก็ได้อนุญาตอย่างเงียบๆ ให้พวกชาติที่เข้าร่วมการบังคับเขตห้ามบิน ใช้น่านฟ้าของตนได้ ถึงแม้ตัวเอกอัครราชทูตซูดานประจำยูเอ็นจะไม่แถลงยืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวนี้ก็ตาม
ทางด้านสถานการณ์การสู้รบในลิเบียนั้น พล.ร.อ. เอดูอาร์ด กุยโลด์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของฝรั่งเศส แถลงว่า เครื่องบินรบของแดนน้ำหอมได้ทำลายหน่วยปืนใหญ่ของกองทัพบกลิเบีย ที่บริเวณใกล้ๆ เมืองอัจดาบิยะห์ ซึ่งเป็นเมืองในภาคตะวันออกของลิเบีย ซึ่งเป็นแนวหน้าที่กองกำลังฝ่ายกัดดาฟีและฝ่ายกบฎประจันหน้ากันอยู่ เมืองนี้ตั้งอยู่ห่างราว 150 กิโลเมตรไปทางใต้ของนครเบงกาซี อันเป็นเสมือนเมืองหลวงของพวกกบฎ เมืองอัจดาบิยะห์นี้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับทั้งสองฝ่าย เนื่องจากเป็นจุดซึ่งควบคุมทางหลวงเลียบชายฝั่งที่มุ่งหน้าไปสู่ด้านตะวันตกของประเทศ
กุยโลด์กล่าวด้วยว่า เขาสงสัยว่าความขัดแย้งในลิเบียคราวนี้คงไม่อาจยุติลงในเวลาไม่กี่วัน แต่น่าจะต้องใช้เวลาหลายๆ สัปดาห์ แต่หวังว่าคงจะไม่ใช่เป็นหลายๆ เดือน
ขณะที่ในกรุงลอนดอน กระทรวงกลาโหมอังกฤษแถลงว่า เครื่องบินแบบทอร์นาโดของกองทัพอากาศอังกฤษ ก็ได้บินไปยิงขีปนาวุธหลายลูกในช่วงกลางคืนวันพฤหัสบดี เพื่อโจมตีพวกยานยนต์ทหารของลิบเยไม่ให้คุกคามพลเรือน
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กองกำลังฝ่ายกบฎที่อยู่บนถนนซึ่งมุ่งหน้าจะไปตีเมืองอัจดาบิยะห์กลับคืนมา ดูจะมีการจัดกำลังดีขึ้นกว่าระยะสองสามวันก่อน โดยที่มีการตั้งด่านปิดกั้นถนนเป็นระยะๆ อย่างเป็นระเบียบ ขณะที่โฆษกของฝ่ายกบฎแถลงจากเบงกาซี คาดหมายว่าจะขับไล่กองกำลังกัดดาฟีออกไปจากอัจดาบิยะห์ได้ในวันสองวันนี้ ภายหลังการโจมตีทางอากาศในช่วงกลางคืนของอังกฤษและฝรั่งเศส
ส่วนที่เมืองมิสราตา เมืองสำคัญทางภาคตะวันตกของลิเบียนั้น แม้เสียงปืนจะค่อนข้างสงบลงในคืนวันพฤหัสบดี แต่โฆษกฝ่ายกบฎก็ระบุว่า พวกพลแม่นปืนของฝ่ายรัฐบาลยังคงกระจายกำลังอยู่ในย่านใจกลางเมือง โดยที่มีข่าวดีอยู่บ้างที่ฝ่ายกบฎสามารถเข้ายึดท่าเรือกลับคืนมาได้ ทั้งนี้ท่าเรือแห่งนี้เป็นเส้นชีวิตืที่คอยส่งอาหารและยาเวชภัณฑ์ต่างๆ ให้แก่เมืองนี้
อันเดอร์ส ฟอจ รัสมุสเซน เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ออกมาแถลงในวันพฤหัสบดี(24) หลังจากที่บรรดาชาติสมาชิกเจรจาต่อรองกันอย่างหนักอยู่เป็นเวลา 4 วันว่า จะดำเนินการบังคับให้เกิด “เขตห้ามบิน” ขึ้นในลิเบีย โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระหว่างประเทศในวงกว้าง เพื่อปกป้องพลเรือนจากการประทุษร้ายของระบอบปกครองกัดดาฟี
เขากล่าวย้ำว่า นาโตเป็นองค์การที่มติทุกๆ อย่างจะต้องเป็นไปด้วยเสียงเอกฉันท์ของทุกชาติสมาชิก และสิ่งที่นาโตตัดสินใจในคราวนี้คือการเข้ารับผิดชอบเพื่อบังคับให้เกิดเขตห้ามบิน ถึงแม้บรรดาประเทศสมาชิกยังคงดำเนินการเจรจากันต่อไป ในเรื่องการให้ทางองค์การเข้าแบกรับ “ความรับผิดชอบกว้างขวางกว่านี้” โดยที่อาจเป็นไปได้ว่าจะมีมติออกมาอีกในไม่กี่วันข้างหน้านี้
สหรัฐฯซึ่งรู้สึกว่าตนเองต้องวุ่นวายจนเต็มไม้เต็มมือกับสมรภูมิอัฟกานิสถานและอิรักอยู่แล้ว จึงกำลังพยายามที่จะถอยห่างออกจากบทบาทหัวเรือใหญ่ในกรณีลิเบีย และเล่นเพียงบทของผู้สนับสนุน ที่พยายามรักษาความเป็นเอกภาพของกลุ่มพันธมิตรนาโต และประคับประคองแรงสนับสนุนจากพวกชาติมุสลิม ภายหลังที่การเข้าแทรกแซงในลิเบียคราวนี้สามารถดำเนินการในรูปของมติคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ตุรกีซึ่งเป็นชาติมุสลิมหนึ่งเดียวที่เป็นสมาชิกของนาโต มีท่าทีไม่ปรารถนาให้องค์การนี้เข้ารับผิดชอบการปฏิบัติการในลิเบีย ซึ่งตุรกีและหลายชาติมุสลิมมองว่า พวกกองทัพประเทศตะวันตกกำลังปฏิบัติการอย่างรุนแรงเกินกว่าที่ได้รับมอบอำนาจจากยูเอ็นเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ นาโตได้เคยมีมติเข้ารับบทบาทในการใช้กำลังนาวีบังคับปิดล้อมลิเบียทางทะเล เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามเนื้อหาของมติฉบับดังกล่าวของยูเอ็น ซึ่งห้ามการส่งอาวุธให้แก่ระบอบกัดดาฟีด้วย
อย่างไรก็ตาม วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศอังกฤษแถลงที่กรุงลอนดอนวานนี้ว่า อังกฤษยังคงคาดหมายว่านาโตจะเข้ารับผิดชอบการบัญชาการปฏิบัติการในลิเบียอย่างเต็มที่ภายในไม่กี่วันข้างหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเขตห้ามบิน และการคว่ำบาตรไม่ให้มีการส่งอาวุธเท่านั้น
ทั้งนี้สิ่งที่อังกฤษตลอดจนสมาชิกสำคัญหลายๆ รายของนาโตกำลังพยายามผลักดันต่อไปก็คือ การให้นาโตเข้ารับผิดชอบในเรื่องการโจมตีกองกำลังภาคพื้นดินของระบอบกัดดาฟีด้วยนั่นเอง ด้วยเหตุผลข้ออ้างที่ว่า กองกำลังฝ่ายสนับสนุนกัดดาฟียังคงใช้ขบวนรถถังและกำลังภาคพื้นดินในการถล่มโจมตีพลเรือนในพื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฎ
ในกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่นาโต เจ้าหน้าที่ของนาโตรายหนึ่งบอกกว่ารอยเตอร์วานนี้ว่า กำลังมีการวางแผนเรื่องปฏิบัติการบังคับให้เกิดเขตห้ามบิน โดยใช้ข้อสมมุติฐานว่าภารกิจนี้จะกินเวลา 90 วัน ทว่าระยะเวลาดังกล่าวนี้อาจจะมีการขยายหรือลดลงก็ได้ตามความจำเป็นของสถานการณ์
ถึงแม้การจัดโครงสร้างเพื่อการบังคับบัญชาการปฏิบัติการในลิเบียจะดำเนินไปอย่างยุ่งยากและเชื่องช้าเช่นนี้ รวมทั้งหลายประเทศอาหรับและมุสลิมก็แสดงความไม่สบายใจต่อวิธีการในการใช้กำลังดังที่เป็นอยู่ ทว่าการปฏิบัติการก็ยังคงได้รับความสนับสนุนจากฝ่ายอื่นๆ มากขึ้น นอกเหนือจากบรรดาชาติตะวันตก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แถลงวานนี้ว่า จะส่งเครื่องบินรบ 12 ลำเข้าร่วมในการปฏิบัติการบังคับให้เกิดเขตโนฟรายโซนขึ้นในลิเบีย โดยที่ก่อนหน้านี้ มีชาติอาหรับเพียงรายเดียว คือ กาตาร์ ซึ่งร่วมการปฏิบัติการกับเหล่าประเทศตะวันตก ด้วยการส่งเครื่องบินขับไล่ 2 ลำ และเครื่องบินขนส่งทางทหารอีก 1 ลำเข้ามาร่วม
นอกจากนั้นที่องค์การสหประชาชาติในนิวยอร์ก พวกนักการทูตพูดกันว่าซูดาน ก็ได้อนุญาตอย่างเงียบๆ ให้พวกชาติที่เข้าร่วมการบังคับเขตห้ามบิน ใช้น่านฟ้าของตนได้ ถึงแม้ตัวเอกอัครราชทูตซูดานประจำยูเอ็นจะไม่แถลงยืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวนี้ก็ตาม
ทางด้านสถานการณ์การสู้รบในลิเบียนั้น พล.ร.อ. เอดูอาร์ด กุยโลด์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของฝรั่งเศส แถลงว่า เครื่องบินรบของแดนน้ำหอมได้ทำลายหน่วยปืนใหญ่ของกองทัพบกลิเบีย ที่บริเวณใกล้ๆ เมืองอัจดาบิยะห์ ซึ่งเป็นเมืองในภาคตะวันออกของลิเบีย ซึ่งเป็นแนวหน้าที่กองกำลังฝ่ายกัดดาฟีและฝ่ายกบฎประจันหน้ากันอยู่ เมืองนี้ตั้งอยู่ห่างราว 150 กิโลเมตรไปทางใต้ของนครเบงกาซี อันเป็นเสมือนเมืองหลวงของพวกกบฎ เมืองอัจดาบิยะห์นี้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับทั้งสองฝ่าย เนื่องจากเป็นจุดซึ่งควบคุมทางหลวงเลียบชายฝั่งที่มุ่งหน้าไปสู่ด้านตะวันตกของประเทศ
กุยโลด์กล่าวด้วยว่า เขาสงสัยว่าความขัดแย้งในลิเบียคราวนี้คงไม่อาจยุติลงในเวลาไม่กี่วัน แต่น่าจะต้องใช้เวลาหลายๆ สัปดาห์ แต่หวังว่าคงจะไม่ใช่เป็นหลายๆ เดือน
ขณะที่ในกรุงลอนดอน กระทรวงกลาโหมอังกฤษแถลงว่า เครื่องบินแบบทอร์นาโดของกองทัพอากาศอังกฤษ ก็ได้บินไปยิงขีปนาวุธหลายลูกในช่วงกลางคืนวันพฤหัสบดี เพื่อโจมตีพวกยานยนต์ทหารของลิบเยไม่ให้คุกคามพลเรือน
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กองกำลังฝ่ายกบฎที่อยู่บนถนนซึ่งมุ่งหน้าจะไปตีเมืองอัจดาบิยะห์กลับคืนมา ดูจะมีการจัดกำลังดีขึ้นกว่าระยะสองสามวันก่อน โดยที่มีการตั้งด่านปิดกั้นถนนเป็นระยะๆ อย่างเป็นระเบียบ ขณะที่โฆษกของฝ่ายกบฎแถลงจากเบงกาซี คาดหมายว่าจะขับไล่กองกำลังกัดดาฟีออกไปจากอัจดาบิยะห์ได้ในวันสองวันนี้ ภายหลังการโจมตีทางอากาศในช่วงกลางคืนของอังกฤษและฝรั่งเศส
ส่วนที่เมืองมิสราตา เมืองสำคัญทางภาคตะวันตกของลิเบียนั้น แม้เสียงปืนจะค่อนข้างสงบลงในคืนวันพฤหัสบดี แต่โฆษกฝ่ายกบฎก็ระบุว่า พวกพลแม่นปืนของฝ่ายรัฐบาลยังคงกระจายกำลังอยู่ในย่านใจกลางเมือง โดยที่มีข่าวดีอยู่บ้างที่ฝ่ายกบฎสามารถเข้ายึดท่าเรือกลับคืนมาได้ ทั้งนี้ท่าเรือแห่งนี้เป็นเส้นชีวิตืที่คอยส่งอาหารและยาเวชภัณฑ์ต่างๆ ให้แก่เมืองนี้
