ASTVผู้จัดการรายวัน - ทิศทางเงินไหลเข้าออกเริ่มผันผวนเช่นเดียวกับค่าเงินบาท เผยตั้งแต่ปลายปี 53 จนถึงปัจจุบันบาทอ่อนค่า 0.3-0.4% แต่มีข่าวดีค่าความผันผวนยังต่ำกว่าหลายประเทศในเอเชีย ขณะที่ตลาดหุ้นฝรั่งกลับมาขายสุทธิ 1.8 หมื่นล้าน ด้านตลาดพันธบัตรยังซื้อสุทธิเล็กน้อย
น.ส.วงษ์วธู โพธิรัชต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยมีทั้งไหลเข้าและไหลออก แต่ยอดโดยรวมยังเป็นการขายสุทธิประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาทเช่นเดียวกับการลงทุนในตลาดพันธบัตรก็ไม่ได้มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะไหลเข้ามาซื้อพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มการลงทุนพันธบัตรของต่างชาติยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่โดยภาพรวมยังคงเป็นการซื้อสุทธิเล็กน้อย
การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในขณะนี้ยังไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจนว่าจะแข็งค่าหรืออ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง โดยเงินบาทอ่อนค่าในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอ่อนค่ามากที่สุดถึง 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้นเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยตามค่าเงินในภูมิภาค แต่ก็กลับมาอ่อนค่าอีกทั้ง แต่การเคลื่อนไหวเงินบาทโดยรวมยังอยู่ในช่วง 30.20-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และนับตั้งแต่ปลายปี 53 จนถึงปัจจุบัน เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยประมาณ 0.3-0.4% และค่าความผันผวนเงินบาทยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหลายสกุลในภูมิภาคนี้
“กรอบการเคลื่อนไหวเงินบาทแคบกว่าสกุลเงินอื่น ซึ่งส่วนใหญ่สวิงแรงกว่าเรา และค่าความผันผวนเงินบาทค่อนข้างต่ำ โดยช่วงสิ้นปี 53 เงินบาทอยู่ที่ประมาณ 30.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และขณะนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 30.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเรากลับอ่อนประมาณ 0.3-0.4% ขณะที่ส่วนใหญ่สกุลเงินอื่นแข็งขึ้นกันประมาณ 2-3% และเมื่อเทียบกับปลายปี 52 จนถึงปัจจุบัน เงินบาทแข็งค่าในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับ10 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย” น.ส.วงษ์วธูกล่าว
สำหรับเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (23มี.ค.) เป็นไปตามทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ค่อนข้างผันผวน ขณะที่ค่าเงินยูโรมีการเคลื่อนไหวมากเช่นกัน ทำให้สกุลเงินอื่นๆ ที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐเป็นส่วนใหญ่มีการเคลื่อนไหวตามไปด้วย เนื่องจากแม้จะมีข่าวดีในการแก้ไขปัญหาหนี้ในกลุ่มประเทศยุโรป แต่ยังมีบางประเทศที่อาจจะไม่สามารถทำตามแผนดังกล่าวได้จากปัญหาภายในของประเทศนั้นๆ รวมถึงปัญหาภัยพิบัติประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้ออกมาแย่กว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
ส่วนเงินบาทจะถึงขั้นหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐหรือไม่นั้น น.ส.วงษ์วธู กล่าวว่า ไม่อยากคาดการณ์ แต่ในช่วง 2-3 วันของสัปดาห์ก่อน เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ระดับ 20-30 สตางค์ ซึ่งค่อนข้างไปทางด้านแข็งของช่วง 30.20-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่หากมองในระยะปานกลางมองว่าเงินบาทยังมีทิศทางที่ไม่ชัดเจนนัก.
น.ส.วงษ์วธู โพธิรัชต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยมีทั้งไหลเข้าและไหลออก แต่ยอดโดยรวมยังเป็นการขายสุทธิประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาทเช่นเดียวกับการลงทุนในตลาดพันธบัตรก็ไม่ได้มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะไหลเข้ามาซื้อพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มการลงทุนพันธบัตรของต่างชาติยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่โดยภาพรวมยังคงเป็นการซื้อสุทธิเล็กน้อย
การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในขณะนี้ยังไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจนว่าจะแข็งค่าหรืออ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง โดยเงินบาทอ่อนค่าในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอ่อนค่ามากที่สุดถึง 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้นเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยตามค่าเงินในภูมิภาค แต่ก็กลับมาอ่อนค่าอีกทั้ง แต่การเคลื่อนไหวเงินบาทโดยรวมยังอยู่ในช่วง 30.20-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และนับตั้งแต่ปลายปี 53 จนถึงปัจจุบัน เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยประมาณ 0.3-0.4% และค่าความผันผวนเงินบาทยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหลายสกุลในภูมิภาคนี้
“กรอบการเคลื่อนไหวเงินบาทแคบกว่าสกุลเงินอื่น ซึ่งส่วนใหญ่สวิงแรงกว่าเรา และค่าความผันผวนเงินบาทค่อนข้างต่ำ โดยช่วงสิ้นปี 53 เงินบาทอยู่ที่ประมาณ 30.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และขณะนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 30.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเรากลับอ่อนประมาณ 0.3-0.4% ขณะที่ส่วนใหญ่สกุลเงินอื่นแข็งขึ้นกันประมาณ 2-3% และเมื่อเทียบกับปลายปี 52 จนถึงปัจจุบัน เงินบาทแข็งค่าในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับ10 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย” น.ส.วงษ์วธูกล่าว
สำหรับเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (23มี.ค.) เป็นไปตามทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ค่อนข้างผันผวน ขณะที่ค่าเงินยูโรมีการเคลื่อนไหวมากเช่นกัน ทำให้สกุลเงินอื่นๆ ที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐเป็นส่วนใหญ่มีการเคลื่อนไหวตามไปด้วย เนื่องจากแม้จะมีข่าวดีในการแก้ไขปัญหาหนี้ในกลุ่มประเทศยุโรป แต่ยังมีบางประเทศที่อาจจะไม่สามารถทำตามแผนดังกล่าวได้จากปัญหาภายในของประเทศนั้นๆ รวมถึงปัญหาภัยพิบัติประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้ออกมาแย่กว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
ส่วนเงินบาทจะถึงขั้นหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐหรือไม่นั้น น.ส.วงษ์วธู กล่าวว่า ไม่อยากคาดการณ์ แต่ในช่วง 2-3 วันของสัปดาห์ก่อน เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ระดับ 20-30 สตางค์ ซึ่งค่อนข้างไปทางด้านแข็งของช่วง 30.20-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่หากมองในระยะปานกลางมองว่าเงินบาทยังมีทิศทางที่ไม่ชัดเจนนัก.
