xs
xsm
sm
md
lg

ครม.แค่รับทราบมติคว่ำบาตรลิเบีย หวั่นกระทบปัญหาใต้-แรงงานไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.ถกเครียดมติ UNSC คว่ำบาตรลิเบีย ผวามีผลกระทบทำให้ไฟใต้ลุกโชน และกระทบแรงงานไทยในลิเบีย สุดท้ายมีมติแค่รับทราบ "มาร์ค"สั่งมอนิเตอร์ท่าทีอาเซียนและโอไอซี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (22 มี.ค.) ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้ใช้เวลาพิจารณาหารือกันอย่างเคร่งเครียดเกี่ยวกับเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอให้ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1970 (ค.ศ.2011) เกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรต่อลิเบีย ซึ่งประกอบด้วยการคว่ำบาตรทางอาวุธ การห้ามเดินทาง การอายัดทรัพย์สิน ซึ่งมีครม.หลายคนได้ซักถามด้วยความกังวลว่าขณะนี้ท่าทีของประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่อการที่กองกำลังชาติมหาอำนาจตะวันตกโจมตีลิเบียมีผลกระทบอย่างไร มีประเทศใดที่เห็นด้วยกับการโจมตีดังกล่าวบ้าง และประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไร ถ้าไปปฏิบัติตามข้อมติของ UNSC ดังกล่าว

ทั้งนี้ ในการหารือเรื่องนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ถามว่าตอนนี้ท่าทีของกลุ่มประเทศอาเซียนมีออกมาหรือยัง ซึ่งนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แจ้งว่า กลุ่มอาเซียนยังไม่มีท่าทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาเลย นายองอาจจึงระบุว่าเมื่อเป็นเช่นนี้เราก็ยังไม่ควรรีบไปกำหนดแสดงท่าทีออกมา ขณะที่นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ถ้าเราเห็นด้วยทั้งๆ ที่กระแสตอนนี้มันพลิกกลับ มีหลายส่วนเริ่มไม่เห็นด้วย แล้วเราจะเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที ที่กล่าวว่า ถ้าไทยรับรองมติ UNSC จะกระทบต่อสถานการณ์การก่อความไม่สงบในภาคใต้ หรือทัศนคติของกลุ่มประเทศมุสลิม (โอไอซี) ที่มีต่อไทยได้ ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.แรงงาน กล่าวด้วยว่า อยากให้พิจารณากันให้รอบคอบ เพราะจะมีผลกระทบต่อแรงงานไทยในลิเบีย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกษิต ได้ชี้แจงว่า ทุกครั้งที่มีมติของยูเอ็นออกมา กระทรวงการต่างประเทศ จะนำเข้ามารายงานให้ครม.ทราบตามธรรมเนียมปฏิบัติปกติอยู่แล้ว ซึ่งความจริงตามข้อมติ UNSC ที่ 1970ก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับไทยเลย ซึ่งในที่สุดนายกรัฐมนตรี จึงได้สรุปว่า ครม.มีมติเพียงแต่รับทราบ และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำความเข้าใจต่อสาธารณชนให้ชัดเจนว่าข้อมติ UNSC ที่ 1970 นี้ ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมติ UNSC ที่ 1973 เกี่ยวกับการห้ามบิน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน พร้อมขอให้กระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาดูท่าทีของมิตรประเทศในกลุ่มอาเซียนในเรื่องนี้ รวมทั้งท่าทีของกลุ่มประเทศโอไอซี เพื่อหาจุดยืนและท่าทีที่ถูกต้องของไทย และขอให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอว่าต้องปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าวไปพิจารณาข้อมติแต่ละข้อที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หลังจากนั้นให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอเรื่องนี้กลับเข้าสู่ครม.อีกครั้ง

นายกษิตกล่าวภายหลังการประชุมครม. ว่า ครม.รับทราบเรื่องการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอต่อที่ประชุม ครม. เกี่ยวกับการที่ประเทศต้องดำเนินการตาม ข้อมติ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 1970 มีสาระสำคัญว่า ห้ามโอน ย้าย ถ่ายเท หรือขายอาวุธให้กับลิเบีย รวมถึงอายัดทรัพย์สินของบุคคลที่มีรายชื่อ และห้ามบุคคลเหล่านั้นเดินทางมายังไทย และข้อมติ 1973 ที่ห้ามใช้น่านฟ้าของลิเบีย

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของไทย ซึ่งเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ต้องการให้ยุติสงครามกลางเมือง และดำเนินการตามข้อมติสหประชาชาติ เน้นไม่ให้เกิดความรุนแรง และไทยจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นหลัก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมครม.ว่า ได้รับทราบมติคว่ำบาตรลิเบียตามข้อเสนอของยูเอ็น มติ 1970 ซึ่งได้ขอให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปวิเคราะห์ว่า การจะปฎิบัติตามมติยูเอ็นจะต้องทำอย่างไรบ้าง และให้เสนอกลับมาอีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องคลอบคุมทั้งเรื่องอาวุธ ทรัพย์สิน และอะไรต่างๆ รวมถึงการเดินทางด้วย ซึ่งต้องระมัดระวังในท่าที ส่วนแรงงานไทยในลิเบียที่ยังเหลืออยู่นั้น ค้างอยู่ประมาณ 80 กว่าคน ซึ่งก่อนหน้านี้แสดงความจำนงที่จะอยู่ และเราพยายามติดต่ออยู่ตลอดเวลา ถ้าหากอยากกลับต้องอำนวยความสะดวกให้กลับมาได้ แต่ส่วนใหญ่ได้ออกมาจากลิเบียหมดแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น