ASTVผู้จัดการรายวัน- “กนอ.”เผยกรณีแผ่นดินไหวญี่ปุ่นเป็นโอกาสการพัฒนานิคมฯบริการรองรับการเคลื่อนย้ายคนของญี่ปุ่นโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นและการลงทุนในอนาคต “ไทยไดมอนด์”นิคมฯบริการแห่งแรกโวมีคนจ่อใช้พื้นที่เพียบ ทั้ง ยูนิเวอร์แซล วัดเส้าหลิน บอลลีวูดจากอินเดีย รวมถึงการสร้างสนามแข่งขันรถฟอร์มูล่า-1
นางมณฑา ปณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นกรณีการลงทุนภาพรวมคาดว่าจะส่งบวกมากกว่าลบโดยญี่ปุ่นจะไม่หยุดนิ่งกับการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนต่างประเทศญี่ปุ่นกลับต้องมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นและไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ที่ญี่ปุ่นมองไว้อยู่แล้วและจะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมบริการที่จะรองรับที่อยู่อาศัยของคนทำงานและผู้สูงอายุที่ญี่ปุ่น
“ ญี่ปุ่นอายุเฉลี่ยของคนสูงและที่ผ่านมาคนญี่ปุ่นจะชอบเมืองไทยมีหลายแห่งที่เป็นหมู่บ้านญี่ปุ่น จึงคิดว่าจะเป็นโอกาสในการพัฒนิคมบริการที่ไทยในการรองรับการเข้ามาพักอาศัยมากขึ้น ซึ่งกนอ.ได้มีการปรับปรุงกฏหมายเพื่อรองรับการพัฒนานิคมฯบริการซึ่งอนาคตคาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น”นางมณฑากล่าว
นายโอฬาร อัศวฤทธิกุล ประธานบริษัทเพชร ไทยจำกัด ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบริการ ไทยไดมอนด์ ซิตี้ ซึ่งถือเป็นนิคมฯบริการแห่งแรกของไทย กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมบริการไทยไดมอนด์ ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี บนพื้นที่ทั้งสิ้น 35,000 ไร่แบ่งการพัฒนาออกเป็น 8 เฟส โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา 10,000 ไร่ ซึ่งมีการพัฒนาบ้านพักผู้สูงอายุ สนามกอล์ฟ ศูนย์บริการสมุนไพรไทย ฯลฯ และล่าสุดได้รับการติดต่อจากสำนักเส้าหลิน จากประเทศจีนโดยตรงที่สนใจจะใช้พื้นที่โครงการประมาณ 2,000 ไร่ ในการสร้างสำนักเส้าหลินสาขา 2 ที่เมืองไทย ขณะเดียวกันยังได้มีการหารือกับบุตรชายนายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลัง”กระทิงแดง”ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูล่า -1 ที่มีความสนใจจะดึงทีมงานต่างชาติในการสร้างสนามแข่งขันฟอร์มูล่า -1 ที่ไทย ซึ่งคาดว่าจะใช้พื้นที่ไม่น้อยกว่า 5,000 ไร่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
“หากโครงการนี้เกิดได้จริงก็จะทำให้เราสามารถขยายภาคการบริการท่องเที่ยวที่ครบวงจรได้มากขึ้น รวมถึงการขยายสนามบินที่เรามีอยู่แล้วขนาดเล็กให้เป็นระดับอินเตอร์ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเทียบเท่ากับสนามบินแบบบางกอกแอร์เวย์”นายโอฬารกล่าว
นอกจากนี้ยังมองการพัฒนาพื้นที่ในการรองรับการลงทุนเกี่ยวกับเอนเตอร์เทนเม้นท์ซึ่งล่าสุดทางยูนิเวอร์แซลเองสนใจพื้นที่ของไทยไดมอนด์เนื่องจากไปดูที่เชียงใหม่แล้วติดปัญหาหมอกควันขณะที่นี่มีอากาศที่ดี เช่นเดียวกับทางบอลลีวูดจากอินเดียก็สนใจจะเข้ามาสร้างโรงถ่ายหนังในไทยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทางยูนิเวอร์แซลรอคำตอบในเรื่องของการผ่านการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)ของโครงการอยู่ซึ่งคาดว่าจะผ่านภายใน 2 สัปดาห์นี้
“เดิมเราไม่ได้คิดจะเป็นนิคมฯจึงสร้างพื้นที่ไว้ในเชิงการเกษตรและรีสอร์ทแต่หลังจากนั้นเราพัฒนาเป็นนิคมฯเต็มรูปแบบจึงต้องมาจัดทำ EIA ทั้งหมด ดังนั้นรูปแบบเดิมที่ขายพื้นที่จึงเป็นการร่วมทุนกันโดยไทยไดมอนด์จะถือหุ้น 51% ในการพัฒนาเป็นหลักต่อไปถ้าผ่านเราก็จะทำตลาดได้มากขึ้น ดังนั้นปีนี้คงจะเป็นปีแรกที่เราจะรับรู้รายได้”นายโอฬารกล่าว
นางมณฑา ปณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นกรณีการลงทุนภาพรวมคาดว่าจะส่งบวกมากกว่าลบโดยญี่ปุ่นจะไม่หยุดนิ่งกับการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนต่างประเทศญี่ปุ่นกลับต้องมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นและไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ที่ญี่ปุ่นมองไว้อยู่แล้วและจะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมบริการที่จะรองรับที่อยู่อาศัยของคนทำงานและผู้สูงอายุที่ญี่ปุ่น
“ ญี่ปุ่นอายุเฉลี่ยของคนสูงและที่ผ่านมาคนญี่ปุ่นจะชอบเมืองไทยมีหลายแห่งที่เป็นหมู่บ้านญี่ปุ่น จึงคิดว่าจะเป็นโอกาสในการพัฒนิคมบริการที่ไทยในการรองรับการเข้ามาพักอาศัยมากขึ้น ซึ่งกนอ.ได้มีการปรับปรุงกฏหมายเพื่อรองรับการพัฒนานิคมฯบริการซึ่งอนาคตคาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น”นางมณฑากล่าว
นายโอฬาร อัศวฤทธิกุล ประธานบริษัทเพชร ไทยจำกัด ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบริการ ไทยไดมอนด์ ซิตี้ ซึ่งถือเป็นนิคมฯบริการแห่งแรกของไทย กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมบริการไทยไดมอนด์ ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี บนพื้นที่ทั้งสิ้น 35,000 ไร่แบ่งการพัฒนาออกเป็น 8 เฟส โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา 10,000 ไร่ ซึ่งมีการพัฒนาบ้านพักผู้สูงอายุ สนามกอล์ฟ ศูนย์บริการสมุนไพรไทย ฯลฯ และล่าสุดได้รับการติดต่อจากสำนักเส้าหลิน จากประเทศจีนโดยตรงที่สนใจจะใช้พื้นที่โครงการประมาณ 2,000 ไร่ ในการสร้างสำนักเส้าหลินสาขา 2 ที่เมืองไทย ขณะเดียวกันยังได้มีการหารือกับบุตรชายนายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลัง”กระทิงแดง”ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูล่า -1 ที่มีความสนใจจะดึงทีมงานต่างชาติในการสร้างสนามแข่งขันฟอร์มูล่า -1 ที่ไทย ซึ่งคาดว่าจะใช้พื้นที่ไม่น้อยกว่า 5,000 ไร่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
“หากโครงการนี้เกิดได้จริงก็จะทำให้เราสามารถขยายภาคการบริการท่องเที่ยวที่ครบวงจรได้มากขึ้น รวมถึงการขยายสนามบินที่เรามีอยู่แล้วขนาดเล็กให้เป็นระดับอินเตอร์ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเทียบเท่ากับสนามบินแบบบางกอกแอร์เวย์”นายโอฬารกล่าว
นอกจากนี้ยังมองการพัฒนาพื้นที่ในการรองรับการลงทุนเกี่ยวกับเอนเตอร์เทนเม้นท์ซึ่งล่าสุดทางยูนิเวอร์แซลเองสนใจพื้นที่ของไทยไดมอนด์เนื่องจากไปดูที่เชียงใหม่แล้วติดปัญหาหมอกควันขณะที่นี่มีอากาศที่ดี เช่นเดียวกับทางบอลลีวูดจากอินเดียก็สนใจจะเข้ามาสร้างโรงถ่ายหนังในไทยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทางยูนิเวอร์แซลรอคำตอบในเรื่องของการผ่านการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)ของโครงการอยู่ซึ่งคาดว่าจะผ่านภายใน 2 สัปดาห์นี้
“เดิมเราไม่ได้คิดจะเป็นนิคมฯจึงสร้างพื้นที่ไว้ในเชิงการเกษตรและรีสอร์ทแต่หลังจากนั้นเราพัฒนาเป็นนิคมฯเต็มรูปแบบจึงต้องมาจัดทำ EIA ทั้งหมด ดังนั้นรูปแบบเดิมที่ขายพื้นที่จึงเป็นการร่วมทุนกันโดยไทยไดมอนด์จะถือหุ้น 51% ในการพัฒนาเป็นหลักต่อไปถ้าผ่านเราก็จะทำตลาดได้มากขึ้น ดังนั้นปีนี้คงจะเป็นปีแรกที่เราจะรับรู้รายได้”นายโอฬารกล่าว