ศึกอภิปรายฯ พ่นน้ำลายผลัดกันด่าในสภาฯ ปาหี่พิธีกรรม 4 วัน 4 คืน ของนักการเมือง 18 มงกุฎ นักซื้อเสียงร่วมมือกันแหกตาชาวบ้าน ผ่านไปด้วยความน่าเวทนาในชะตากรรมของบ้านเมือง ยังเห็นพฤติกรรมกะหลีกะหลอ ระริกระรี่ หาทางตีกินเอาผลประโยชน์จากบ้านเมืองต่อไป
มาถึงจุดนี้ บ้านเมืองยังเผชิญทางตันกับการเมืองในระบบ “ธนบัตราธิปไตย” ใช้เงินเป็นใหญ่ นักการเมืองไม่ทำงานเพื่อประชาชน แต่เป็นนักเสี่ยงโชค นักลงทุนแข่งกันทุ่มซื้อเสียงในการเลือกตั้ง โดยมี “การกุมอำนาจรัฐ” เป็นสุดยอดของเดิมพัน เหมือนขุมทรัพย์ขุดไม่หมดสิ้น
บ่อทอง บ่อน้ำมัน ขุดแล้ววันหนึ่งต้องหมด! ทรัพย์ในดินประเทศไทยทยอยพร่องไป แต่ประชาชนยังอยู่ ก้มหน้าก้มตาทำงาน เสียภาษีให้นักการเมืองขูดรีดโกงกิน สร้างความมั่งคั่งต่อไป
เป็นเช่นนี้ ยังไม่มีวันสิ้นสุด ระบบนิติรัฐ กลไกกระบวนยุติธรรมเสียหายจนหมดสภาพ โดยอำนาจ “ธนบัตราธิปไตย” นักการเมืองใช้เงินและโอกาสเพื่อก้าวหน้าอาชีพเป็นตัวล่อ ข้าราชการตำแหน่งสูงส่วนหนึ่งยอมให้ความโลภครอบงำ ละทิ้งจิตสำนึก ความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง
เป็นทาสเงินและผลประโยชน์! ข้าราชการไม่กล้าขัดขืน ต้องสยบต่อนักการเมืองผู้อาสาเข้ามาบริหารแผ่นดินเป็นคนเลวทราม โลภ จ้องโกงกิน เอาทรัพย์สินแผ่นดินเป็นของตัวเอง
สุดท้ายต้องโทษประชาชน! คนระดับรากหญ้าอาจถูกความยากจนค่นแค้น สภาพอิทธิพลท้องบีบบังคับให้จำยอมรับเงินซื้อเสียงจากนักการเมืองชั่วร้าย ส่วนหนึ่งเลือกเพราะความชอบ ความไม่รู้ ซื่อ นึกว่าคนบ้านเดียวกัน จึงตกเป็นเหยื่อของพวกเจ้าเล่ห์ร้อยลิ้นกะลาวน
ระบบการเมืองท้องถิ่น เลือกตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. ต้องใช้เงิน อิทธิพล เมื่อโครงผุกร่อน ฐานง่อนแง่น เท่ากับค่านิยมสังคมชนบทมองการเมืองผิดระบบ ส่งผลต่อระดับชาติ
คนในเมืองส่วนหนึ่งรับเงินซื้อเสียง ทำให้โครงสร้างของระบบการเมืองบิดเบี้ยว และคนในเมืองที่ชอบอ้างว่าเป็นพลังเงียบ ยอมนอนหลับทับสิทธิ์ ทำให้การใช้สิทธิ์ในเมืองหลวงต่ำกว่าต่างจังหวัด มีข้ออ้างว่าไม่อยากเลือกใคร ดูแล้วก็เลวพอกัน โกงกิน กะล่อน หน้าด้าน ฯลฯ
เมื่อการเมืองจำนนต่อระบบซื้อเสียง คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ได้ผล เจ้าหน้าที่ กกต.ส่วนหนึ่งตกเป็นเหยื่อของความโลภ ก็ไม่มีกลไกควบคุมป้องกันการซื้อเสียง เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งรับใช้นักการเมืองซีกรัฐบาล สกัดหัวคะแนนฝ่ายตรงข้ามตัดโอกาสทำงานคืนหมาหอน
เงิน อิทธิพล อำนาจ เครือข่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ยังเอื้อประโยชน์ให้นักการเมืองชั่วร้าย!
คนดี ไม่มีเงินจึงท้อ หมดใจ ไม่มีโอกาสได้เสนอตัวให้ประชาชนเลือก เพราะระบบพรรคการเมือง ซึ่งต้องหาทุน มีโครงสร้างเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคและแกนนำ ได้กำหนดระบบอาวุโส เส้นสายในการคัดสรรผู้สมัคร ไม่ได้เน้นคุณสมบัติ ต้องมีเงิน เครือข่าย ฐานเสียงด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ การเมืองไทยจึงติดในทางตัน จมในน้ำเน่า ไร้ทางออก! แต่ใช่ว่าจะสิ้นหวัง เหมือนเตาอบ มีรูระบายเล็กๆ ปล่อยให้แรงอัดออกเมื่อใกล้ระเบิด ผลที่ตามมา ดีบ้าง ร้ายบ้าง
เหมือนการรัฐประหารแต่ละยุค ทหารล้มโต๊ะการเมือง กลุ่มกุมอำนาจใหม่เข้ามาจัดการบ้านเมือง ได้ผลพอสมควรในยุคป๋าเปรมคุมนักการเมือง แต่สุดโหล่ยโท่ยเสียของเหมือนยุคขิงแก่
บ้านเมืองล้มเหลวกับการเมือง ผ่านวิกฤตเผาบ้าน เผาเมือง ในยุค “ขิงอ่อน” มาร์ค โพเดียม จากความหวังสูงที่คนในสังคมส่วนหนึ่งตั้งไว้ว่าคนมีความรู้ ชาติตระกูลดี การศึกษาดี มีจิตสำนึกสูง ประเมินจากพฤติกรรมบนเส้นทางการเมืองกว่า 10 ปี จะนำพาประเทศไปบนเส้นทางระบบถูกต้อง
ที่ไหนได้! ทุกวันนี้ถูกมองว่าเป็นคนนั่งเอ้เต้หัวเรือ มีพวกโจรพายไปปล้นเหยื่อตามใจชอบ!
ภารกิจเร่งด่วนควรทำ กลับไม่ทำ ไปทำในเรื่องตอบสนองความต้องการของนักการเมือง สานผลประโยชน์พวกเดียวกัน ขยายฐานอำนาจ ซ้ำเติมสภาพบ้านเมืองให้เสื่อมทรุด
จะหวังพึ่งพากองทัพ ประชาชนสงสัยว่าแม่ทัพนายกองคุมอำนาจยังเหลือความรักชาติแท้จริงอยู่หรือไม่ หรือการแสดงออกแฝงความรักชาตินั้นเพื่อปกป้องตำแหน่ง ผลประโยชน์ของกลุ่ม ที่ผ่านมา มีการแก่งแย่งชิงอำนาจ แบ่งกันเป็นก๊ก ตั้งสมญานามโก้หรู เช่น วงศ์เทวัญ พยัฆค์บูรพา
เมื่อชาวบ้านสิ้นหวัง อยากหยุดการเมืองเลือกตั้ง 3-5 ปี เปิดระบบให้คนดีมีโอกาสบริหารบ้านเมือง บางกลุ่มเรียกร้องหาผู้นำเด็ดขาดแบบจอมพลสฤษดิ์ แต่ซื่อสัตย์เหมือนพลเอกเปรม! ดูแล้วรู้สึกพิกล เมื่อยกตัวอย่างคนซื่อสัตย์ ต้องยกพลเอกเปรมเป็นตัวอย่างเสมอ!
หลังจากยุคพลเอกเปรมแล้ว ไม่มีใครได้รับการยอมรับว่าซื่อสัตย์ สุจริต อีกแล้วหรือ!!
มองไปข้างหน้า อนาคตการเมืองยิ่งมืดมน “มาร์ค โพเดียม” จะยุบสภา เดือนพฤษภาคม ให้ชาวบ้านกาเบอร์เลือก ส.ส. ส่วนใหญ่หน้าเดิมเข้ามาหาช่องทางโกงกินต่อไป ชาวบ้านยังงงว่าจะเร่งยุบสภาทำไม เสี่ยงกับการได้เสือหิวตัวใหม่รวมหัวกันตัวเดิมเขมือบทรัพย์สินแผ่นดิน
ดูคนเสนอหน้ามาให้เลือกเป็นผู้นำ ยิ่งหดหู่! นอกจาก “มาร์ค โพเดียม” มีคู่แข่งคือ “มิ่ง โพเดี้ยง” ซึ่งยังไม่เข็ด ไม่เจียมตัว หลังจากโชว์ความเลอะเฟอะฟะช่วงเปิดและสรุปอภิปรายในสภาฯ! ยังไม่รู้ว่าพรรคแดงเพื่อไทยจะไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ คนอื่นยังแอบรอจังหวะ
“สิงห์เฉ-ลิม” ยังเขม่น “มิ่ง” ไม่หาย แก้เกมด้วยการรับบทเป็นนกรู้ เชิด “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ หญิงคนแรก ไม่ต้องประเมินความรู้ ความสามารถ ศักยภาพ ผลงานการบริหาร ประวัติ ความสำเร็จในชีวิต! มุ่งเป้าหมายเดียว คือ หวังเอาใจ “เหลี่ยม” เพื่อดูดน้ำใจอีกรอบ ฮ่า!
เสียงร่ำลือว่ามีตัวชิงใหม่ หน้าเดิมคือ “ปุ” ฉายามือปราบสายเดี่ยว คนชอบดูสีเยี่ยวนักเที่ยวผับ! ช่างกล้าเนอะ! ชาวบ้านยังไม่ลืม “ไม้บรรทัดพลาสติกขนานแท้ ไม่มีใครเลียนแบบ” ม้วนได้หลายรอบ! ดูกรณีธรณีสงฆ์วัดอัลไพน์ธรรมิการาม ชิ่งหลบแต่กลบรอยไม่เนียน ชาวบ้านจับได้
“มาร์ค โพเดียม” เป็นนายกฯ เสื้อแดงเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน จะมีป่วนเมือง ยังมีโกงกินคำโต! ถ้าเปลี่ยนขั้วพวกชั่วเข้ามาแทน ศักยภาพด้านร้ายยังประเมินไม่ได้ แต่เลวเกินคาดแน่ๆ
จะรอปฏิวัติประชาชน ยังไม่รู้ว่าสีใดจะชนะ ถ้าต้องเกิดสงครามกลางเมืองนิ! อิอิอิ!!!
มาถึงจุดนี้ บ้านเมืองยังเผชิญทางตันกับการเมืองในระบบ “ธนบัตราธิปไตย” ใช้เงินเป็นใหญ่ นักการเมืองไม่ทำงานเพื่อประชาชน แต่เป็นนักเสี่ยงโชค นักลงทุนแข่งกันทุ่มซื้อเสียงในการเลือกตั้ง โดยมี “การกุมอำนาจรัฐ” เป็นสุดยอดของเดิมพัน เหมือนขุมทรัพย์ขุดไม่หมดสิ้น
บ่อทอง บ่อน้ำมัน ขุดแล้ววันหนึ่งต้องหมด! ทรัพย์ในดินประเทศไทยทยอยพร่องไป แต่ประชาชนยังอยู่ ก้มหน้าก้มตาทำงาน เสียภาษีให้นักการเมืองขูดรีดโกงกิน สร้างความมั่งคั่งต่อไป
เป็นเช่นนี้ ยังไม่มีวันสิ้นสุด ระบบนิติรัฐ กลไกกระบวนยุติธรรมเสียหายจนหมดสภาพ โดยอำนาจ “ธนบัตราธิปไตย” นักการเมืองใช้เงินและโอกาสเพื่อก้าวหน้าอาชีพเป็นตัวล่อ ข้าราชการตำแหน่งสูงส่วนหนึ่งยอมให้ความโลภครอบงำ ละทิ้งจิตสำนึก ความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง
เป็นทาสเงินและผลประโยชน์! ข้าราชการไม่กล้าขัดขืน ต้องสยบต่อนักการเมืองผู้อาสาเข้ามาบริหารแผ่นดินเป็นคนเลวทราม โลภ จ้องโกงกิน เอาทรัพย์สินแผ่นดินเป็นของตัวเอง
สุดท้ายต้องโทษประชาชน! คนระดับรากหญ้าอาจถูกความยากจนค่นแค้น สภาพอิทธิพลท้องบีบบังคับให้จำยอมรับเงินซื้อเสียงจากนักการเมืองชั่วร้าย ส่วนหนึ่งเลือกเพราะความชอบ ความไม่รู้ ซื่อ นึกว่าคนบ้านเดียวกัน จึงตกเป็นเหยื่อของพวกเจ้าเล่ห์ร้อยลิ้นกะลาวน
ระบบการเมืองท้องถิ่น เลือกตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. ต้องใช้เงิน อิทธิพล เมื่อโครงผุกร่อน ฐานง่อนแง่น เท่ากับค่านิยมสังคมชนบทมองการเมืองผิดระบบ ส่งผลต่อระดับชาติ
คนในเมืองส่วนหนึ่งรับเงินซื้อเสียง ทำให้โครงสร้างของระบบการเมืองบิดเบี้ยว และคนในเมืองที่ชอบอ้างว่าเป็นพลังเงียบ ยอมนอนหลับทับสิทธิ์ ทำให้การใช้สิทธิ์ในเมืองหลวงต่ำกว่าต่างจังหวัด มีข้ออ้างว่าไม่อยากเลือกใคร ดูแล้วก็เลวพอกัน โกงกิน กะล่อน หน้าด้าน ฯลฯ
เมื่อการเมืองจำนนต่อระบบซื้อเสียง คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ได้ผล เจ้าหน้าที่ กกต.ส่วนหนึ่งตกเป็นเหยื่อของความโลภ ก็ไม่มีกลไกควบคุมป้องกันการซื้อเสียง เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งรับใช้นักการเมืองซีกรัฐบาล สกัดหัวคะแนนฝ่ายตรงข้ามตัดโอกาสทำงานคืนหมาหอน
เงิน อิทธิพล อำนาจ เครือข่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ยังเอื้อประโยชน์ให้นักการเมืองชั่วร้าย!
คนดี ไม่มีเงินจึงท้อ หมดใจ ไม่มีโอกาสได้เสนอตัวให้ประชาชนเลือก เพราะระบบพรรคการเมือง ซึ่งต้องหาทุน มีโครงสร้างเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคและแกนนำ ได้กำหนดระบบอาวุโส เส้นสายในการคัดสรรผู้สมัคร ไม่ได้เน้นคุณสมบัติ ต้องมีเงิน เครือข่าย ฐานเสียงด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ การเมืองไทยจึงติดในทางตัน จมในน้ำเน่า ไร้ทางออก! แต่ใช่ว่าจะสิ้นหวัง เหมือนเตาอบ มีรูระบายเล็กๆ ปล่อยให้แรงอัดออกเมื่อใกล้ระเบิด ผลที่ตามมา ดีบ้าง ร้ายบ้าง
เหมือนการรัฐประหารแต่ละยุค ทหารล้มโต๊ะการเมือง กลุ่มกุมอำนาจใหม่เข้ามาจัดการบ้านเมือง ได้ผลพอสมควรในยุคป๋าเปรมคุมนักการเมือง แต่สุดโหล่ยโท่ยเสียของเหมือนยุคขิงแก่
บ้านเมืองล้มเหลวกับการเมือง ผ่านวิกฤตเผาบ้าน เผาเมือง ในยุค “ขิงอ่อน” มาร์ค โพเดียม จากความหวังสูงที่คนในสังคมส่วนหนึ่งตั้งไว้ว่าคนมีความรู้ ชาติตระกูลดี การศึกษาดี มีจิตสำนึกสูง ประเมินจากพฤติกรรมบนเส้นทางการเมืองกว่า 10 ปี จะนำพาประเทศไปบนเส้นทางระบบถูกต้อง
ที่ไหนได้! ทุกวันนี้ถูกมองว่าเป็นคนนั่งเอ้เต้หัวเรือ มีพวกโจรพายไปปล้นเหยื่อตามใจชอบ!
ภารกิจเร่งด่วนควรทำ กลับไม่ทำ ไปทำในเรื่องตอบสนองความต้องการของนักการเมือง สานผลประโยชน์พวกเดียวกัน ขยายฐานอำนาจ ซ้ำเติมสภาพบ้านเมืองให้เสื่อมทรุด
จะหวังพึ่งพากองทัพ ประชาชนสงสัยว่าแม่ทัพนายกองคุมอำนาจยังเหลือความรักชาติแท้จริงอยู่หรือไม่ หรือการแสดงออกแฝงความรักชาตินั้นเพื่อปกป้องตำแหน่ง ผลประโยชน์ของกลุ่ม ที่ผ่านมา มีการแก่งแย่งชิงอำนาจ แบ่งกันเป็นก๊ก ตั้งสมญานามโก้หรู เช่น วงศ์เทวัญ พยัฆค์บูรพา
เมื่อชาวบ้านสิ้นหวัง อยากหยุดการเมืองเลือกตั้ง 3-5 ปี เปิดระบบให้คนดีมีโอกาสบริหารบ้านเมือง บางกลุ่มเรียกร้องหาผู้นำเด็ดขาดแบบจอมพลสฤษดิ์ แต่ซื่อสัตย์เหมือนพลเอกเปรม! ดูแล้วรู้สึกพิกล เมื่อยกตัวอย่างคนซื่อสัตย์ ต้องยกพลเอกเปรมเป็นตัวอย่างเสมอ!
หลังจากยุคพลเอกเปรมแล้ว ไม่มีใครได้รับการยอมรับว่าซื่อสัตย์ สุจริต อีกแล้วหรือ!!
มองไปข้างหน้า อนาคตการเมืองยิ่งมืดมน “มาร์ค โพเดียม” จะยุบสภา เดือนพฤษภาคม ให้ชาวบ้านกาเบอร์เลือก ส.ส. ส่วนใหญ่หน้าเดิมเข้ามาหาช่องทางโกงกินต่อไป ชาวบ้านยังงงว่าจะเร่งยุบสภาทำไม เสี่ยงกับการได้เสือหิวตัวใหม่รวมหัวกันตัวเดิมเขมือบทรัพย์สินแผ่นดิน
ดูคนเสนอหน้ามาให้เลือกเป็นผู้นำ ยิ่งหดหู่! นอกจาก “มาร์ค โพเดียม” มีคู่แข่งคือ “มิ่ง โพเดี้ยง” ซึ่งยังไม่เข็ด ไม่เจียมตัว หลังจากโชว์ความเลอะเฟอะฟะช่วงเปิดและสรุปอภิปรายในสภาฯ! ยังไม่รู้ว่าพรรคแดงเพื่อไทยจะไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ คนอื่นยังแอบรอจังหวะ
“สิงห์เฉ-ลิม” ยังเขม่น “มิ่ง” ไม่หาย แก้เกมด้วยการรับบทเป็นนกรู้ เชิด “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ หญิงคนแรก ไม่ต้องประเมินความรู้ ความสามารถ ศักยภาพ ผลงานการบริหาร ประวัติ ความสำเร็จในชีวิต! มุ่งเป้าหมายเดียว คือ หวังเอาใจ “เหลี่ยม” เพื่อดูดน้ำใจอีกรอบ ฮ่า!
เสียงร่ำลือว่ามีตัวชิงใหม่ หน้าเดิมคือ “ปุ” ฉายามือปราบสายเดี่ยว คนชอบดูสีเยี่ยวนักเที่ยวผับ! ช่างกล้าเนอะ! ชาวบ้านยังไม่ลืม “ไม้บรรทัดพลาสติกขนานแท้ ไม่มีใครเลียนแบบ” ม้วนได้หลายรอบ! ดูกรณีธรณีสงฆ์วัดอัลไพน์ธรรมิการาม ชิ่งหลบแต่กลบรอยไม่เนียน ชาวบ้านจับได้
“มาร์ค โพเดียม” เป็นนายกฯ เสื้อแดงเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน จะมีป่วนเมือง ยังมีโกงกินคำโต! ถ้าเปลี่ยนขั้วพวกชั่วเข้ามาแทน ศักยภาพด้านร้ายยังประเมินไม่ได้ แต่เลวเกินคาดแน่ๆ
จะรอปฏิวัติประชาชน ยังไม่รู้ว่าสีใดจะชนะ ถ้าต้องเกิดสงครามกลางเมืองนิ! อิอิอิ!!!