xs
xsm
sm
md
lg

“เมเจอร์”สต๊อกเก่าเต็มมือ ปี54เปิดคอนโดฯใหม่แค่2โครงการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- เมเจอร์ ฯเผยปี 54 พัฒนาแค่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ประเดิมโครงการแรก “เอ็ม ลาดพร้าว” คาดไตรมาส3 เปิดอีก 1 แห่ง แจงเปิดโครงการน้อยเพราะมีสต๊อกคอนโดฯในมือเพียบ รองรับการขายไปอีก 1 ปี ฟุ้งแบล็กล็อคตุนในมือเกือบ 4,500ล้านบาท มั่นใจยอดขายทั้งปีไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นโยบายในการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ของบริษัทในแต่ละปีจะเน้นการเปิดตัวโครงการแนวสูงต่อเนื่องปีละ 2-3 โครงการโดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการประกอบด้วยโครงการ เอ็ม พญาไท คอนโดมิเนียมสูง35ชั้น จำนวน215ยูนิตมูลค่า 1,850ล้านบาท, โครงการเอ็ม สีลม คอนโดมิเนียมสูง 53ชั้นจำนวน 161ยูนิตมูลค่า 2,200 ล้านบาท และโครงการ อัควิน็อกค์ พหล-วิภา อาคารสูง42 ชั้นจำนวน 490 ยูนิตมูลค่า 2,400ล้านบาท

ส่วนในปี 2554บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท ล่าสุดเปิดตัวโครงการเอ็ม ลาดพร้าว ส่วนอีกหนึ่งโครงการคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อซื้อที่ดินเข้ามาพัฒนาโครงการ

“ นอกจากนี้ยังได้ซื้อที่ดินแลนด์แบงก์เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ในย่านท่าอิฐติดแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วงเข้ามาแล้ว 13 ไร่ ซึ่งรองานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายดังกล่าวให้เสร็จแล้วจึงจะพัฒนา” นายสุริยน กล่าว

ทั้งนี้นโยบายของบริษัท จะลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ปีละ 2-3 โครงการ แต่ในปีที่ภาวะตลาดไม่เหมาะสมบริษัทจะลดพอร์ตการลงทุนเหลือเพียง 1 โครงการ เพื่อให้มีสินค้าไว้รองรับความต้องการลูกค้าและเพื่อเป็นการสร้างความต่อเนื่องด้านรายได้ ซึ่งในปีถือเป็นปีที่ภาวะตลาดผันผวนมีปัจจัยลบหลายอย่าง ดังนั้นจึงมีแผนลงทุนพัฒนาโครงการใหม่เพียง 2 โครงการ นอกจากนี้ยังมีสต๊อกสินค้าที่เปิดตัวไปก่อนหน้าและอยู่ระหว่างก่อสร้างในมือมากพอที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้ต่อเนื่องอีกกว่า 1 ปีทำให้ในปีนี้บริษัมยังไม่เร่งงทุนโครงการใหม่

โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ขายในมือแล้ว 4,200 - 4,500 ล้านบาท จากโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว คือ โครงการวอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยา, โครงการวินด์สุขุมวิท23, โครงการวินด์รัชโยธิน, โครงการออกัสตันสุขุมวิท 22 และ โครงการมาราเกช หัวหิน ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายใน2 ปีจากนี้ โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวมทั้งสิ้น 3,500 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้รวม 2,900 ล้านบาท ส่วนในปีนี้บริษัทมคาดการว่าจะมียอดขายที่ 2,000 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากโครงการที่สร้างแล้วเสร็จ

ด้านนางจิตรดี พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า โครงการมาราเกช หัวหินเป็นโครงการมิกซ์ยูส โครงการแรกของบริษัทโดยมีการพัฒนาแบบผสมผสานคอนโดมิเนียมและโรงแรมไว้ในโครงการเดียวกัน โดยในส่วนของโรงแรมนั้นมีห้องพักทั้งสิ้น 76 ห้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างงานก่อสร้างคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาสที่ 2ของปีนี้

ส่วนห้องชุดคอนโดมิเนียมมีจำนวน269ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องชุด1ห้องนอน 248 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.1 ล้านบาท ห้องชุด 2 ห้องนอน 45ยูนิต ราคาเริ่มต้น 9.95ล้านบาท ห้องชุด3 ห้องนอน 32 ยูนิตราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท ห้องชุด4 ห้องนอน 4 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 20-48ล้านบาท และพลูวิลล่า 2ยูนิต ซึ่งขณะนี้ขายหมดแล้ว

“ปัจจุบันโครงการมาราเกชมียอดขายแล้วกว่า 70% โดยในจำนวนดังกล่าวสามารถแบ่งออกเป็นลูกค้าต่างชาติ 20% และลูกค้าคนไทย 80%”

นายสุริยน กล่าวถึงแผนสัดส่วนรายได้ในอนาคตว่า จากการที่บริษัทเริ่มทยอยพัฒนาโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสเพื่อให้บริษัทมีรายได้จากการขายและจากการเช่า นั้นเพื่อสร้างรายได้ระยะยาวจากโครงกรประเภทปล่อยเพื่อสร้างรายได้จระยะยาวให้แก่บริษัทเป็นการลดความเสี่ยงของบริษัทและยังเป็นการสร้างรายได้ที่แน่นอนให้แก่บริษัทโดยบริษัทมีแผนว่าในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากการขายที่70% และมีรายได้จากการเช่า30%

โดยปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสแล้ว 2 โครงการประกอบด้วยโครงการ มาราเกชหัวหิน ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมผสมผสานคอนโด และโครงการอีควิน็อกซ์ พหล-วิภา เป็นโครงการคอนโดผสมผสานออฟฟิศเช่าโดยในส่วนของโครงการมาราเกชจะเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ส่วนโครงการอีควิน็อกซ์คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในช่วง 2 ปีข้างหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น