ASTVผู้จัดการรายวัน - ไอ้ตู่อ่วม !ดีเอสไอแจ้งเพิ่ม 3 ข้อหาปลอมเอกสารราชการ “เทือก” ชำแหละ 4 กลุ่มชุดดำ ฝึกยิงหัว-ปาระเบิด ปูดรถตู้ขนคนชุดดำยิง“ร่มเกล้า” ยกทฤษฎีคอมมิวนิสต์เทียบทักษิณ ส่วนลูกสาวเสธ.แดง จ่อฟ้องสุเทพ
ที่รัฐสภา มีการพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในประเด็นที่นายจตุพร พรหมพันธ์ สส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยที อภิปรายว่า รัฐบาลเป็นสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารปราบปรามกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ต่อจากค่ำวันที่ 17 มี.ค.
วานนี้(18 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ได้ชี้แจงว่ารัฐบาลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในสองเหตุการณ์ คือ เหตุการณ์ ขอพื้นที่คืนบริเวณถนราชดำเนินวันที่ 10 เม.ย.และการกระชับพื้นที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ 19 พ.ค.2553
นายสุเทพ อธิบายว่า การชุมนุมของคนนปช.เป็นความต้องการที่ล้มรัฐบาลภายหลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกยึดทรัพย์ และมากล่าวหารัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกับที่สภาฯเลือกนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พอพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็ไม่พอใจจึงหาวิธีโค่นล้มด้วยการสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศถึงสองครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี2552
**ชำแหละ 4 กลุ่มชุดดำฝึกยิงหัว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า กองกำลังเสื้อดำ แบ่งออกเป็น 4 หน่วยคือ 1.กลุ่มนักรบโรนิน ภายใต้กำกับพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2551 มีกองกำลัง 80-100 คน เริ่มฝึกการต่อสู้โดยใช้ไม้พลองแทนปืนที่สนามหลวง มีการฝึกยิงศูนย์นั่งแท่นบริเวณหัวฝึกให้ยิงหัวอย่างเดียว มอบหมายให้นายมงคล สารพัน และนายยงยุทธ ท้วมมี เป็นแกนนำ กลุ่มนี้เป็นคนก่อเหตุเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 เข่นฆ่าประชาชนโดยใช้อาวุธปืนอาร์ก้าที่ยึดมาจากเจ้าหน้าที่ 2.กลุ่มเสือดำ มีพล.ท.ทวนทอง อินทรทัต มีนายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ดกลุ่มเสื้อแดง และนายสมบูรณ์ เป็นผู้ฝึก โดยกลุ่มนี้พัฒนามาจากการ์ดอาสาเสื้อแดง ฝึกครั้งแรกเดือน ก.พ.2553 ที่จ.อุตรดิตถ์ จากนั้นมาฝึกที่เขตบางบอน โดยมีการใช้งานจริงเดือนเม.ย.2553
3.กลุ่มสมิงดำ เป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มฮาร์ดคอที่อยู่บริเวณศาลาแดง โดยมีพล.ต.ขัตติยะ เป็นผู้ฝึก ฝึกประกอบระเบิดตามจุดต่างๆในกทม. และ4.กลุ่มกูคือผู้ชนะ กำกับโดยนายยงยุทธ(ไม่บอกนามสกุล) กลุ่มนี้ลึกลับไม่มีหลักฐานชัดเจน ไม่มีรูปถ่ายไว้ กำลังติดตามอยู่ ซึ่งการจัดกองกำลังของนปช.ที่ถนนราชดำเนินและสี่แยกราชประสงค์มีความแตกต่าง และมีโครงสร้างที่สลับซับซ้อน คือที่ราชดำเนินเป็นลักษณะของผบ.ร้อย โดยมีหัวหน้าคุมหน่วย 111 คน และมีการ์ด 307 คน ขณะที่สี่แยกราชประสงค์มีการยกระดับเป็นเหมือนผบ.พัน มีคนคุมกองร้อย 87 คน และมีหัวหน้าคุมส่วนต่างๆ อีก 23 คน มีการกระจายกำลังอยู่ทุกพื้นที่ โดยมีกองกำลังทั้งหมด 3,342 คน เพื่อเตรียมพร้อมสู้กับเจ้าหน้าที่ หากมีการสลายการชุมนุม โดยหวังให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น
ปูดรถตู้ขนคนชุดดำยิง“ร่มเกล้า”
“ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์วางเพลิงที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด ไม่มีใครลอยนวล มีการจับผู้ต้องหาและส่งฟ้องแล้ว 4 คน อีกทั้งยังมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ส่วนกรณีการเสียชีวิต 6คนที่วัดปทุมวนาราม ยังพบว่ามี 2 ศพมีเขม่าดินปืนติดอยู่ที่มือ แสดงว่าอาจมีการใช้อาวุธปืนก่อนเสียชีวิต ซึ่งตรงข้ามกับที่นายจตุพร ระบุว่าไม่มีศพไหนมีเขม่าดินปืน อีกทั้งนายจตุพรยังบอกว่าบางศพมีกระสุนหัวสีเขียวฝังใน เป็นฝีมือของทหารนั้น ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 มีการยึดอาวุธทหาร หลังจากนั้นมีการจับกุมได้พบว่ามีการยึดกระสุนหัวสีเขียวไปด้วย”
นายสุเทพกล่าวว่า ที่สำคัญคือเหตุการณ์การเสียชีวิตของพล.อ.ร่วมเกล้า ธุวธรรม หรือพ.อ.ร่มเกล้า ได้มีรถตู้ขนคนชุดดำเข้าไปปฏิบัติการ และหนึ่งในนั้นคือผู้สังหารพล.อ.ร่วมเกล้า และที่น่าเสียใจคืออ พล.อ.ร่มเกล้าอาจไม่เสียชีวิต หากไม่ถูกขัดขวางจากผู้ชุมนุมในการนำตัวส่งโรงพยาบาล ในที่นี้ไม่โทษประชาชน แต่โทษแกนนำที่ต้องรับผิดชอบผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ทหารถูกยิงและไม่ได้ไปโรงพยาบาล
ยกทฤษฎีคอมมิวนิสต์เทียบทักษิณ
ขณะเดียวกัน นายสุเทพได้ทำแผ่นชาร์ต แผนผังทฤษฎีคอมมิวนิสต์ ระหว่างพรรคคอมมิสนิสต์แห่งประเทศไทย และเครือข่ายทักษิณ เพื่อมาเปรียบเทียบให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของเครือข่ายทักษิณ มีลักษณะเช่นเดียวกับคอมมิวนิสต์
นายสุเทพ ได้สรุปตอนท้ายของการอภิปรายว่า การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เพราะมีเจตนาที่ต้องการล้มรัฐบาลด้วยวิธีการนอกระบบ ถ้าเป็นการเคลื่อนไหวในระบบประชาธิปไตยก็จะไม่เกิดปัญหาขึ้น ถ้าพวกท่านได้เป็นรัฐบาลออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณก็ทำได้
ไอ้ตู่อ่วมดีเอสไอแจ้งเพิ่ม 3 ข้อหา
วันเดียวกันนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร นำข้อมูลสำนวนการสอบสวนคดีก่อการร้ายไปเปิดเผยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่17 มี.ค.ว่า การอภิปรายของนายจตุพรแม้จะได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ แต่เอกสิทธิ์คุ้มครองเฉพาะการเปิดเผยในสภา แต่ไม่ได้ให้ความคุ้มครองถึงการนำข้อมูลถ่ายทอดสู่สาธารณชน ดังนั้นคณะพนักงานสอบสวนมีมติเอกฉันท์ให้ดำเนินคดีกับนายจตุพรใน 3 ข้อหา คือ
1.ข้อหาปลอมเอกสารของทางราชการ เพราะมีการตัดต่อข้อความบางส่วน เลือกเฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์ ส่วนที่เป็นโทษไม่มีการพูดถึง เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ทหารบนรางรถไฟบีทีเอส ให้ถ้อยคำยืนยันว่ามีชายชุดดำใช้อาวุธปืนยิงใส่ทหาร ทหารจึงต้องยิงโต้ตอบเพื่อป้องกันตัว ซึ่งนายจตุพรไม่พูดถึงประเด็นนี้ 2. ข้อหานำความลับในสำนวนการสอบสวนไปเปิดเผยต่อสาธารณะ อันอาจเกิดความเสียหายต่อพยานหลักฐาน และก่อให้เกิดความเสียหายทางรูปคดี และ3. ข้อหาจงใจใส่ร้ายผู้อื่นให้อาจต้องรับโทษทางอาญา ทั้งที่ยังไม่มีมูลความผิด
ทั้งนี้ ดีเอสไอจะดำเนินคดีกับนายจตุพรดังกล่าวเพิ่มเติม โดยถือเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับคดีก่อการร้ายที่ดีเอสไอมีอำนาจสอบสวนโดยไม่ต้องแจ้ง ความกับพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) แต่อย่างใด
ข้อหาปลอมเอกสารราชการ
นายธาริต กล่าวอีกว่า ในการอภิปรายนายจตุพร ได้ทำการปลอมเอกสารของทางราชการ โดยนำข้อความในสำนวนคดีผลการสอบสวนสาเหตุการตายของผู้ชุมนุมและทหารรวม 91 ศพ เมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.ปีที่แล้ว มาตัดต่อใหม่
ส่วนกรณีนายจตุพร อภิปรายโดยอ้างว่าผลการสอบสวนผู้เสียชีวิต 13 ราย ของดีเอสไอ พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือทหารมีส่วนเกี่ยวข้องจนต้องส่งสำนวนกลับให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำสำนวนชันนิสูจน์ผลิกศพ นายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอไม่เคยสรุปอย่างนั้น เพียงบอกว่าอาจเข้าข่ายจึงส่งสำนวนให้ตำรวจทำเพิ่ม
สำหรับกรณีนายวิเชียร ขาวขำ ส.ส. อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายระบุว่า ทหารจาก หน่วยฉก. 90 ยศสิบเอก อักษร ยื่อ พ. นามสกุล ป. เป็นคนมือสไนเปอร์ ยิง พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง นายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอไม่มีข้อมูลดังกล่าวในสำนวน
**ยกฟ้อง"เคทอง"ลูกน้องเสธ.cดง
วันเดียวกันที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1342/2553 ที่ พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือเคทอง อายุ 50 ปี คนสนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า จำเลยเบิกความนำสืบถึงวันและเวลาในการทำงานของจำเลยโดยละเอียดหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ขณะที่โจทก์ไม่ได้นำพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอมานำสืบว่าจำเลยกระทำความผิดหรือมีส่วนร่วมอย่างไร จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
ลูกสาวเสธ.แดง จ่อฟ้องสุเทพ
อีกด้าน น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล หรือน้องเดียร์ บุตรสาว เสธ.แดง ได้ทวิตข้อความ ผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัว @Dear_Khattiya โดยระบุ “เห็นภาพข่าวแล้วสงสารพ่อตัวเอง ตายไปแล้วยังไม่วายโดนไอ้พวกบ้าไล่ออกจากสภา”
จากนั้น ก็ทวิตต่อว่า “อยากจะกระโดดลงไปโต้สุเทพในสภาเองหว่ะ” , “ทำไมรัฐบาลไม่พูดความจริงวะ ว่าการตายของร่มเกล้าเกิดจากการยิงพลาดของทหารเอง” ,”สุเทพ....คุณเตรียมโดนเดียร์ฟ้องหมิ่นประมาทด้วยนะคะ ฐานใส่ความคุณพ่อต่อบุคคลอื่น (คือประชาชนทั้งประเทศ) อันอาจทำให้เสียชื่อเสียง!”และ “ขอบคุณอาตู่มากคะ....ที่พูดแทนเดียร์ในสภา”
แฉเบิกจ่ายกระสุนปืนช่วงแดงม๊อบ
นายสมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย แถลงถึงรายละเอียดการเบิกจ่ายกระสุนปืน จากหน่วยคลังแสงสรรพวุธทหารบก พบว่ามีการเบิกกระสุนปืนชนิดต่างๆ 9 รายการ เบิกจ่ายไปรวม 593,900 นัด เดียวกันมีบัญชีสรุปรายการสป. 5 รับคืนจาก ศอฉ. จำนวน 2 ครั้ง รวมกระสุนปืนที่ส่งคืน 522,753 นัด จำนวนเบิกลูกกระสุนช่วงที่มีการชุมนุมของคนเสื้อแดง และหลังจากนั้นได้ส่งคืนนั้น มีกระสุนที่หายไปกว่า 7 หมื่นนัด ซึ่งไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่เอาไปทำอะไร
ที่รัฐสภา มีการพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในประเด็นที่นายจตุพร พรหมพันธ์ สส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยที อภิปรายว่า รัฐบาลเป็นสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารปราบปรามกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ต่อจากค่ำวันที่ 17 มี.ค.
วานนี้(18 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ได้ชี้แจงว่ารัฐบาลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในสองเหตุการณ์ คือ เหตุการณ์ ขอพื้นที่คืนบริเวณถนราชดำเนินวันที่ 10 เม.ย.และการกระชับพื้นที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ 19 พ.ค.2553
นายสุเทพ อธิบายว่า การชุมนุมของคนนปช.เป็นความต้องการที่ล้มรัฐบาลภายหลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกยึดทรัพย์ และมากล่าวหารัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกับที่สภาฯเลือกนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พอพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็ไม่พอใจจึงหาวิธีโค่นล้มด้วยการสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศถึงสองครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี2552
**ชำแหละ 4 กลุ่มชุดดำฝึกยิงหัว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า กองกำลังเสื้อดำ แบ่งออกเป็น 4 หน่วยคือ 1.กลุ่มนักรบโรนิน ภายใต้กำกับพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2551 มีกองกำลัง 80-100 คน เริ่มฝึกการต่อสู้โดยใช้ไม้พลองแทนปืนที่สนามหลวง มีการฝึกยิงศูนย์นั่งแท่นบริเวณหัวฝึกให้ยิงหัวอย่างเดียว มอบหมายให้นายมงคล สารพัน และนายยงยุทธ ท้วมมี เป็นแกนนำ กลุ่มนี้เป็นคนก่อเหตุเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 เข่นฆ่าประชาชนโดยใช้อาวุธปืนอาร์ก้าที่ยึดมาจากเจ้าหน้าที่ 2.กลุ่มเสือดำ มีพล.ท.ทวนทอง อินทรทัต มีนายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ดกลุ่มเสื้อแดง และนายสมบูรณ์ เป็นผู้ฝึก โดยกลุ่มนี้พัฒนามาจากการ์ดอาสาเสื้อแดง ฝึกครั้งแรกเดือน ก.พ.2553 ที่จ.อุตรดิตถ์ จากนั้นมาฝึกที่เขตบางบอน โดยมีการใช้งานจริงเดือนเม.ย.2553
3.กลุ่มสมิงดำ เป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มฮาร์ดคอที่อยู่บริเวณศาลาแดง โดยมีพล.ต.ขัตติยะ เป็นผู้ฝึก ฝึกประกอบระเบิดตามจุดต่างๆในกทม. และ4.กลุ่มกูคือผู้ชนะ กำกับโดยนายยงยุทธ(ไม่บอกนามสกุล) กลุ่มนี้ลึกลับไม่มีหลักฐานชัดเจน ไม่มีรูปถ่ายไว้ กำลังติดตามอยู่ ซึ่งการจัดกองกำลังของนปช.ที่ถนนราชดำเนินและสี่แยกราชประสงค์มีความแตกต่าง และมีโครงสร้างที่สลับซับซ้อน คือที่ราชดำเนินเป็นลักษณะของผบ.ร้อย โดยมีหัวหน้าคุมหน่วย 111 คน และมีการ์ด 307 คน ขณะที่สี่แยกราชประสงค์มีการยกระดับเป็นเหมือนผบ.พัน มีคนคุมกองร้อย 87 คน และมีหัวหน้าคุมส่วนต่างๆ อีก 23 คน มีการกระจายกำลังอยู่ทุกพื้นที่ โดยมีกองกำลังทั้งหมด 3,342 คน เพื่อเตรียมพร้อมสู้กับเจ้าหน้าที่ หากมีการสลายการชุมนุม โดยหวังให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น
ปูดรถตู้ขนคนชุดดำยิง“ร่มเกล้า”
“ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์วางเพลิงที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด ไม่มีใครลอยนวล มีการจับผู้ต้องหาและส่งฟ้องแล้ว 4 คน อีกทั้งยังมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ส่วนกรณีการเสียชีวิต 6คนที่วัดปทุมวนาราม ยังพบว่ามี 2 ศพมีเขม่าดินปืนติดอยู่ที่มือ แสดงว่าอาจมีการใช้อาวุธปืนก่อนเสียชีวิต ซึ่งตรงข้ามกับที่นายจตุพร ระบุว่าไม่มีศพไหนมีเขม่าดินปืน อีกทั้งนายจตุพรยังบอกว่าบางศพมีกระสุนหัวสีเขียวฝังใน เป็นฝีมือของทหารนั้น ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 มีการยึดอาวุธทหาร หลังจากนั้นมีการจับกุมได้พบว่ามีการยึดกระสุนหัวสีเขียวไปด้วย”
นายสุเทพกล่าวว่า ที่สำคัญคือเหตุการณ์การเสียชีวิตของพล.อ.ร่วมเกล้า ธุวธรรม หรือพ.อ.ร่มเกล้า ได้มีรถตู้ขนคนชุดดำเข้าไปปฏิบัติการ และหนึ่งในนั้นคือผู้สังหารพล.อ.ร่วมเกล้า และที่น่าเสียใจคืออ พล.อ.ร่มเกล้าอาจไม่เสียชีวิต หากไม่ถูกขัดขวางจากผู้ชุมนุมในการนำตัวส่งโรงพยาบาล ในที่นี้ไม่โทษประชาชน แต่โทษแกนนำที่ต้องรับผิดชอบผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ทหารถูกยิงและไม่ได้ไปโรงพยาบาล
ยกทฤษฎีคอมมิวนิสต์เทียบทักษิณ
ขณะเดียวกัน นายสุเทพได้ทำแผ่นชาร์ต แผนผังทฤษฎีคอมมิวนิสต์ ระหว่างพรรคคอมมิสนิสต์แห่งประเทศไทย และเครือข่ายทักษิณ เพื่อมาเปรียบเทียบให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของเครือข่ายทักษิณ มีลักษณะเช่นเดียวกับคอมมิวนิสต์
นายสุเทพ ได้สรุปตอนท้ายของการอภิปรายว่า การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เพราะมีเจตนาที่ต้องการล้มรัฐบาลด้วยวิธีการนอกระบบ ถ้าเป็นการเคลื่อนไหวในระบบประชาธิปไตยก็จะไม่เกิดปัญหาขึ้น ถ้าพวกท่านได้เป็นรัฐบาลออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณก็ทำได้
ไอ้ตู่อ่วมดีเอสไอแจ้งเพิ่ม 3 ข้อหา
วันเดียวกันนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร นำข้อมูลสำนวนการสอบสวนคดีก่อการร้ายไปเปิดเผยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่17 มี.ค.ว่า การอภิปรายของนายจตุพรแม้จะได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ แต่เอกสิทธิ์คุ้มครองเฉพาะการเปิดเผยในสภา แต่ไม่ได้ให้ความคุ้มครองถึงการนำข้อมูลถ่ายทอดสู่สาธารณชน ดังนั้นคณะพนักงานสอบสวนมีมติเอกฉันท์ให้ดำเนินคดีกับนายจตุพรใน 3 ข้อหา คือ
1.ข้อหาปลอมเอกสารของทางราชการ เพราะมีการตัดต่อข้อความบางส่วน เลือกเฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์ ส่วนที่เป็นโทษไม่มีการพูดถึง เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ทหารบนรางรถไฟบีทีเอส ให้ถ้อยคำยืนยันว่ามีชายชุดดำใช้อาวุธปืนยิงใส่ทหาร ทหารจึงต้องยิงโต้ตอบเพื่อป้องกันตัว ซึ่งนายจตุพรไม่พูดถึงประเด็นนี้ 2. ข้อหานำความลับในสำนวนการสอบสวนไปเปิดเผยต่อสาธารณะ อันอาจเกิดความเสียหายต่อพยานหลักฐาน และก่อให้เกิดความเสียหายทางรูปคดี และ3. ข้อหาจงใจใส่ร้ายผู้อื่นให้อาจต้องรับโทษทางอาญา ทั้งที่ยังไม่มีมูลความผิด
ทั้งนี้ ดีเอสไอจะดำเนินคดีกับนายจตุพรดังกล่าวเพิ่มเติม โดยถือเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับคดีก่อการร้ายที่ดีเอสไอมีอำนาจสอบสวนโดยไม่ต้องแจ้ง ความกับพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) แต่อย่างใด
ข้อหาปลอมเอกสารราชการ
นายธาริต กล่าวอีกว่า ในการอภิปรายนายจตุพร ได้ทำการปลอมเอกสารของทางราชการ โดยนำข้อความในสำนวนคดีผลการสอบสวนสาเหตุการตายของผู้ชุมนุมและทหารรวม 91 ศพ เมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.ปีที่แล้ว มาตัดต่อใหม่
ส่วนกรณีนายจตุพร อภิปรายโดยอ้างว่าผลการสอบสวนผู้เสียชีวิต 13 ราย ของดีเอสไอ พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือทหารมีส่วนเกี่ยวข้องจนต้องส่งสำนวนกลับให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำสำนวนชันนิสูจน์ผลิกศพ นายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอไม่เคยสรุปอย่างนั้น เพียงบอกว่าอาจเข้าข่ายจึงส่งสำนวนให้ตำรวจทำเพิ่ม
สำหรับกรณีนายวิเชียร ขาวขำ ส.ส. อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายระบุว่า ทหารจาก หน่วยฉก. 90 ยศสิบเอก อักษร ยื่อ พ. นามสกุล ป. เป็นคนมือสไนเปอร์ ยิง พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง นายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอไม่มีข้อมูลดังกล่าวในสำนวน
**ยกฟ้อง"เคทอง"ลูกน้องเสธ.cดง
วันเดียวกันที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1342/2553 ที่ พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือเคทอง อายุ 50 ปี คนสนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า จำเลยเบิกความนำสืบถึงวันและเวลาในการทำงานของจำเลยโดยละเอียดหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ขณะที่โจทก์ไม่ได้นำพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอมานำสืบว่าจำเลยกระทำความผิดหรือมีส่วนร่วมอย่างไร จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
ลูกสาวเสธ.แดง จ่อฟ้องสุเทพ
อีกด้าน น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล หรือน้องเดียร์ บุตรสาว เสธ.แดง ได้ทวิตข้อความ ผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัว @Dear_Khattiya โดยระบุ “เห็นภาพข่าวแล้วสงสารพ่อตัวเอง ตายไปแล้วยังไม่วายโดนไอ้พวกบ้าไล่ออกจากสภา”
จากนั้น ก็ทวิตต่อว่า “อยากจะกระโดดลงไปโต้สุเทพในสภาเองหว่ะ” , “ทำไมรัฐบาลไม่พูดความจริงวะ ว่าการตายของร่มเกล้าเกิดจากการยิงพลาดของทหารเอง” ,”สุเทพ....คุณเตรียมโดนเดียร์ฟ้องหมิ่นประมาทด้วยนะคะ ฐานใส่ความคุณพ่อต่อบุคคลอื่น (คือประชาชนทั้งประเทศ) อันอาจทำให้เสียชื่อเสียง!”และ “ขอบคุณอาตู่มากคะ....ที่พูดแทนเดียร์ในสภา”
แฉเบิกจ่ายกระสุนปืนช่วงแดงม๊อบ
นายสมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย แถลงถึงรายละเอียดการเบิกจ่ายกระสุนปืน จากหน่วยคลังแสงสรรพวุธทหารบก พบว่ามีการเบิกกระสุนปืนชนิดต่างๆ 9 รายการ เบิกจ่ายไปรวม 593,900 นัด เดียวกันมีบัญชีสรุปรายการสป. 5 รับคืนจาก ศอฉ. จำนวน 2 ครั้ง รวมกระสุนปืนที่ส่งคืน 522,753 นัด จำนวนเบิกลูกกระสุนช่วงที่มีการชุมนุมของคนเสื้อแดง และหลังจากนั้นได้ส่งคืนนั้น มีกระสุนที่หายไปกว่า 7 หมื่นนัด ซึ่งไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่เอาไปทำอะไร