00 ถัดจากเรื่อง “วิกฤตน้ำมันปาล์ม”ที่เดือดร้อนป่นปี้กันทั้งประเทศ แต่รวยกัน “พุงปลิ้น” แค่หยิบมือเดียว งานนี้ทำท่า “นรก” กำลังมาเยือนอีกรอบก็คือ “ราคายางตกต่ำ” ราคากำลังดำดิ่งลงมาเกือบติดดินแล้ว ว่ากันว่างานนี้พวกพ่อค้า-นักการเมืองเจ้าเก่ารวมหัวกัน “ดั๊มราคา” ฟันกำไรกันทั้งสองทางนั่นคือ ซื้อถูกรอขายแพง สะสมเสบียงกันช่วงเลือกตั้ง และคำถามทำนองเดียวกันก็ต้องเกิดขึ้นกับ “พ่อเทือก” ของเรา สุเทพ เทือกสุบรรณ คนเดิมนั่นแหละพี่น้อง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ แต่งานนี้ขอเตือนไว้ก่อนทำอะไรขอให้รอบคอบ เพราะราคายางชี้อนาคตประชาธิปัตย์เสียด้วยซี
00 กลายเป็นคำพูดสำเร็จรูปของนักการเมือง “น้ำเน่า” เหมือนกันหมดแล้ว ที่ตีความหมายของคำว่า “ประชาธิปไตย” คือ “การเลือกตั้ง” รวมทั้งถ้ามี “เสียงส่วนใหญ่” มีเสียงข้างมาก นั่นก็หมายความว่าจะ “ทำอะไรก็ได้” เพราะนี่คือประชาธิปไตย คนพวกนี้คงหลงลืมไปว่า ประเทศเผด็จการคอมมิวนิสต์ก็มีการเลือกตั้ง หรือเอากันชัดๆ อย่าง “ฮิตเลอร์” จอมเผด็จการนาซีเยอรมันก็มาจากการเลือกตั้งนะพี่น้อง
00 เป็นไปได้กับเขาเหมือนกัน ไม่คิดว่า “หน้าติ๋มๆ” พูดจาท่าทีเหมือนนักวิชาการ อย่าง ปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ก็เอากับเขาด้วย นาทีนี้คง “แทงเต็ง” ไปกับ “หน้าหล่อ” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปเต็มร้อยแล้ว ถือว่าผิดแผกไปจากก่อนหน้านี้ในช่วงแรกที่เพิ่งเข้ามายังละล้าละลัง ยังไม่กล้าทุ่มเต็มตัว เพราะคิดว่ารัฐบาล “ลัทธิมาร์ค-เนวิน” จะอยู่ได้นานนัก จึงยังไม่ค่อยกล้าทิ้งอาชีพในรั้วมหาวิทยาลัย แต่เมื่อติดลมบนแล้วก็มาอีหรอบเดียวกันนั่นคือจะพูดอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองดูดี จะเหยียบย่ำคนอื่นจมดินอย่างไรก็ไม่ต้องไปสนใจ
00 แม้จะไม่ชื่นชมคนเสื้อเหลือง อย่างพันธมิตรฯก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตั้งเวทียืนด่ารัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์มาเดือนกว่าแล้ว แต่การที่ชื่นชม “ม็อบเสื้อแดง” ว่ามีพัฒนาการทางประชาธิปไตย ไม่ใช้ความรุนแรง มุ่งไปสู่การเลือกตั้ง ไม่น่าเชื่อว่า “เลือด” ไม่ทันแห้งสนิท ควันไฟยังไม่ทันจางกลับพูดออกมาแบบนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่แหละเขาถึงเรียกว่าการเมืองทำให้เห็น “สันดาน” คนได้เสมอ
00 คำพูดที่ออกมาทำนองว่า การชุมนุมของคนเสื้อเหลืองกำลังยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ก็อยากถามซักคำว่า ทั้ง 193 วันที่ผ่านมา กับวันนี้ที่ผ่านมาเกือบสองเดือน ได้ยั่วยุ สร้างความรุนแรงที่ไหน มีแต่พวก “สุนัขในเครื่องแบบ” บางพวกเท่านั้นที่เล่นสงครามประสาทจ้องที่จะฉวยโอกาสปราบปราม ข่มขู่คุกคามตลอดเวลา
00 ส่วนเรื่องการเลือกตั้งนั้น แน่นอนว่าคนเสื้อเหลืองไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าใดนัก เพราะรู้ทันว่านี่คือ เล่ห์กลของนักการเมืองชั่วที่ต้องการใช้การเลือกตั้งมา “ฟอกตัว” ฟอกความผิดให้กับตัวเองเท่านั้น เพราะการเลือกตั้งที่ใช้เงินซื้อเสียงฟาดหัว แล้วกลับมาโกงกินบ้านเมือง ขายอธิปไตยอย่างนี้เขาไม่เรียกว่าประชาธิปไตยอย่างเด็ดขาด !!
00 เริ่มกันแล้วเป็นวันแรกเมื่อวานนี้(15 มี.ค.) สำหรับศึก “ซักฟอก” รัฐบาลไม่เอาไหน “ห่วยแตก” แต่พิจารณาจากภาพรวมแล้วยังไม่พบ “หมัดเด็ด” ที่พอจะน็อก “หน้าหล่อ” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงได้ เพราะบางครั้ง หัวหน้าทีมอย่าง “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ยังโดนไล่ถลุงกลับมาเสียอีก แต่เมื่อสงครามไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ต้องรอลุ้นจนจบ แต่ถ้าบรรยากาศยังเป็นแบบนี้มันก็ต้องด่าให้เปิดเปิงทั้งคู่ เพราะน้ำเน่าเสียเวลาเปล่า !!
00 กลายเป็นคำพูดสำเร็จรูปของนักการเมือง “น้ำเน่า” เหมือนกันหมดแล้ว ที่ตีความหมายของคำว่า “ประชาธิปไตย” คือ “การเลือกตั้ง” รวมทั้งถ้ามี “เสียงส่วนใหญ่” มีเสียงข้างมาก นั่นก็หมายความว่าจะ “ทำอะไรก็ได้” เพราะนี่คือประชาธิปไตย คนพวกนี้คงหลงลืมไปว่า ประเทศเผด็จการคอมมิวนิสต์ก็มีการเลือกตั้ง หรือเอากันชัดๆ อย่าง “ฮิตเลอร์” จอมเผด็จการนาซีเยอรมันก็มาจากการเลือกตั้งนะพี่น้อง
00 เป็นไปได้กับเขาเหมือนกัน ไม่คิดว่า “หน้าติ๋มๆ” พูดจาท่าทีเหมือนนักวิชาการ อย่าง ปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ก็เอากับเขาด้วย นาทีนี้คง “แทงเต็ง” ไปกับ “หน้าหล่อ” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปเต็มร้อยแล้ว ถือว่าผิดแผกไปจากก่อนหน้านี้ในช่วงแรกที่เพิ่งเข้ามายังละล้าละลัง ยังไม่กล้าทุ่มเต็มตัว เพราะคิดว่ารัฐบาล “ลัทธิมาร์ค-เนวิน” จะอยู่ได้นานนัก จึงยังไม่ค่อยกล้าทิ้งอาชีพในรั้วมหาวิทยาลัย แต่เมื่อติดลมบนแล้วก็มาอีหรอบเดียวกันนั่นคือจะพูดอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองดูดี จะเหยียบย่ำคนอื่นจมดินอย่างไรก็ไม่ต้องไปสนใจ
00 แม้จะไม่ชื่นชมคนเสื้อเหลือง อย่างพันธมิตรฯก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตั้งเวทียืนด่ารัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์มาเดือนกว่าแล้ว แต่การที่ชื่นชม “ม็อบเสื้อแดง” ว่ามีพัฒนาการทางประชาธิปไตย ไม่ใช้ความรุนแรง มุ่งไปสู่การเลือกตั้ง ไม่น่าเชื่อว่า “เลือด” ไม่ทันแห้งสนิท ควันไฟยังไม่ทันจางกลับพูดออกมาแบบนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่แหละเขาถึงเรียกว่าการเมืองทำให้เห็น “สันดาน” คนได้เสมอ
00 คำพูดที่ออกมาทำนองว่า การชุมนุมของคนเสื้อเหลืองกำลังยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ก็อยากถามซักคำว่า ทั้ง 193 วันที่ผ่านมา กับวันนี้ที่ผ่านมาเกือบสองเดือน ได้ยั่วยุ สร้างความรุนแรงที่ไหน มีแต่พวก “สุนัขในเครื่องแบบ” บางพวกเท่านั้นที่เล่นสงครามประสาทจ้องที่จะฉวยโอกาสปราบปราม ข่มขู่คุกคามตลอดเวลา
00 ส่วนเรื่องการเลือกตั้งนั้น แน่นอนว่าคนเสื้อเหลืองไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าใดนัก เพราะรู้ทันว่านี่คือ เล่ห์กลของนักการเมืองชั่วที่ต้องการใช้การเลือกตั้งมา “ฟอกตัว” ฟอกความผิดให้กับตัวเองเท่านั้น เพราะการเลือกตั้งที่ใช้เงินซื้อเสียงฟาดหัว แล้วกลับมาโกงกินบ้านเมือง ขายอธิปไตยอย่างนี้เขาไม่เรียกว่าประชาธิปไตยอย่างเด็ดขาด !!
00 เริ่มกันแล้วเป็นวันแรกเมื่อวานนี้(15 มี.ค.) สำหรับศึก “ซักฟอก” รัฐบาลไม่เอาไหน “ห่วยแตก” แต่พิจารณาจากภาพรวมแล้วยังไม่พบ “หมัดเด็ด” ที่พอจะน็อก “หน้าหล่อ” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงได้ เพราะบางครั้ง หัวหน้าทีมอย่าง “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ยังโดนไล่ถลุงกลับมาเสียอีก แต่เมื่อสงครามไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ต้องรอลุ้นจนจบ แต่ถ้าบรรยากาศยังเป็นแบบนี้มันก็ต้องด่าให้เปิดเปิงทั้งคู่ เพราะน้ำเน่าเสียเวลาเปล่า !!
