xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นหยุดไม่อยู่เตา3ระเบิดซ้ำผวารังสีกระจาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เคราะห์ซ้ำกรรมซัดญี่ปุ่นอีกเมื่อเกิดเหตุระเบิดของก๊าซไฮโดรเจนภายในอาคารเตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะเป็นแห่งที่สองเมื่อวานนี้ (14) ซ้ำร้ายยังมีแนวโน้มสูงที่อาจจะเกิดการระเบิดเพิ่มอีกในหอปฏิกรณ์หมายเลข 2 ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้าง ยิ่งไปกว่านั้น ญี่ปุ่นยังอาจต้องเผชิญกับวิกฤตเลวร้ายที่สุดจากอุบัติภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ นั่นก็คือ ภาวะที่แท่งเชื้อเพลิงภายในแกนปฏิกรณ์ร้อนจนหลอมละลายกระทั่งแผ่สารกัมมันตรังสีอานุภาพร้ายแรงออกสู่ชั้นบรรยากาศโลก แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามหาทางป้องกันอย่างสุดฤทธิ์ก็ตาม ขณะที่อีกด้านหนึ่งญี่ปุ่นยังถูกรุมเร้าอย่างหนักหน่วงจากปัญหารอบด้านทั้งจากความเสียหายด้านเศรษฐกิจจากผลกระทบของคลื่นยักษ์สึนามิและธรณีพิบัติครั้งประวัติศาสตร์ที่ยังไม่อาจประเมินออกมาเป็นตัวเลขชัดเจนได้ ตลอดจนวิกฤตด้านพลังงาน, โครงสร้างพื้นฐาน, ระบบสาธารณูปโภค รวมทั้งการขาดแคลนอาหาร

รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงวานนี้ (14) ว่า ได้เกิดการระเบิดของก๊าซไฮโดรเจนที่ก่อกำเนิดจากแท่งเชื้อเพลิงที่ร้อนสูงไปทำปฏิกิริยากับออกซิเจนและไอน้ำในอากาศภายในอาคารจนเกิดการติดไฟขึ้น จนกระทั่งอาคารและตัวคอนเทนเนอร์ที่ครอบแกนปฏิกรณ์ของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ไดอิจิในจังหวัดฟูกูชิมะ ได้รับความเสียหาย เหตุบึ้มคราวนี้เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากระบบหล่อเย็นหยุดทำงานจากผลกระทบของแผ่นดินไหวขนาด 8.9 และอาฟเตอร์ช็อกนับครั้งไม่ถ้วน การระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นในลักษณะคล้ายคลึงกับเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ซึ่งบึ้มจนหลังคาและกำแพงของตัวอาคารครอบกลายสภาพเป็นจุลเมื่อวันเสาร์ (12) อย่างไรก็ตาม โฆษกรัฐบาลระบุว่า ตัวแกนเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ยังคงปลอดภัยดี และยังไม่ตรวจพบการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีในระดับที่สูง

แต่กระนั้นสถานการณ์ก็ยังไม่ผ่านพ้นวิกฤตเมื่อบรรดาเจ้าหน้าที่และวิศวกรยังต้องเร่งหาทางหยุดยั้งไม่ให้แท่งเชื้อเพลิงภายในเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 และ 3 เกิดการหลอมละลายจากความร้อนที่สูงเกินไป หรือที่เรียกว่าภาวะ “เมลต์ดาวน์ (Meltdown)” เพราะเมื่อถึงขั้นนั้นจะส่งผลให้สารกัมมันตภาพรังสีแผ่กระจายออกสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณมหาศาล
 

สำนักข่าวจิจิเพรส รายงานว่า ผลจากการระเบิดของอาคารครอบเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 นี้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไป 11 ราย ขณะที่รัฐบาลยังคงประกาศเตือนให้ประชาชนอยู่ภายนอกรัศมี 20 ตารางกิโลเมตรจากโรงไฟฟ้าดังกล่าว

“ดิฉันกำลังทานมื้อกลางวันในร้านอาหารแห่งหนึ่งเมื่อตอนที่ดูข่าวการระเบิดที่อาคารปฏิกรณ์ 3” มิกิโกะ เอมาโนะ วัย 55 ปี กล่าว บ้านของเธอตั้งอยู่ไกลจากโรงไฟฟ้าไดอิจิเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น “มันทำให้ดิฉันไม่เชื่อถือเท็ปโกอีกต่อไป”

ก่อนหน้านี้โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ (เท็ปโก) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในจังหวัดฟูกูชิมะ ได้สั่งระงับการฉีดน้ำทะเลเข้าแทนที่ระดับน้ำภายในเตาปฏิกรณ์ซึ่งลดฮวบจนเกือบจะเหือดแห้ง ส่งผลให้ระดับสารกัมมันตภาพรังสีและแรงดันภายในเพิ่มสูงขึ้น จนรัฐบาลได้ออกมาเตือนล่วงหน้าว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระเบิดในอาคารปฏิกรณ์ 3 เนื่องจากการยุติการสูบน้ำเข้าไปในเตาปฏิกรณ์นี้จะทำให้ระดับก๊าซไฮโดรเจนภายในตัวอาคารครอบเตาปฏิกรณ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่ถึงกระนั้น แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะออกมายืนกรานภายหลังว่ายังไม่มีการรั่วไหลของกัมมันตรังสีปริมาณมากในระดับที่น่าวิตก ทว่าตามข้อมูลที่ให้ไว้โดยทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่ประจำการอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน นอกชายฝั่งญี่ปุ่น ระบุว่า พวกเขาสามารถตรวจจับพบการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีที่เจือปนอยู่ในอากาศได้อย่างน้อยไกลถึง 100 ไมล์จากโรงไฟฟ้าไดอิจิเลยทีเดียว

นอกเหนือจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 แล้ว เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแดนอาทิตย์อุทัย ยูกิโอะ เอดาโนะ ยังแถลงด้วยว่า ภายหลังจากการระเบิดของอาคารปฏิกรณ์แห่งนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ตรวจพบปัญหาเกิดขึ้นกับเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเตาหมายเลข 1 และ 3 โดยระดับน้ำในระบบหล่อเย็นของเครื่องปฏิกรณ์ดังกล่าวเริ่มลดลง ขณะที่แรงดันภายในเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ (12) เอดาโนะ ได้เคยแถลงว่า กระบวนการในการเติมเต็มแกนปฏิกรณ์ด้วยน้ำทะเลอาจต้องใช้เวลา 5 ถึง 10 ชั่วโมง จากนั้นก็ต้องใช้เวลาอีกนานราว 10 วันในการยุติกระบวนการทำงานทั้งหมดภายในแกนลงอย่างสมบูรณ์ ทว่า ล่าสุดเท็ปโกก็ออกมาประกาศเมื่อช่วงเย็นวานนี้ว่า อาจเกิดภาวะเมลต์ดาวน์ขึ้นในโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะอันสืบเนื่องจากระดับน้ำหล่อเย็นภายในแกนที่ลดลงอย่างรวดเร็วและน่าวิตกยิ่ง

อย่างไรก็ตามยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อจิจิเพรส รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ ระบุว่า เตาปฏิกรณ์ 2 เตาภายในเขตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดนิ ซึ่งก็ตั้งอยู่ในจังหวัดฟูกูชิมะไม่ไกลนักจากโรงไฟฟ้าไดอิจิ ได้ประสบความสำเร็จในการลดอุณหภูมิภายในแกนลงอย่างปลอดภัยโดยที่ระบบหล่อเย็นยังคงทำงานเป็นปกติ ระดับน้ำภายในแกนอยู่ในระดับที่เสถียร ตลอดจนสถานะการทำงานภายในแกนปฏิกรณ์ก็ยุติลงแล้วอย่างสมบูรณ์
 
สำหรับตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตจากมหันตภัยสึนามิและธรณีพิโรธครั้งซึ่งขึ้นแท่นรุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลกและเลวร้ายที่สุดในรอบ 140 ปีของญี่ปุ่นคราวนี้ สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า พบศพผู้เสียชิวิต ณ บริเวณชายหาดของจังหวัดมิยางิซึ่งเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิหนักหน่วงที่สุดแล้ว 2,000 ร่าง ซึ่งในจำนวนนี้รวมทั้งที่พบในชายฝั่งเขตเมืองมินามิซังริกุ และอิชิโนมากิ ส่วนที่จังหวัดอิวาเตะ มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วอย่างน้อย 574 รายจากในเมืองโอฟูนาโตะ และริกุเซนทากาตะ เป็นต้น ขณะที่จังหวัดฟูกูชิมะ พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 420 ศพจากในเมืองอิวากิและมินามิโซมะ และมีที่สูญหายอีกราว 1,200 คน นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตกระจัดกระจายอยู่ในหลายเขตเมืองและจังหวัด อย่างกรุงโตเกียวซึ่งมีอยู่ 7 ราย, ชิบะ 15 ราย, อิบารากิ 19 ราย, อาโอโมริ 3 ราย, โทชิงิ 4 ราย, คานากาวะ 3 ราย, ฮอกไกโด 1 ราย, ยามางาตะ 1 ราย และ กันมะ 1 ราย

ด้านปฏิบัติการกู้ภัยเมื่อวานนี้ ทหารญี่ปุ่นยังคงออกตามหาผู้รอดชีวิตตามกองซากปรักหักพังต่อไปอย่างไม่ลดละ รวมทั้งงานกู้ศพของผู้เสียชีวิตด้วย เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์จากทุกมุมโลกซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้เดินทางมาถึงพื้นที่ประสบภัยและออกปฏิบัติการช่วยเหลือแล้ว

สำหรับวิกฤตด้านพลังงานและระบบสาธารณูปโภค มีรายงานว่าจนถึงบัดนี้ ประชาชนเกือบ 2 ล้านครัวเรือนยังคงไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ โดยก่อนหน้านี้เท็ปโก ซึ่งเป็นบริษัทไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นได้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (13) ว่า จะเริ่มหมุนเวียนตัดกระแสไฟฟ้าที่จ่ายให้แก่เขตต่างๆ โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (14) นี้เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวน 3 ล้านครัวเรือน ซึ่งรวมถึงโรงงานและตึกสำนักงานใหญ่ๆ นอกจากไฟฟ้าแล้วยังมีประชาชนอีกประมาณ 1.4 ล้านครัวเรือนที่ขาดแคลนน้ำประปาอีกด้วย

ด้านระบบคมนาคมเมื่อวานนี้ รถไฟโดยสารในกรุงโตเกียวยังคงปิดให้บริการเดินรถเป็นบางส่วนหรือตลอดทั้งสาย ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวานเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามบริษัท อีสต์ เจแปน เรลเวย์ส ผู้ประกอบธุรกิจรถไฟที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเป็นจำนวนมากจนตอบรับไม่หวัดไม่ไหว
นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังเผชิญกับวิกฤตขาดแคลนอาหารบ้างแล้วในหลายพื้นที่ โดยร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่ง ล้วนขายสินค้าประเภทอาหาร อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, แกงสำเร็จรูป, เต้าหู้, ขนมปัง, ไข่ จนหมดเกลี้ยง ขณะที่เต้าหู้กลายเป็นอาหารที่ขาดตลาดเนื่องจากเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตอนนี้ ด้วยเหตุที่เต้าหู้ มีสารไอโอดีนอยู่ซึ่งเชื่อว่าสามารถช่วยป้องกันพิษจากกัมมันตรังสีได้

ส่วนปฏิกิริยาของตลาดทุนแดนอาทิตย์อุทัยเมื่อวานนี้ (14) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์นิกเกอิโตเกียวดิ่งลงฮวบฮาบถึง 6.18 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นผลจากปัจจัยลบด้านความหวาดวิตกในวิกฤตการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าที่กระทบโดยตรงต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ หลังจากโรงงานประกอบรถยนต์ของโตโยตาและนิสสันประกาศปิดโรงงานหลายแห่งในเขตพื้นที่ประสบภัยทางตอนเหนือของประเทศ เช่นเดียวกับโรงงานของยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ โซนี ก็ระงับการผลิตชั่วคราว
ทางด้านธวาณิชธนกิจชื่อดังของโลก เครดิต สวิส ประเมินความเสียหายด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจากธรณีพิบัติคราวนี้ว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 171,000 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีคลังแดนปลาดิบ โยชิฮิโกะ โนดะ ระบุว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะสรุปมูลค่าความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น

**นร.ไทยร้องสถานทูตขอกลับ

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษก กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากเอกอัครราชทูตไทยในกรุงโตเกียว ว่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ทางสถานทูตไทยได้ร่วมกับสถานทูตอินโดนีเซีย บรูไน และฟิลิปินส์ ได้ส่งคาราวานรขึ้นไปที่เมืองเซนไดเพื่อน้ำ อาหารและสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัย ที่เมืองเซนได เนื่องจากเริ่มขาดแคลนน้ำและอาหาร ซึ่งในเซนไดมีคนไทยอาศัยอยู่ประมาณ 250 คน นอกจากนี้ได้มีคนไทย 40 คน แสดงความประสงค์ขอให้สถานทูตไทยช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดส่งตัวไปยังกรุงโตเกียว ซึ่งในวันที่ 15 มี.ค.ทางสถานทูตไทยก็จะจัดสงยานพาหนะไปอำนวยความสะดวกให้ นอกจากนี้ จะส่งแพทย์ 2 คน และพยาบาลอีก 1 คน ซึ่งจะเดินทางโดยเครื่องบินเที่ยวบินที่ ทีจี 642 ในเวลา 23.50 น.จากประเทศไทยไปประเทศญี่ปุ่นในคืนวันที่ 14 มี.ค.นี้ พร้อมกับนำผ้าห่มไปให้อีกจำนวน 1,000 ผืน และอาหารแห้งอีกจำนวนหนึ่งไปให้กับทางสถานทูตเพื่อกระจายไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย
นอกจากนี้ทางสถานทูตไทยยังได้รับการร้องเรียนจากนักศึกษาไทย จำนวน 39 คน แสดงความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งทางสถานทูตก็จะประสารในเรื่องการสำรองที่นั่งบนเครื่องบินให้ สำหรับนักศึกษาที่ไม่มีตั๋วเครื่องบินทางสถานทูตก็จะสำรองจ่ายให้ก่อน

“ขณะนี้มีคนไทยอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 42,000 คน แต่ใน 11 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการภัยพิบัติมากที่สุด มีประมาณ 21,000 คน แต่จนถึงขณะนี้ทางเครือข่ายอาสาสมัครคนไทยยืนยันแล้วว่าปลอดภัยดีประมาณ 10,000 กว่าคน ที่เหลือก็กำลังพยายามสืบหาต่อไปเพื่อยืนยันความปลอดภัย แต่ในชั้นนี้ยังไม่มีรายว่ามีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งก็ตรองกับทางการญี่ปุ่นรายงานว่ามีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมถึงไม่ได้รับรายงานว่ามีคนไทยอาศัยอยู่บริเวณโรงไฟฟ้าด้วย แต่อย่างไรก็ตาม หากมีคนไทยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวก็ขอให้อพยบออกจากพื้นที่ดังกล่าวก็ขอให้อพยบออกมาจากพื้นที่ตามคำแนะนำของทางการญี่ปุ่นด้วย” นายธานี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น