ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลดานักท่องเที่ยวญี่ปุ่น-ไมซ์ กุมขมับ เหตุสึนามิ-แผ่นดินไหวญี่ปุ่นกระทบแรง คาดคนญี่ปุ่นเที่ยวไทยคงไม่ถึงเป่าเดิม 1.4 ล้านคน สสปน. เร่งหาตลาดอื่นทดแทนญี่ปุ่น
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า สทท. อยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น แต่ในระยะสั้นนี้ส่งผลกระทบแน่นอน กับบริษัทนำเที่ยวที่ทำตลาดคนญี่ปุ่นมาเที่ยวไทย และคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่น และคาดว่าทั้งปีนี้ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่จะเดินทางมาเที่ยวไทย คงจะไม่ถึง 1.4 ล้านคนตามเป้าหมายเดิมที่สทท. คาดไว้ แต่คงต้องรอดูสถานการณ์ช่วง มิ.ย.-ก.ค.นี้ อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่สำคัญ
ขณะที่ นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือสสปน. เปิดเผยว่า สสปน. หวั่นว่า ตลาดไมซ์ที่มาจากญี่ปุ่นจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะดินทางมาไทยมากถึง 40,000 คนต่อปี และจะกระทบต่อภาพรวมทั้งหมด ที่ตั้งเป้าหมายว่าธุรกิจไมซ์ในไทยจะเติบโต 20% จากปีที่แล้วหรือไม่ เนื่องจาก เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เร่งด่วน สสปน. จะเร่งขยายตลาดอื่นแทนที่ได้เคยไปโรดโชว์ก่อนหน้านี้ เพื่อเข้ามาทดแทน เช่น ตลาดจีน, อินเดีย และรัสเซีย เป็นต้น
ขณะเดียวกัน จะต้องขยายตลาดประชุมในประเทศให้เติบโตด้วย เพื่อลดความเสี่ยงกรณีตลาดต่างประเทศมีปัญหา เช่น ตลาดญี่ปุ่นขณะนี้ โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ สนับสนุนการประชุม สัมมนาในประเทศร่วมกัน ล่าสุดเตรียมเปิดตัวแคมเปญกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จัดประชุม สัมมนาในไทย และการเปิดตัวสายด่วน 1105 ในเดือนหน้า
ด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา หรือไอทีดี กล่าวในงานสัมมนาโอกาสทางธุรกิจการจัดประชุมสัมมนาภายในประเทศ โดยเสนอว่า ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนไมซ์ไทยให้เติบโตมากขึ้น ด้วยการเชื่อมโยงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ใช้สนามบินของลาว ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจังหวัดชายแดนของไทยนัก เป็นจุดในการขนส่งนักเดินทางไมซ์ที่จะเดินทางไปยังจังหวัดชายแดน เป็นต้น หากทำได้ก็จะเป็นการกระตุ้นตลาดไมซ์ได้อีกทางหนึ่งด้วย
อีกทั้งเห็นด้วยกับการที่ สสปน. จะหันมาเน้นตลาดไมซ์ในไทยมากขึ้น โดยมีแนวคิดที่จะเสนอให้ดึงสสปน. ไปหารือกับสถาบันวิทยาลัยตลาดทุน หรือ วตท. ผลักดันแนวทางให้บริษัทจดทะเบียน ไปจัดประชุม สัมมนาในจังหวัดที่บริษัทของตัวเองทำตลาดอยู่ หากลงไปจัดประชุมในพื้นที่ที่ตัวเองมีตลาดอยู่ นอกจากจะช่วยกระจายรายได้ให้ท้องถิ่นแล้ว ยังช่วยให้บริษัทวางนโยบายได้ดีขึ้นด้วย เพราะเข้าใจตลาดมากขึ้น
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า สทท. อยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น แต่ในระยะสั้นนี้ส่งผลกระทบแน่นอน กับบริษัทนำเที่ยวที่ทำตลาดคนญี่ปุ่นมาเที่ยวไทย และคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่น และคาดว่าทั้งปีนี้ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่จะเดินทางมาเที่ยวไทย คงจะไม่ถึง 1.4 ล้านคนตามเป้าหมายเดิมที่สทท. คาดไว้ แต่คงต้องรอดูสถานการณ์ช่วง มิ.ย.-ก.ค.นี้ อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่สำคัญ
ขณะที่ นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือสสปน. เปิดเผยว่า สสปน. หวั่นว่า ตลาดไมซ์ที่มาจากญี่ปุ่นจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะดินทางมาไทยมากถึง 40,000 คนต่อปี และจะกระทบต่อภาพรวมทั้งหมด ที่ตั้งเป้าหมายว่าธุรกิจไมซ์ในไทยจะเติบโต 20% จากปีที่แล้วหรือไม่ เนื่องจาก เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เร่งด่วน สสปน. จะเร่งขยายตลาดอื่นแทนที่ได้เคยไปโรดโชว์ก่อนหน้านี้ เพื่อเข้ามาทดแทน เช่น ตลาดจีน, อินเดีย และรัสเซีย เป็นต้น
ขณะเดียวกัน จะต้องขยายตลาดประชุมในประเทศให้เติบโตด้วย เพื่อลดความเสี่ยงกรณีตลาดต่างประเทศมีปัญหา เช่น ตลาดญี่ปุ่นขณะนี้ โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ สนับสนุนการประชุม สัมมนาในประเทศร่วมกัน ล่าสุดเตรียมเปิดตัวแคมเปญกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จัดประชุม สัมมนาในไทย และการเปิดตัวสายด่วน 1105 ในเดือนหน้า
ด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา หรือไอทีดี กล่าวในงานสัมมนาโอกาสทางธุรกิจการจัดประชุมสัมมนาภายในประเทศ โดยเสนอว่า ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนไมซ์ไทยให้เติบโตมากขึ้น ด้วยการเชื่อมโยงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ใช้สนามบินของลาว ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจังหวัดชายแดนของไทยนัก เป็นจุดในการขนส่งนักเดินทางไมซ์ที่จะเดินทางไปยังจังหวัดชายแดน เป็นต้น หากทำได้ก็จะเป็นการกระตุ้นตลาดไมซ์ได้อีกทางหนึ่งด้วย
อีกทั้งเห็นด้วยกับการที่ สสปน. จะหันมาเน้นตลาดไมซ์ในไทยมากขึ้น โดยมีแนวคิดที่จะเสนอให้ดึงสสปน. ไปหารือกับสถาบันวิทยาลัยตลาดทุน หรือ วตท. ผลักดันแนวทางให้บริษัทจดทะเบียน ไปจัดประชุม สัมมนาในจังหวัดที่บริษัทของตัวเองทำตลาดอยู่ หากลงไปจัดประชุมในพื้นที่ที่ตัวเองมีตลาดอยู่ นอกจากจะช่วยกระจายรายได้ให้ท้องถิ่นแล้ว ยังช่วยให้บริษัทวางนโยบายได้ดีขึ้นด้วย เพราะเข้าใจตลาดมากขึ้น