ปฏิบัติการยามฟ้าสางวันจันทร์ของตำรวจจากหลายหน่วย สวมชุดเครื่องแบบน่าเกรงขามในยุทธการรื้อส้วมของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานฯ ไม่ประสบผลสำเร็จ เมื่อมีประชาชนชุมนุมมากเกินกว่าตำรวจซึ่งได้ตั้งแถวปิดล้อมกระชับพื้นที่ เพื่อสลายการชุมนุมให้จงได้
“มาร์ค โพเดียม” คือ ประธานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รองฯ เทือก เป็นประธานคณะกรรมการตำรวจ แต่ฟ้องให้เห็นความเสื่อมโทรมด้านศักยภาพ ดูน่าอุจาดยิ่งกว่าส้วมเต็ม!
การชิมลางเล่นกับของเหม็นในบ่อเกรอะน่าจะมาจากการตกผลึกทางความคิดจนเป็นก้อนๆ ของนายกฯ “มาร์ค โพเดียม” และ “รองฯ เทือก” ซึ่งเหลืออดเหลือทนกับการเปิดโปงความเลวร้ายของนักการเมืองกังฉินโดยพันธมิตรฯ ต่อเนื่อง! ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อ จะทำให้รัฐบาลเน่าโฉ่กว่านี้
การระดมตำรวจจากหลายหน่วย พร้อมแก๊สน้ำตาสำหรับไล่พันธมิตรฯ ให้กระเจิงจากพื้นที่ชุมนุมเป็นเป้าหมายสูงสุด ภายใต้ข้ออ้างว่าต้องการพื้นที่คืน! การรื้อส้วมกลางถนนหวังสร้างความทุรนทุรายต่อผู้ต้องการปลดเปลื้องทุกข์โดยสะดวกช่วงเวลาเข้าร่วมชุมนุม
ช่วงแรก การปิดล้อมของเจ้าหน้าที่ดูเหมือนจะสำเร็จในการข่มขวัญ เมื่อเวลาล่วงเลยไปจากการเจรจา ทำให้พันธมิตรฯ รอบนอกที่ชุมนุมเดินทางมาทำปฏิบัติการ “แซนด์วิช” ประกบแนวตำรวจด้านนอกโดยไม่มีอาวุธ ทำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวก จำนวนเจ้าหน้าที่ก็น้อยกว่าม็อบเยอะ!
ความล้มเหลวคงเป็นสภาวะ “คาดไม่ถึง” อีกครั้ง หลังจากรองฯ เทือกเชื่อมั่นบนพื้นฐานของความหวังลมๆ แล้งๆ ว่ากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่าทางจริงจังเข้มแข็ง น่าจะ “เอาอยู่”
แต่แล้วปรากฏว่า “เอาไม่อยู่” เหมือนช่วงรองฯ เทือก พยายามจัดการกับม็อบเสื้อแดงนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง การก่อการร้าย 2 รอบ การรุมฆ่าทหารจนละลายเกือบ 3 กองร้อย! ผลสุดท้าย บ้านเมืองอยู่ในสภาพน่าอนาถ แกนนำเสื้อแดง 7 คนติดคุกนานกว่า 9 เดือน
ทุกวันนี้แกนนำออกจากคุกหมดแล้ว กำลังเร่งระดมพลลุยรัฐบาลรอบใหม่ พวกหนีการจับกุมทยอยเข้ามอบตัว ได้ประกันตัวเฉียบพลัน หลังจากหลบซ่อนในไร่มะเขือเทศ และไร่แตงโม
รองฯ เทือก ประสบภาวะเสียหน้าซ้ำซาก แต่นิสัยและความอดทนดั้งเดิมลงรากลึกทำให้ยอมทนตากหน้าดำๆ สู้กระแสสังคม ตีกินต่อไป ถูกมองว่ายังคุ้มกับผลตอบแทนบนโต๊ะ และใต้โต๊ะอย่างเป็นกอบเป็นกำ ทั้งๆ ที่ลงทุนต่ำด้านตัวเงินและทุนสังคมเทียบกับสภาพไร้ราคา
เมื่อแผนยึดส้วมไม่เป็นไปตามแผน เท่ากับย้ำรอยแค้นของรองฯ เทือกให้เข้าสู่ระดับ “แค้นฝังส้วม” นั่นเลย การปั้นหน้าเรียบเฉยยามจ้อกับสื่อมวลชนทำให้เห็นการสะกดอารมณ์เดือดสุดขีด
ไม่เหนือการคาดหมายว่ารองฯ เทือกยังไม่ลดละความพยายามที่จะให้ตำรวจรื้อส้วม ภายใต้ข้ออ้างว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ สร้างปัญหาการจราจรช่วงงานกาชาด! อันที่จริง แม้จะไม่มีการชุมนุม จราจรบริเวณนั้นมีปัญหาติดขัดช่วงงานกาชาดจนถือว่าเป็นสภาวะธรรมดา
การยื้อชุมนุมในบริเวณสะพานมัฆวานฯ เท่ากับว่าคนรัฐบาล โดยเฉพาะ “มาร์ค โพเดียม” และ รองฯ เทือก ต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับการเปิดโปง และโจมตีเรื่องการโกงบ้านกินเมืองโดยกลุ่มนักการเมืองกังฉินกินเมือง ส่งผลกระทบต่อการหาเสียง ซื้อเสียง ก่อนการเลือกตั้ง
ช่วงแรกของการโดนโจมตี ทั้งคู่ยังหาจังหวะโต้แย้งสกัดการเสื่อมถอยของความนิยม! เมื่อการชุมนุมยืดเยื้อ มีข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากล ทำให้ “มาร์ค โพเดียม” และรองฯ เทือก แก้ต่างได้ลำบาก บรรดาองครักษ์ นักเถียงในค่ายสะตอต่างตีกรรเชียงหนี ละทิ้งหน้าที่
ข้อกล่าวหาของฝ่ายชุมนุม เรื่องนักการเมืองเปิบคำโต มีพฤติกรรมกังฉิน คิดไม่ซื่อกับบ้านเมือง น่าเชื่อถือมากกว่าความพยายามจะแก้ตัว เหมือนขว้างงูไม่พ้นคอ! ตำรวจที่ถูกสั่งมาให้ปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่เต็มใจ กลัวนักการเมืองจะเอาตัวรอด ทิ้งให้เจ้าหน้าที่เป็นแพะรับบาป
เหมือนหน่วยทหารที่ออกมาสลายกำลังกลุ่มก่อการร้ายเสื้อแดงตามคำสั่งของนักการเมืองนั่นไง! เสร็จภารกิจแล้วกลับโดนสอบสวนโดยดีเอสไอ แต่นักการเมืองเอาตัวรอด ไม่รับผิดชอบ
ตำรวจจึงไม่อยากเสี่ยงให้นักการเมืองตีกิน! ทุกวันนี้กระบวนการยุติธรรมเสื่อมเมื่อปล่อยให้นักการเมืองกังฉินกินเมืองเรืองอำนาจ สร้างพฤติกรรมโกงไม่รู้จักพอ ทำให้ “ทักษิณ” คนหนีคุกดูดีขึ้นเยอะ เกิดความกล้าส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาหลอกชาวบ้านว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นใน 6 เดือน
คงนึกว่าชาวบ้านลืมโม้คำโตเรื่องจะแก้ปัญหาจราจรกรุงเทพฯ ภายใน 6 เดือน และหลอกชาวบ้านว่าถ้าล้วงกระเป๋าทุกๆ 6 เดือนจะพบว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น! เมื่อไม่เป็นจริง ก็แถซึ่งหน้าว่า “ถ้าไม่เป็นหนี้ก่อนแล้วจะรวยหรือ” จากนั้นก็ยัดเยียดหนี้กองทุนหมู่บ้าน และโครงการเงินกู้ต่างๆ
สภาพน่าอิหลักอิเหลื่อ บ้านเมืองหาทางออกไม่ได้ ทำให้ประชาชนบางส่วนรู้สึกสิ้นหวังกับการเมืองระบบเลือกตั้ง! กลุ่มประชาชนพลังเงียบ ยังคงเงียบนิ่ง ไม่อยากสุงสิงกับเหตุการณ์บ้านเมือง ไม่ห่วงว่าการเลือกตั้งหาผู้แทนนั้นจะทำให้การเมืองจมอยู่ในบ่อน้ำเน่าต่อไป
เลือกตั้งหลายครั้ง ชาวบ้านเห็นแต่พวกหน้าเดิมตั้งแต่หนุ่มสาวจนแก่หงำเหงือก จากนั้นมีทายาทอสูรเข้ามาเป็นตัวตายตัวแทน สานต่อเจตนารมณ์ในการสร้างความร่ำรวยจากการโกงกิน
“มาร์ค โพเดียม” ประกาศจะยุบสภาฯ ช่วงเดือนพฤษภาคม หวังว่าจะจับมือกับพรรคร่วมรับประทานชุดเดิมมาสานโครงการใหญ่ๆ ที่ค้างคาต่อไป สถานการณ์อาจพลิกผัน เกิดการสลับขั้วถ้ารัฐบาลโดนเปิดโปงต่อเนื่อง จะทำให้เกิดสภาวะไม่แน่นอน นำไปสู่วิกฤตด้านความมั่นคงอีกรอบ
ก่อนถึงวันเลือกตั้ง นักการเมืองแข่งกันซื้อเสียงเข้าสู่สภาฯ ยังต้องรอผลของ “ศึกชิงส้วม” สะพานมัฆวานฯ เสริมตำนานการเมืองยุค “มาร์ค โพเดียม” เป็นผู้นำรัฐบาลยอมสยบต่อเขมร
จะโทษภาคการเมืองฝ่ายเดียวไม่ได้ ความเสื่อมเกิดในทุกวงการ จากการละเลยหน้าที่ ความรับผิดชอบ ชาวบ้านดิ้นรนกับการอยู่รอด รายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ค่าครองชีพไม่นิ่ง
เจอทางตันแบบนี้ จะหวังให้อัศวินม้าขาว ผู้รักชาติมือสะอาดมากอบกู้บ้านเมือง กลัวว่าจะได้เสือหิวตัวใหม่น่ะดิ! อิอิอิ!!!
“มาร์ค โพเดียม” คือ ประธานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รองฯ เทือก เป็นประธานคณะกรรมการตำรวจ แต่ฟ้องให้เห็นความเสื่อมโทรมด้านศักยภาพ ดูน่าอุจาดยิ่งกว่าส้วมเต็ม!
การชิมลางเล่นกับของเหม็นในบ่อเกรอะน่าจะมาจากการตกผลึกทางความคิดจนเป็นก้อนๆ ของนายกฯ “มาร์ค โพเดียม” และ “รองฯ เทือก” ซึ่งเหลืออดเหลือทนกับการเปิดโปงความเลวร้ายของนักการเมืองกังฉินโดยพันธมิตรฯ ต่อเนื่อง! ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อ จะทำให้รัฐบาลเน่าโฉ่กว่านี้
การระดมตำรวจจากหลายหน่วย พร้อมแก๊สน้ำตาสำหรับไล่พันธมิตรฯ ให้กระเจิงจากพื้นที่ชุมนุมเป็นเป้าหมายสูงสุด ภายใต้ข้ออ้างว่าต้องการพื้นที่คืน! การรื้อส้วมกลางถนนหวังสร้างความทุรนทุรายต่อผู้ต้องการปลดเปลื้องทุกข์โดยสะดวกช่วงเวลาเข้าร่วมชุมนุม
ช่วงแรก การปิดล้อมของเจ้าหน้าที่ดูเหมือนจะสำเร็จในการข่มขวัญ เมื่อเวลาล่วงเลยไปจากการเจรจา ทำให้พันธมิตรฯ รอบนอกที่ชุมนุมเดินทางมาทำปฏิบัติการ “แซนด์วิช” ประกบแนวตำรวจด้านนอกโดยไม่มีอาวุธ ทำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวก จำนวนเจ้าหน้าที่ก็น้อยกว่าม็อบเยอะ!
ความล้มเหลวคงเป็นสภาวะ “คาดไม่ถึง” อีกครั้ง หลังจากรองฯ เทือกเชื่อมั่นบนพื้นฐานของความหวังลมๆ แล้งๆ ว่ากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่าทางจริงจังเข้มแข็ง น่าจะ “เอาอยู่”
แต่แล้วปรากฏว่า “เอาไม่อยู่” เหมือนช่วงรองฯ เทือก พยายามจัดการกับม็อบเสื้อแดงนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง การก่อการร้าย 2 รอบ การรุมฆ่าทหารจนละลายเกือบ 3 กองร้อย! ผลสุดท้าย บ้านเมืองอยู่ในสภาพน่าอนาถ แกนนำเสื้อแดง 7 คนติดคุกนานกว่า 9 เดือน
ทุกวันนี้แกนนำออกจากคุกหมดแล้ว กำลังเร่งระดมพลลุยรัฐบาลรอบใหม่ พวกหนีการจับกุมทยอยเข้ามอบตัว ได้ประกันตัวเฉียบพลัน หลังจากหลบซ่อนในไร่มะเขือเทศ และไร่แตงโม
รองฯ เทือก ประสบภาวะเสียหน้าซ้ำซาก แต่นิสัยและความอดทนดั้งเดิมลงรากลึกทำให้ยอมทนตากหน้าดำๆ สู้กระแสสังคม ตีกินต่อไป ถูกมองว่ายังคุ้มกับผลตอบแทนบนโต๊ะ และใต้โต๊ะอย่างเป็นกอบเป็นกำ ทั้งๆ ที่ลงทุนต่ำด้านตัวเงินและทุนสังคมเทียบกับสภาพไร้ราคา
เมื่อแผนยึดส้วมไม่เป็นไปตามแผน เท่ากับย้ำรอยแค้นของรองฯ เทือกให้เข้าสู่ระดับ “แค้นฝังส้วม” นั่นเลย การปั้นหน้าเรียบเฉยยามจ้อกับสื่อมวลชนทำให้เห็นการสะกดอารมณ์เดือดสุดขีด
ไม่เหนือการคาดหมายว่ารองฯ เทือกยังไม่ลดละความพยายามที่จะให้ตำรวจรื้อส้วม ภายใต้ข้ออ้างว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ สร้างปัญหาการจราจรช่วงงานกาชาด! อันที่จริง แม้จะไม่มีการชุมนุม จราจรบริเวณนั้นมีปัญหาติดขัดช่วงงานกาชาดจนถือว่าเป็นสภาวะธรรมดา
การยื้อชุมนุมในบริเวณสะพานมัฆวานฯ เท่ากับว่าคนรัฐบาล โดยเฉพาะ “มาร์ค โพเดียม” และ รองฯ เทือก ต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับการเปิดโปง และโจมตีเรื่องการโกงบ้านกินเมืองโดยกลุ่มนักการเมืองกังฉินกินเมือง ส่งผลกระทบต่อการหาเสียง ซื้อเสียง ก่อนการเลือกตั้ง
ช่วงแรกของการโดนโจมตี ทั้งคู่ยังหาจังหวะโต้แย้งสกัดการเสื่อมถอยของความนิยม! เมื่อการชุมนุมยืดเยื้อ มีข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากล ทำให้ “มาร์ค โพเดียม” และรองฯ เทือก แก้ต่างได้ลำบาก บรรดาองครักษ์ นักเถียงในค่ายสะตอต่างตีกรรเชียงหนี ละทิ้งหน้าที่
ข้อกล่าวหาของฝ่ายชุมนุม เรื่องนักการเมืองเปิบคำโต มีพฤติกรรมกังฉิน คิดไม่ซื่อกับบ้านเมือง น่าเชื่อถือมากกว่าความพยายามจะแก้ตัว เหมือนขว้างงูไม่พ้นคอ! ตำรวจที่ถูกสั่งมาให้ปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่เต็มใจ กลัวนักการเมืองจะเอาตัวรอด ทิ้งให้เจ้าหน้าที่เป็นแพะรับบาป
เหมือนหน่วยทหารที่ออกมาสลายกำลังกลุ่มก่อการร้ายเสื้อแดงตามคำสั่งของนักการเมืองนั่นไง! เสร็จภารกิจแล้วกลับโดนสอบสวนโดยดีเอสไอ แต่นักการเมืองเอาตัวรอด ไม่รับผิดชอบ
ตำรวจจึงไม่อยากเสี่ยงให้นักการเมืองตีกิน! ทุกวันนี้กระบวนการยุติธรรมเสื่อมเมื่อปล่อยให้นักการเมืองกังฉินกินเมืองเรืองอำนาจ สร้างพฤติกรรมโกงไม่รู้จักพอ ทำให้ “ทักษิณ” คนหนีคุกดูดีขึ้นเยอะ เกิดความกล้าส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาหลอกชาวบ้านว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นใน 6 เดือน
คงนึกว่าชาวบ้านลืมโม้คำโตเรื่องจะแก้ปัญหาจราจรกรุงเทพฯ ภายใน 6 เดือน และหลอกชาวบ้านว่าถ้าล้วงกระเป๋าทุกๆ 6 เดือนจะพบว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น! เมื่อไม่เป็นจริง ก็แถซึ่งหน้าว่า “ถ้าไม่เป็นหนี้ก่อนแล้วจะรวยหรือ” จากนั้นก็ยัดเยียดหนี้กองทุนหมู่บ้าน และโครงการเงินกู้ต่างๆ
สภาพน่าอิหลักอิเหลื่อ บ้านเมืองหาทางออกไม่ได้ ทำให้ประชาชนบางส่วนรู้สึกสิ้นหวังกับการเมืองระบบเลือกตั้ง! กลุ่มประชาชนพลังเงียบ ยังคงเงียบนิ่ง ไม่อยากสุงสิงกับเหตุการณ์บ้านเมือง ไม่ห่วงว่าการเลือกตั้งหาผู้แทนนั้นจะทำให้การเมืองจมอยู่ในบ่อน้ำเน่าต่อไป
เลือกตั้งหลายครั้ง ชาวบ้านเห็นแต่พวกหน้าเดิมตั้งแต่หนุ่มสาวจนแก่หงำเหงือก จากนั้นมีทายาทอสูรเข้ามาเป็นตัวตายตัวแทน สานต่อเจตนารมณ์ในการสร้างความร่ำรวยจากการโกงกิน
“มาร์ค โพเดียม” ประกาศจะยุบสภาฯ ช่วงเดือนพฤษภาคม หวังว่าจะจับมือกับพรรคร่วมรับประทานชุดเดิมมาสานโครงการใหญ่ๆ ที่ค้างคาต่อไป สถานการณ์อาจพลิกผัน เกิดการสลับขั้วถ้ารัฐบาลโดนเปิดโปงต่อเนื่อง จะทำให้เกิดสภาวะไม่แน่นอน นำไปสู่วิกฤตด้านความมั่นคงอีกรอบ
ก่อนถึงวันเลือกตั้ง นักการเมืองแข่งกันซื้อเสียงเข้าสู่สภาฯ ยังต้องรอผลของ “ศึกชิงส้วม” สะพานมัฆวานฯ เสริมตำนานการเมืองยุค “มาร์ค โพเดียม” เป็นผู้นำรัฐบาลยอมสยบต่อเขมร
จะโทษภาคการเมืองฝ่ายเดียวไม่ได้ ความเสื่อมเกิดในทุกวงการ จากการละเลยหน้าที่ ความรับผิดชอบ ชาวบ้านดิ้นรนกับการอยู่รอด รายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ค่าครองชีพไม่นิ่ง
เจอทางตันแบบนี้ จะหวังให้อัศวินม้าขาว ผู้รักชาติมือสะอาดมากอบกู้บ้านเมือง กลัวว่าจะได้เสือหิวตัวใหม่น่ะดิ! อิอิอิ!!!