รอยเตอร์/บีบีซี/ซีเอ็นเอ็น - ญี่ปุ่นประสบหายนะแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 140 ปี วัดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 8.9 มีศูนย์กลางใกล้กับชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูงถึง 10 เมตรซัดถล่มหลายจังหวัดบนเกาะฮอนชู กวาดทุกสิ่งทุกอย่างจนวินาศสันตะโร มีรายงานผู้เสียชิวิตแล้วหลายร้อยราย คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ท่าอากาศยานและระบบรถไฟใต้ดินในโตเกียว-ไฮสปีดชินคันเซนทั่วประเทศ ระงับให้บริการ!!!
เกิดธรณีพิบัติครั้งประวัติศาสตร์ขนาด 8.9 เขย่าญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ (11) ซึ่งเป็นระดับความรุนแรงสูงที่สุดเท่าที่สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ เคยวัดได้ โดยจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากชายฝั่งจังหวัดมิยางิทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชูในมหาสมุทรแปซิฟิกเพียง 130 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนจากธรณีพิโรธครั้งนี้ซึ่งรับรู้ไกลถึงกรุงโตเกียวยังก่อให้เกิดเกลียวคลื่นยักษ์สึนามิความสูงถึง 10 เมตร ซัดถล่มหลายจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศ อันได้แก่ จังหวัดมิยางิ, ฟูกุชิมะ รวมทั้งตัวเมืองหลวงเองก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ขณะที่ทางการญี่ปุ่นออกมาประกาศภาวะฉุกเฉินและเตือนให้จังหวัดชายฝั่งทางตอนเหนือคอยเฝ้าระวัง เนื่องจากหวั่นว่าอาจเกิดคลื่นสึนามิตามถล่มซ้ำอีก หลังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาเป็นระลอกๆ นับครั้งไม่ถ้วน
โทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า พบศพผู้เสียชีวิตจากพสุธากัมปนาทครั้งนี้แล้ว200 -300 รายในจังหวัดฟูกุชิมะ, มิยางิ, โทชิงิและกรุงโตเกียว นอกจากนี้ยังผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก โดยมีรายงานด้วยว่าประชาชนราว 4.4 ล้านครัวเรือนทางตอนเหนือของประเทศไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ส่วนที่เมืองเซนได เมืองเอกของจังหวัดมิยางิ สื่อแดนอาทิตย์อุทัยรายงานว่า โรงแรมแห่งหนึ่งได้พังถล่มลงมา สร้างความหวั่นเกรงกันว่าจะมีประชาชนจำนวนมากถูกฝังทั้งเป็นอยู่ใต้ซากปรักหักพังดังกล่าว ขณะที่ในกรุงโตเกียว ก็เกิดเหตุหลังคาของอาคารแห่งหนึ่งพังถล่มระหว่างพิธีสำเร็จการศึกษา ซึ่งมีนักศึกษาเข้าร่วมพิธีประมาณ 600 คน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทว่ายังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ภาพข่าวมุมสูงที่บันทึกได้จากเฮลิคอปเตอร์เผยให้เห็นคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มบ้านเรือนและอาคารสิ่งก่อสร้าง, พื้นที่เกษตรกรรม ตลอดจนสะพานและเสาไฟฟ้าจนล้มครืนระเนระนาด และกวาดเอาซากปรักหักพัง, รถยนต์, รถบรรทุก รวมถึงเรือจำนวนมากลอยเคว้งไปไกลสุดลูกหูลูกตา นอกจากนี้คลื่นสึนามิยังสร้างความเสียหายแก่โรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่ง โดยที่กำแพงคลื่นได้ทำให้ท่อส่งน้ำมันแตกจนเกิดการระเบิดขึ้นและมีไฟลุกท่วมเสียหายอย่างหนัก
ภาพข่าวสัญญาณสดของโทรทัศน์เอ็นเอชเคที่มีการแพร่ภาพไปทั่วโลก ยังเผยให้เห็นเปลวเพลิงและกลุ่มควันดำโขมงพวยพุ่งออกมาจากโรงงานหลายแห่งในเขตนิคมอุตสาหกรรมในย่านไอโซโกะ เมืองโยโกฮามา รวมถึงเห็นเขม่าควันลอยมาจากตึกอาคารในโอไดบะ ณ เขตชานเมืองของโตเกียวอีกด้วย
ขณะที่สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่อาคารเครื่องกังหันหลังหนึ่งในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์โอนางาวะ ในจังหวัดมิยางิ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นไม่มีรายงานการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ขณะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4 แห่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ที่สุดจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวก็ถูกสั่งปิดทำงานชั่วคราว รวมถึงโรงกลั่นน้ำมันบางแห่งด้วย
เกียวโด ยังระบุเพิ่มเติมว่า มีเรือลำหนึ่งซึ่งทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 100 คน ถูกคลื่นพัดพาหายไป และจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ทราบชะตากรรม
ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งหลักนาริตะ ได้ระงับให้บริการชั่วคราวทั้งขาเข้าและขาออก อย่างไรก็ตามภายหลังตรวจสอบไม่พบความเสียหาย ทางท่าอากาศยานก็ได้เปิดให้บริการบางเที่ยวบินตั้งแต่เวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (19.00 เวลาเมืองไทย) แต่กระนั้นรถไฟใต้ดินบางสายในกรุงโตเกียวยังคงปิดบริการจนถึงตอนนี้ เช่นเดียวกับรถไฟหัวกระสุนชินคันเซนก็หยุดให้บริการเกือบทั้งประเทศอย่างไม่มีกำหนดเพื่อความปลอดภัย
“ผมกลัวมากและก็กำลังหวาดผวาอยู่” ฮิเดคัทสุ ฮาตะ วัย 36 ปี ผู้จัดการร้านก๋วยเตี๋ยวตำหรับจีน ในเขตอากาซากะ กรุงโตเกียว ให้สัมภาษณ์ “ผมยังไม่เคยประสบเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต”
ส่วนลินดา เซียง นักข่าวรอยเตอร์ที่ประจำอยู่ในญี่ปุ่นก็เล่าประสบการณ์ส่วนตัวของเธอจากกรุงโตเกียว ระบุว่า “มันเลวร้ายที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยประสบมานับจากที่เดินทางมาถึงญี่ปุ่นเมื่อกว่า 20 ปีก่อนเลยทีเดียว”
“ตึกที่ทีมงานเราทำงานสั่นสะเทือนอยู่นาน ขณะที่ผู้คนในห้องข่าวก็รีบหยิบฉวยหมวกนิรภัยมาใส่ โดยที่มีบางคนรีบมุดลงใต้โต๊ะ” เธอรายงาน
“ผู้คนเนืองแน่นบนท้องถนน นี่มันเหลือเชื่อ ทุกคนพยายามหาทางกลับบ้านแต่ไม่พบแท็กซีสักคันในกินซา ซึ่งเป็นบริเวณที่ปกติแล้วมีรถแท็กซีจอดรอลูกค้าอยู่เต็มไปหมด” โคจิ โกโตะ ชาวโตเกียววัย 43 ปี เล่าเหตุการณ์ โดยที่เขตอากาซากะ ในย่านดาวทาวน์ของเมืองหลวง บรรดาพนักงานบริษัทและห้างร้านจำนวนหลายร้อยชีวิตออกมายืนอยู่บนถนนฮิโตสึงิไม่กล้าเข้าไปในตัวอาคาร
ด้านนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง กล่าวในการแถลงข่าวว่า “ธรณีพิโรธคราวนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักเป็นพื้นที่บริเวณกว้างทางตอนเหนือของญี่ปุ่น” โดยรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ไปช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่บนอาคาร รวมทั้งส่งเครื่องบินออกสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อประเมินความเสียหายทั้งหมดแล้ว
ทั้งนี้ตามข้อมูลของสำนักอุตุนิยมวิทยาแดนอาทิตย์อุทัย แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือว่ามีระดับความรุนแรงสูงที่สุดในรอบ 140 ปีของญี่ปุ่น แซงหน้าเหตุธรณีพิโรธที่อุบัติขึ้นในเกรต คันโตะ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 1923 ซึ่งคราวนั้นวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.9 และคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 140,000 คน โดยก่อนหน้านี้ในปี 1995 ญี่ปุ่นเคยเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ ซึ่งสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่ามหาศาลถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ อันเป็นมูลค่าความเสียหายที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแดนอาทิตย์อุทัยเลยทีเดียว
ด้านฟิลิปปินส์, ไต้หวัน และอินโดนีเซีย ต่างก็ออกประกาศเฝ้าระวังภัยสึนามิในประเทศของตนแล้ว ทั้งนี้สำนักอุตุนิยมวิทยาและธรณีวิทยาของหลายประเทศเตือนว่า คลื่นสึนามิจากแหล่งกำเนิดในญี่ปุ่นจะพัดถึงชายฝั่งของสามประเทศข้างต้นในช่วงเวลาที่ลดหลั่นกันลงมาเมื่อช่วงคืนวานนี้ (11) อย่างไรก็ตามไต้หวันแถลงว่า ไม่ได้รับผลกระทบจากสึนามิคราวนี้ โดยที่คลื่นในทะเลมีระดับสูงกว่าช่วงเวลาปกติไม่มากนัก
ขณะที่ศูนย์เตือนสึนามิแปซิฟิก (Pacific Tsunami Warning Center) ก็ได้แถลงเตือนไปยังทุกประเทศที่ตั้งอยู่รายล้อมเขตชายฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกตลอดแนวไปไกลจนถึงโคลอมเบียและเปรู ให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับหายนะที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยที่องค์การกาชาดในนครเจนีวา ประกาศเตือนว่า ความสูงของสึนามิจากแผ่นดินไหวครั้งนี้สูงกว่าเกาะบางแห่งในมหาสมุทรแปซิฟิกด้วย ส่วนสหรัฐฯ ก็ได้ดำเนินการอพยพผู้คนบนเกาะฮาวายกันจ้าละหวั่นเมื่อวานนี้
สำหรับความพยายามของนานาชาติในการเสนอให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลญี่ปุ่น ประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟของรัสเซีย แถลงว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือญี่ปุ่นเต็มที่ เช่นเดียวกับสหรัฐฯ, จีน และไทยก็ทยอยกันออกมาแสดงความเสียใจและเสนอให้ความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน
**ตลาดหุ้นเอเชียตกกราวรูด-น้ำมันก็ลดฮวบ-เงินเยนดีดขึ้น
สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์ในแถบเอเชียวานนี้(11) พากันตกเป็นแถว ภายหลังเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่มญี่ปุ่น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบก็ไหลลงแรง ส่วนทางด้านเงินเยนสามารถดีดขึ้นมาได้จากที่ดำดิ่งในช่วงแรกๆ
ในตอนปิดตลาดวานนี้ ดัชนีหุ้นนิกเกอิของตลาดโตเกียวลดลง 1.72% ส่วนดัชนีฮั่งเส็งของตลาดฮ่องกงถอยลงมา 1.55% ทางด้านดัชนีสำคัญของสิงคโปร์ก็ถอย 1.04% และของตลาดกัวลาลัมเปอร์หล่น 1.40%
ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่ามหาภัยพิบัติคราวนี้ได้ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจถึงขนาดไหน แต่เนื่องจากความรุนแรงของแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เกิดความหวาดผวากันไปทั่ว
ยิ่งกว่านั้น ตลาดการเงินยังอยู่ในอาการขวัญผวาอยู่ก่อนแล้วจากปัจจัยลบหลายๆ ประการที่รุมเร้าเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบในตะวันออกกลาง, ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินภาครัฐของพวกประเทศยูโรโซน, การที่สหรัฐฯประกาศตัวเลขขาดดุลการค้าหนักหน่วงกว่าที่คาดหมายกัน, ตลอดจนจีนก็แถลงว่าขาดดุลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง
ทางด้านตลาดหลักทรัพย์แถบยุโรปวานนี้ ในช่วงครึ่งวันแรกก็อยู่ในอาการเดียวกัน คือต่างพากันติดลบเป็นแถบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกกิจการประกันภัย
สำหรับค่าเงินเยนนั้น ในช่วงต้นๆ หลังเกิดแผ่นดินไหว ได้อ่อนยวบลงมาจนอยู่ในระดับต่ำสุดแถวๆ 83.29 เยนต่อดอลลาร์ เนื่องจากพวกดีลเลอร์พากันกระโจนหนีออกจากความเสี่ยงที่มากับภัยพิบัติ แต่แล้วก็กลับกระเตื้องขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีแรงซื้อของพวกที่ยังอยากเสี่ยง ตลอดจนมีการวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะดีขึ้นเพราะต้องมีการก่อสร้างฟื้นฟูบูรณะ จนทำให้ในช่วงเที่ยงๆ ของลอนดอน เงินเยนแข็งขึ้นมาที่ 82.22 เยนต่อดอลลาร์
ในส่วนของน้ำมัน ความหวาดวิตกว่าภัยพิบัติคราวนี้จะส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อเศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัย ได้ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญชนิดนี้ทรุดต่ำ ทั้งนี้เมื่อเวลา 12.15 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 19.15น.เวลาเมืองไทย) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของลอนดอน ราคาหล่นลงมา 2.3% อยู่ที่ 112.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ก็ถอยลง 2.7% อยู่ที่ 99.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
**ผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น
ในเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบของภัยพิบัติคราวนี้ต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน แต่ที่เห็นได้เฉพาะหน้าคือ พวกโรงงานต่างๆ ทั้งในอุตสาหกรรมรถยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งตั้งอยู่ในหลายๆ ส่วนของแดนอาทิตย์อุทัย ต้องปิดทำการลงชั่วคราว ในเมื่อแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามินอกจากสร้างความเสียหายให้แก่โรงงานบางแห่งโดยตรงแล้ว ยังทำให้การคมนาคมขนส่งต้องสะดุดติดขัด และการจ่ายกระแสไฟฟ้าก็ขัดข้อง
บริเวณที่ประสบภัยพิบัติหนักหน่วงที่สุด คือ จังหวัดมิยางิ และพื้นที่ใกล้เคียงนั้น มีเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญอยู่หลายแห่ง และมีโรงงานเคมีและโรงงานอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก ตามข้อมูลของ แมคคอวรี รีเสิร์ช ระบุว่า มิยางิ มีส่วนในการสร้างจีดีพีของญี่ปุ่นราวๆ 1.7%
สื่อญี่ปุ่นแจ้งว่า โซนี่ ยักษ์ใหญ่อิเล็กทรอนิกส์ ได้ประกาศปิดโรงงาน 6 แห่ง ขณะที่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ โตโยต้า คอร์ป ได้ระงับการผลิตในโรงงานชิ้นส่วนแห่งหนึ่ง และโรงงานประกอบรถอีก 2 แห่ง เช่นเดียวกับ นิสสัน มอเตอร์ ซึ่งสั่งหยุดงานในโรงงาน 4 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งนั้นคาดหมายกันว่า พวกผู้นำของพรรครัฐบาลผสม และพรรคฝ่ายค้าน จะหันมาผลักดันให้รัฐสภาญี่ปุ่นผ่านร่างงบประมาณฉุกเฉิน เพื่อใช้จ่ายในงานช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ต่างๆ ส่วนทางด้านธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ก็แถลงว่าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้เป็นที่มั่นใจได้ว่าตลาดการเงินวังคงมีเสถียรภาพ.
เกิดธรณีพิบัติครั้งประวัติศาสตร์ขนาด 8.9 เขย่าญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ (11) ซึ่งเป็นระดับความรุนแรงสูงที่สุดเท่าที่สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ เคยวัดได้ โดยจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากชายฝั่งจังหวัดมิยางิทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชูในมหาสมุทรแปซิฟิกเพียง 130 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนจากธรณีพิโรธครั้งนี้ซึ่งรับรู้ไกลถึงกรุงโตเกียวยังก่อให้เกิดเกลียวคลื่นยักษ์สึนามิความสูงถึง 10 เมตร ซัดถล่มหลายจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศ อันได้แก่ จังหวัดมิยางิ, ฟูกุชิมะ รวมทั้งตัวเมืองหลวงเองก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ขณะที่ทางการญี่ปุ่นออกมาประกาศภาวะฉุกเฉินและเตือนให้จังหวัดชายฝั่งทางตอนเหนือคอยเฝ้าระวัง เนื่องจากหวั่นว่าอาจเกิดคลื่นสึนามิตามถล่มซ้ำอีก หลังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาเป็นระลอกๆ นับครั้งไม่ถ้วน
โทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า พบศพผู้เสียชีวิตจากพสุธากัมปนาทครั้งนี้แล้ว200 -300 รายในจังหวัดฟูกุชิมะ, มิยางิ, โทชิงิและกรุงโตเกียว นอกจากนี้ยังผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก โดยมีรายงานด้วยว่าประชาชนราว 4.4 ล้านครัวเรือนทางตอนเหนือของประเทศไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ส่วนที่เมืองเซนได เมืองเอกของจังหวัดมิยางิ สื่อแดนอาทิตย์อุทัยรายงานว่า โรงแรมแห่งหนึ่งได้พังถล่มลงมา สร้างความหวั่นเกรงกันว่าจะมีประชาชนจำนวนมากถูกฝังทั้งเป็นอยู่ใต้ซากปรักหักพังดังกล่าว ขณะที่ในกรุงโตเกียว ก็เกิดเหตุหลังคาของอาคารแห่งหนึ่งพังถล่มระหว่างพิธีสำเร็จการศึกษา ซึ่งมีนักศึกษาเข้าร่วมพิธีประมาณ 600 คน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทว่ายังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ภาพข่าวมุมสูงที่บันทึกได้จากเฮลิคอปเตอร์เผยให้เห็นคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มบ้านเรือนและอาคารสิ่งก่อสร้าง, พื้นที่เกษตรกรรม ตลอดจนสะพานและเสาไฟฟ้าจนล้มครืนระเนระนาด และกวาดเอาซากปรักหักพัง, รถยนต์, รถบรรทุก รวมถึงเรือจำนวนมากลอยเคว้งไปไกลสุดลูกหูลูกตา นอกจากนี้คลื่นสึนามิยังสร้างความเสียหายแก่โรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่ง โดยที่กำแพงคลื่นได้ทำให้ท่อส่งน้ำมันแตกจนเกิดการระเบิดขึ้นและมีไฟลุกท่วมเสียหายอย่างหนัก
ภาพข่าวสัญญาณสดของโทรทัศน์เอ็นเอชเคที่มีการแพร่ภาพไปทั่วโลก ยังเผยให้เห็นเปลวเพลิงและกลุ่มควันดำโขมงพวยพุ่งออกมาจากโรงงานหลายแห่งในเขตนิคมอุตสาหกรรมในย่านไอโซโกะ เมืองโยโกฮามา รวมถึงเห็นเขม่าควันลอยมาจากตึกอาคารในโอไดบะ ณ เขตชานเมืองของโตเกียวอีกด้วย
ขณะที่สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่อาคารเครื่องกังหันหลังหนึ่งในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์โอนางาวะ ในจังหวัดมิยางิ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นไม่มีรายงานการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ขณะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4 แห่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ที่สุดจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวก็ถูกสั่งปิดทำงานชั่วคราว รวมถึงโรงกลั่นน้ำมันบางแห่งด้วย
เกียวโด ยังระบุเพิ่มเติมว่า มีเรือลำหนึ่งซึ่งทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 100 คน ถูกคลื่นพัดพาหายไป และจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ทราบชะตากรรม
ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งหลักนาริตะ ได้ระงับให้บริการชั่วคราวทั้งขาเข้าและขาออก อย่างไรก็ตามภายหลังตรวจสอบไม่พบความเสียหาย ทางท่าอากาศยานก็ได้เปิดให้บริการบางเที่ยวบินตั้งแต่เวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (19.00 เวลาเมืองไทย) แต่กระนั้นรถไฟใต้ดินบางสายในกรุงโตเกียวยังคงปิดบริการจนถึงตอนนี้ เช่นเดียวกับรถไฟหัวกระสุนชินคันเซนก็หยุดให้บริการเกือบทั้งประเทศอย่างไม่มีกำหนดเพื่อความปลอดภัย
“ผมกลัวมากและก็กำลังหวาดผวาอยู่” ฮิเดคัทสุ ฮาตะ วัย 36 ปี ผู้จัดการร้านก๋วยเตี๋ยวตำหรับจีน ในเขตอากาซากะ กรุงโตเกียว ให้สัมภาษณ์ “ผมยังไม่เคยประสบเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต”
ส่วนลินดา เซียง นักข่าวรอยเตอร์ที่ประจำอยู่ในญี่ปุ่นก็เล่าประสบการณ์ส่วนตัวของเธอจากกรุงโตเกียว ระบุว่า “มันเลวร้ายที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยประสบมานับจากที่เดินทางมาถึงญี่ปุ่นเมื่อกว่า 20 ปีก่อนเลยทีเดียว”
“ตึกที่ทีมงานเราทำงานสั่นสะเทือนอยู่นาน ขณะที่ผู้คนในห้องข่าวก็รีบหยิบฉวยหมวกนิรภัยมาใส่ โดยที่มีบางคนรีบมุดลงใต้โต๊ะ” เธอรายงาน
“ผู้คนเนืองแน่นบนท้องถนน นี่มันเหลือเชื่อ ทุกคนพยายามหาทางกลับบ้านแต่ไม่พบแท็กซีสักคันในกินซา ซึ่งเป็นบริเวณที่ปกติแล้วมีรถแท็กซีจอดรอลูกค้าอยู่เต็มไปหมด” โคจิ โกโตะ ชาวโตเกียววัย 43 ปี เล่าเหตุการณ์ โดยที่เขตอากาซากะ ในย่านดาวทาวน์ของเมืองหลวง บรรดาพนักงานบริษัทและห้างร้านจำนวนหลายร้อยชีวิตออกมายืนอยู่บนถนนฮิโตสึงิไม่กล้าเข้าไปในตัวอาคาร
ด้านนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง กล่าวในการแถลงข่าวว่า “ธรณีพิโรธคราวนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักเป็นพื้นที่บริเวณกว้างทางตอนเหนือของญี่ปุ่น” โดยรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ไปช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่บนอาคาร รวมทั้งส่งเครื่องบินออกสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อประเมินความเสียหายทั้งหมดแล้ว
ทั้งนี้ตามข้อมูลของสำนักอุตุนิยมวิทยาแดนอาทิตย์อุทัย แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือว่ามีระดับความรุนแรงสูงที่สุดในรอบ 140 ปีของญี่ปุ่น แซงหน้าเหตุธรณีพิโรธที่อุบัติขึ้นในเกรต คันโตะ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 1923 ซึ่งคราวนั้นวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.9 และคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 140,000 คน โดยก่อนหน้านี้ในปี 1995 ญี่ปุ่นเคยเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ ซึ่งสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่ามหาศาลถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ อันเป็นมูลค่าความเสียหายที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแดนอาทิตย์อุทัยเลยทีเดียว
ด้านฟิลิปปินส์, ไต้หวัน และอินโดนีเซีย ต่างก็ออกประกาศเฝ้าระวังภัยสึนามิในประเทศของตนแล้ว ทั้งนี้สำนักอุตุนิยมวิทยาและธรณีวิทยาของหลายประเทศเตือนว่า คลื่นสึนามิจากแหล่งกำเนิดในญี่ปุ่นจะพัดถึงชายฝั่งของสามประเทศข้างต้นในช่วงเวลาที่ลดหลั่นกันลงมาเมื่อช่วงคืนวานนี้ (11) อย่างไรก็ตามไต้หวันแถลงว่า ไม่ได้รับผลกระทบจากสึนามิคราวนี้ โดยที่คลื่นในทะเลมีระดับสูงกว่าช่วงเวลาปกติไม่มากนัก
ขณะที่ศูนย์เตือนสึนามิแปซิฟิก (Pacific Tsunami Warning Center) ก็ได้แถลงเตือนไปยังทุกประเทศที่ตั้งอยู่รายล้อมเขตชายฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกตลอดแนวไปไกลจนถึงโคลอมเบียและเปรู ให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับหายนะที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยที่องค์การกาชาดในนครเจนีวา ประกาศเตือนว่า ความสูงของสึนามิจากแผ่นดินไหวครั้งนี้สูงกว่าเกาะบางแห่งในมหาสมุทรแปซิฟิกด้วย ส่วนสหรัฐฯ ก็ได้ดำเนินการอพยพผู้คนบนเกาะฮาวายกันจ้าละหวั่นเมื่อวานนี้
สำหรับความพยายามของนานาชาติในการเสนอให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลญี่ปุ่น ประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟของรัสเซีย แถลงว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือญี่ปุ่นเต็มที่ เช่นเดียวกับสหรัฐฯ, จีน และไทยก็ทยอยกันออกมาแสดงความเสียใจและเสนอให้ความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน
**ตลาดหุ้นเอเชียตกกราวรูด-น้ำมันก็ลดฮวบ-เงินเยนดีดขึ้น
สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์ในแถบเอเชียวานนี้(11) พากันตกเป็นแถว ภายหลังเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่มญี่ปุ่น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบก็ไหลลงแรง ส่วนทางด้านเงินเยนสามารถดีดขึ้นมาได้จากที่ดำดิ่งในช่วงแรกๆ
ในตอนปิดตลาดวานนี้ ดัชนีหุ้นนิกเกอิของตลาดโตเกียวลดลง 1.72% ส่วนดัชนีฮั่งเส็งของตลาดฮ่องกงถอยลงมา 1.55% ทางด้านดัชนีสำคัญของสิงคโปร์ก็ถอย 1.04% และของตลาดกัวลาลัมเปอร์หล่น 1.40%
ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่ามหาภัยพิบัติคราวนี้ได้ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจถึงขนาดไหน แต่เนื่องจากความรุนแรงของแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เกิดความหวาดผวากันไปทั่ว
ยิ่งกว่านั้น ตลาดการเงินยังอยู่ในอาการขวัญผวาอยู่ก่อนแล้วจากปัจจัยลบหลายๆ ประการที่รุมเร้าเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบในตะวันออกกลาง, ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินภาครัฐของพวกประเทศยูโรโซน, การที่สหรัฐฯประกาศตัวเลขขาดดุลการค้าหนักหน่วงกว่าที่คาดหมายกัน, ตลอดจนจีนก็แถลงว่าขาดดุลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง
ทางด้านตลาดหลักทรัพย์แถบยุโรปวานนี้ ในช่วงครึ่งวันแรกก็อยู่ในอาการเดียวกัน คือต่างพากันติดลบเป็นแถบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกกิจการประกันภัย
สำหรับค่าเงินเยนนั้น ในช่วงต้นๆ หลังเกิดแผ่นดินไหว ได้อ่อนยวบลงมาจนอยู่ในระดับต่ำสุดแถวๆ 83.29 เยนต่อดอลลาร์ เนื่องจากพวกดีลเลอร์พากันกระโจนหนีออกจากความเสี่ยงที่มากับภัยพิบัติ แต่แล้วก็กลับกระเตื้องขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีแรงซื้อของพวกที่ยังอยากเสี่ยง ตลอดจนมีการวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะดีขึ้นเพราะต้องมีการก่อสร้างฟื้นฟูบูรณะ จนทำให้ในช่วงเที่ยงๆ ของลอนดอน เงินเยนแข็งขึ้นมาที่ 82.22 เยนต่อดอลลาร์
ในส่วนของน้ำมัน ความหวาดวิตกว่าภัยพิบัติคราวนี้จะส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อเศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัย ได้ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญชนิดนี้ทรุดต่ำ ทั้งนี้เมื่อเวลา 12.15 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 19.15น.เวลาเมืองไทย) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของลอนดอน ราคาหล่นลงมา 2.3% อยู่ที่ 112.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ก็ถอยลง 2.7% อยู่ที่ 99.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
**ผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น
ในเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบของภัยพิบัติคราวนี้ต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน แต่ที่เห็นได้เฉพาะหน้าคือ พวกโรงงานต่างๆ ทั้งในอุตสาหกรรมรถยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งตั้งอยู่ในหลายๆ ส่วนของแดนอาทิตย์อุทัย ต้องปิดทำการลงชั่วคราว ในเมื่อแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามินอกจากสร้างความเสียหายให้แก่โรงงานบางแห่งโดยตรงแล้ว ยังทำให้การคมนาคมขนส่งต้องสะดุดติดขัด และการจ่ายกระแสไฟฟ้าก็ขัดข้อง
บริเวณที่ประสบภัยพิบัติหนักหน่วงที่สุด คือ จังหวัดมิยางิ และพื้นที่ใกล้เคียงนั้น มีเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญอยู่หลายแห่ง และมีโรงงานเคมีและโรงงานอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก ตามข้อมูลของ แมคคอวรี รีเสิร์ช ระบุว่า มิยางิ มีส่วนในการสร้างจีดีพีของญี่ปุ่นราวๆ 1.7%
สื่อญี่ปุ่นแจ้งว่า โซนี่ ยักษ์ใหญ่อิเล็กทรอนิกส์ ได้ประกาศปิดโรงงาน 6 แห่ง ขณะที่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ โตโยต้า คอร์ป ได้ระงับการผลิตในโรงงานชิ้นส่วนแห่งหนึ่ง และโรงงานประกอบรถอีก 2 แห่ง เช่นเดียวกับ นิสสัน มอเตอร์ ซึ่งสั่งหยุดงานในโรงงาน 4 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งนั้นคาดหมายกันว่า พวกผู้นำของพรรครัฐบาลผสม และพรรคฝ่ายค้าน จะหันมาผลักดันให้รัฐสภาญี่ปุ่นผ่านร่างงบประมาณฉุกเฉิน เพื่อใช้จ่ายในงานช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ต่างๆ ส่วนทางด้านธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ก็แถลงว่าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้เป็นที่มั่นใจได้ว่าตลาดการเงินวังคงมีเสถียรภาพ.