ASTVผู้จัดการรายวัน- ศอ.รส. ประกาศห้ามใช้ถนนรอบบ้านนายกฯ อ้างป้องกันกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาก่อกวน ประชาชนโวยลั่น ทำเดือนร้อนไปหมด ด้านผบ.ทอ.ชี้คนชุดดำถืออาวุธอยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์ช่วงเผา อย่ามาโยนความผิดให้ทหาร ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อพวกโกหกหน้าตายใช้เอกสิทธิ์ส.ส. ป้องตัวเองในสภา "ไอ้เต้น" เผย"ไอ้กี้ร์-แรมโบ้" ใกล้มอบตัว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร.กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศอ.รส.ว่า ในที่ประชุมศอ.รส.ได้มีการออกประกาศ ศอ.รส. ฉบับที่ 4/2554 เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางการคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ (เพิ่มเติม) โดยมีรายละเอียด คือ ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ในเส้นทางถ.สุขุมวิท จากปากซอยสุขุมวิท 39-ปลายซอยสุขุมวิท 39 ตัดถ.เพชรบุรี, บริเวณ ถ.สุขุมวิท ซ.สุขุมวิท 33, ถ.สุขุมวิท ซ.สุขุมวิท 31 ตั้งแต่ปากซอย-ปลายซอยสวัสดี และทางลัดซอยสุขุมวิท 39 ตั้งแต่แยกพร้อมศรี-แยกโรงเรียนสวัสดี ซึ่งเป็นพื้นที่โดยรอบทางเข้าบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอ.รส.จะมีประกาศห้ามบุคคลเข้าถึงตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ และนายกรัฐมนตรี ทางพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่นายกฯ จะเดินทางไปเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัย ส่วนจะสามารถเข้าถึงตัวนายกฯ ได้หรือไม่นั้น จะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น รปภ.นายกฯ และทีมงานเลขานุการทำหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ในส่วนของตำรวจได้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกฯ โดยในทำเนียบรัฐบาลได้มีการสั่งการให้ทางสันติบาล เพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราบุคคลเข้าออกและการดูแลรักษาความปลอดภัย
ส่วนกรณีที่อาจมีประชาชนถือป้ายแสดงความคิดไม่เห็นด้วยกับนายกฯนั้น ทางเจ้าหน้าที่ ก็จะมีการพิจารณาว่าเป็นข้อความที่หยาบคาย และเหมาะสมหรือไม่
สำหรับการประกาศห้ามใช้พื้นที่รอบบ้านนายกฯ จะกระทบกับภาคเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวมหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวยืนยันว่า รถทุกคันยังสามารถวิ่งผ่านเข้าออกบริเวณดังกล่าวได้ โดยทางศอ.รส.ไม่ได้มีการห้าม แต่จะกั้น และจำกัดพื้นที่ในบางโอกาส เช่น กรณีที่มีบุคคลต้องสงสัยที่อาจจะเข้ามาก่อความไม่สงบหรือมีมูลเหตุที่ไม่น่าไว้วางใจ โดยในกรณีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาอีกครั้ง
เมื่อถามว่าในอนาคตหากนายกฯ จะเดินทางไปที่ใด จะต้องประกาศเป็นพื้นที่หวงห้ามไว้รองรับ ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้น ซึ่งประกาศฉบับดังกล่าว เป็นเพียงการควบคุมพื้นที่บ้านพักของนายกฯ ในฐานะประมุขฝ่ายบริหารของประเทศเท่านั้น ประกอบกับทางเข้าบ้านพักของนายกฯ เป็นซอยที่มีขนาดเล็ก ถ้าหากมีบุคคลเข้าไปก่อกวน หรือสร้างความวุ่นวาย ก็อาจกระทบกับบุคคลที่พักอาศัย ดังนั้นจึงต้องมีการออกประกาศเพิ่มเติมดังกล่าว
**ประชาชนโวยลั่นเดือดร้อนกันไปทั่ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประชาชนได้ทราบข่าวที่ศอ.รส. ได้ออกประกาศห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือใช้ยานพาหนะในเส้นทางที่ผ่านบ้านนายกฯ ส่วนใหญ่รู้สึกไม่พอใจ เพราะได้สร้างความเดือดร้อนให้กับคนในพื้นที่ดังกล่าว เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลห้ามใช้ถนนเข้าบ้านของตัวเอง หากจะเข้าต้องขออนุญาตก่อน
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ว่า การประกาศห้ามเข้า-ออก เส้นทางถนนที่ผ่านบ้านนายกฯ สร้างความเดือดร้อนให้กับคนหาเช้ากินค่ำ คนทำงาน และประชาชนที่อยู่ในระแวกนั้นอย่างมาก ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลใช้อะไรคิด
**ผบ.ทอ.ชี้"ชุดดำ"เผาห้าง
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) หนึ่งในอดีตกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างเหตุการณ์ในช่วงเดือน พ.ค.2553 ไปอภิปรายในสภาฯ ว่า ไม่กังวล ความจริงก็คือความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 พ.ค.2553 ถ้าย้อนกลับไปในเหตุการณ์วันนั้น การพยายามเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และในพื้นที่ต่างๆ พยายามขอให้ทหารเข้าไปช่วยเหลือ เพราะเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปได้ ขอให้คิดดูก็แล้วกันว่าคนที่แต่งชุดสีดำแล้วมีอาวุธ ใครเป็นคนเผากันแน่
“ปัจจุบัน ที่น่าเป็นห่วง คือ สังคมไทยน่าจะให้ความสำคัญกับการพูดความจริงมากกว่า ไม่ใช่ใครที่พูดเก่ง ไปพูดโกหก คนกลับสนใจ โดยพฤติกรรมที่ผ่านมา เมื่อพูดไปแล้วถูกตรวจสอบปรากฏว่าไม่จริง ก็ยังไปติดตาม ผมคิดว่าประชาชนต้องให้ความสนใจในสิ่งที่คนออกมาให้ข่าว ใช้เวทีในการชุมนุมพูดแล้วอ้างว่าจะมาเปิดเผยความจริง ก็ลองดูความจริงที่เขาว่า จะถูกต้องแค่ไหน" ผบ.ทอ. กล่าว
เมื่อถามว่า ทหารต้องเตรียมหลักฐานเพื่อนำไปหักล้างในสภาฯ ด้วยหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ความจริงก็คือความจริง สิ่งต่างๆ ต้องระวังให้ดีว่า ข้อมูลรวมทั้งภาพ ปัจจุบันมีการตัดแต่งค่อนข้างง่าย การพูดบางทีโกหกหน้าตาเฉย ฉะนั้นต้องใช้วิจารณญาณ ใช้สติในการรับฟัง ไม่ใช่คนพูดเก่ง คนที่พูดในสภา แล้วพูดบางอย่างต้องวิเคราะห์ว่า มีความจริงแค่ไหน ถ้าเหตุการณ์ที่ว่ามีทหารเข้าไปจริง ก็คงพิสูจน์ได้ เรื่องต่างๆ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งออกมาพูด แล้วอ้างโน่นอ้างนี่ แล้วจะมาโยนว่าทหารเป็นคนทำ ซึ่งไม่ยุติธรรม
"ทหารเป็นทหารอาชีพ ไม่ใช่ไปตั้งโต๊ะคอยปลุกระดมต่างๆ คงไม่ใช่ ทหารก็เสียเปรียบ เพราะเราพยายามอยู่ในกรม กอง ไม่ออกไปพูดทำให้เกิดประเด็นอะไรต่างๆ จะเห็นได้ว่าทหารไม่อยากไปยุ่งกับการเมือง ให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง" พล.อ.อ.อิทธพร กล่าว
เมื่อถามว่าเป็นเพราะ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ จะกล่าวอ้างอะไรก็ได้ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ตนไม่ใช่นักกฎหมาย แต่อยากให้ผู้ที่รู้กฎหมาย มาให้ความรู้กฎหมายออกมาเพื่อป้องกัน และมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ทำความผิด แต่สิ่งที่กำลังจะกลายเป็นตัวอย่างอันหนึ่งคือใครทำผิดแล้วไปอยู่ในสภาแล้วมีเอกสิทธิ์ ตนคิดว่าไม่ใช่เอกสิทธิ์ ถ้าไปดูกฎหมาย จะรู้ว่าช่วงไหนบ้างที่ท่านมีเอกสิทธิ์ ช่วงไหนที่จะดำเนินการเพื่อให้คนที่ทำความผิด จะต้องถูกสอบสวน ก็น่าจะรวมมือกันรวมทั้งในรัฐสภาด้วย ไม่ใช่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วอ้างว่าเป็นเอกสิทธิ์
"กฎหมาย มีไว้เป็นการป้องกันไม่ให้คนที่ทำความผิดได้เอกสิทธิ์ ทุกคนที่ทำความผิดต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล ไม่ใช่อ้างว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่มีสิทธิพิเศษ ต่อไปคนที่อยากจะเคลื่อนไหว สร้างความวุ่นวายในประเทศ ก็จะไปเป็นนักการเมือง พออยู่ในช่วงสมัยประชุม ก็จะอ้างเรื่องนี้ขึ้นมา ก็น่าจะให้ผู้รู้ทั้งหลายที่รู้เรื่องกฎหมาย ถ้าทำความผิดไปแล้วช่วงไหนมีสิทธิแค่ไหน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทุกคนอ้างสิทธิเสรีภาพ ซึ่งไปล่วงละเมิดสิทธิคนอื่นหรือไม่ ขณะนี้คนอื่นก็อยากมีเสรีภาพในการที่จะใช้ชีวิตปกติ แต่ก็มาอ้างว่าประชาธิปไตยต้องมีสิทธิ แต่ท่านเองก็ไปละเมิดสิทธิของคนอื่นเขา" ผบ.ทอ. กล่าว
เมื่อถามว่า หากข้อมูลไม่เป็นจริงจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คนที่เขามีจริยธรรม เขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว
**"ไอ้ตู่" เย้ยทหารอย่าขวัญอ่อน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ไปอภิปรายในสภา และมีการโยงว่าทหารเป็นคนทำนั้น ตนอยากจะถามว่าพล.อ.อ.อิทธพร รู้ได้อย่างไรว่า ตนป้ายสีทหาร ในเมื่อพล.อ.อ.อิทธพร ยังไม่ได้ฟังในสิ่งที่ตนพูดเลย เพราะฉะนั้นกระบวนการเผา ตนอยากจะให้ฟังในการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนที่จะออกมาพูด แม้ว่าพล.อ.อ.อิทธพร จะไม่ได้ระบุชื่อของตนก็ตาม
ส่วนการที่บอกว่าตนใช้เอกสิทธิ์ความเป็นส.ส.คุ้มหัวนั้น หากพล.อ.อ.อิทธพร ไม่มีความรู้เรื่องนี้ ก็น่าจะไปศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญจะดีกว่า เพราะตนไม่ได้เป็นคนที่นิยมใช้เอกสิทธิ์เหมือนกับพวกที่จ้องจะจับกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้น อย่าแสดงความโง่จะดีกว่า
นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมายันยันว่าทหารไม่ได้เผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ มีแต่จะเข้าไปดับไฟ แต่ถูกขัดขวางนั้น ตนคิดว่าคนที่โกหกมาตั้งแต่ต้น น่าจะเป็นพล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า และคิดว่าทั้งสองคน น่าจะตั้งสติให้ดีเสียก่อน อย่าเพิ่งออกอาการ เพราะตนรู้สึกว่าผู้นำกองทัพ จะขวัญอ่อนมาก
ส่วนกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจการทำงานของรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ตนขอให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีนำหลักฐานที่มี ออกมาแสดงให้หมด และตนก็จะนำหลักฐานของตนออกมาเช่นกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด
**"ไอ้เต้น"ปูด"ไอ้กี้ร์-แรมโบ้"จ่อมอบตัว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.ยืนยันว่า ในวันเสาร์ที่ 12 มี.ค.นี้ แกนนำทุกคนที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะขึ้นเวทีปราศรัย ประเด็นที่เป็นการแสดงความเห็นทางการเมือง พร้อมอ้างว่าจะไม่ยุยงปลุกปั่นปลุกระดม และจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลทุกประการ รวมทั้งจะไม่ชุมนุมยืดเยื้อ และต่อจากนี้แกนนำเสื้อแดงจะทำงานทางลึกในการจัดตั้งเครือข่ายขยายแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อเตรียมต่อสู้กับการเลือกตั้ง
"ได้มีการติดต่อกับแกนนำเสื้อแดงที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ทั้งนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ (แรมโบ้ อีสาน) เป็นระยะๆ ซึ่งเตรียมที่จะทยอยเข้ามอบตัว อย่างไรก็ดี เราจะทยอยช่วยเหลือยื่นประกันตัว แนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำทั่วประเทศ อีกจำนวน 98 คนต่อไปด้วย"
ส่วนกลุ่มแกนนำเสื้อแดงจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ฝ่ายบริหารพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะส่งใครลงสมัครบ้าง ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนใดๆ อีกทั้งรัฐบาลก็ยังไม่มีความแน่ชัดว่า จะยุบสภาเมื่อใด
** ปชป.ลั่นโกหกในสภาเจอประท้วง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลลงสัตยาบัน ไม่ให้ลูกพรรคออกมาประท้วงขวางในการการอภิปรายฯ ว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีข้อตกลง หรือทำสัตยาบัน ในการประท้วง เพราะต้นเหตุของการจะประท้วงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม และข้อมูลที่จะนำมาอภิปราย ซึ่งหากเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ไม่มีการบิดเบือนตัดต่อ อย่างที่เคยทำในอดีต และถ้านายจตุพรอภิปรายอยู่ในกรอบข้อบังคับการประชุมสภา ก็ไม่มีใครอยากลุกขึ้นประท้วง แต่หากทำเหมือนที่เคยปราศรัยตามท้องสนามหลวง และสี่แยกราชประสงค์ ก็ต้องประท้วง เพราะเอาข้อมูลเป็นเท็จมาขยายผล บิดเบือน ทั้งนี้ ก็ขอให้ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้ทำหน้าที่ควบคุมการประชุมอย่างเด็ดขาด และเป็นกลางด้วย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร.กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศอ.รส.ว่า ในที่ประชุมศอ.รส.ได้มีการออกประกาศ ศอ.รส. ฉบับที่ 4/2554 เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางการคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ (เพิ่มเติม) โดยมีรายละเอียด คือ ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ในเส้นทางถ.สุขุมวิท จากปากซอยสุขุมวิท 39-ปลายซอยสุขุมวิท 39 ตัดถ.เพชรบุรี, บริเวณ ถ.สุขุมวิท ซ.สุขุมวิท 33, ถ.สุขุมวิท ซ.สุขุมวิท 31 ตั้งแต่ปากซอย-ปลายซอยสวัสดี และทางลัดซอยสุขุมวิท 39 ตั้งแต่แยกพร้อมศรี-แยกโรงเรียนสวัสดี ซึ่งเป็นพื้นที่โดยรอบทางเข้าบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอ.รส.จะมีประกาศห้ามบุคคลเข้าถึงตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ และนายกรัฐมนตรี ทางพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่นายกฯ จะเดินทางไปเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัย ส่วนจะสามารถเข้าถึงตัวนายกฯ ได้หรือไม่นั้น จะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น รปภ.นายกฯ และทีมงานเลขานุการทำหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ในส่วนของตำรวจได้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกฯ โดยในทำเนียบรัฐบาลได้มีการสั่งการให้ทางสันติบาล เพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราบุคคลเข้าออกและการดูแลรักษาความปลอดภัย
ส่วนกรณีที่อาจมีประชาชนถือป้ายแสดงความคิดไม่เห็นด้วยกับนายกฯนั้น ทางเจ้าหน้าที่ ก็จะมีการพิจารณาว่าเป็นข้อความที่หยาบคาย และเหมาะสมหรือไม่
สำหรับการประกาศห้ามใช้พื้นที่รอบบ้านนายกฯ จะกระทบกับภาคเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวมหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวยืนยันว่า รถทุกคันยังสามารถวิ่งผ่านเข้าออกบริเวณดังกล่าวได้ โดยทางศอ.รส.ไม่ได้มีการห้าม แต่จะกั้น และจำกัดพื้นที่ในบางโอกาส เช่น กรณีที่มีบุคคลต้องสงสัยที่อาจจะเข้ามาก่อความไม่สงบหรือมีมูลเหตุที่ไม่น่าไว้วางใจ โดยในกรณีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาอีกครั้ง
เมื่อถามว่าในอนาคตหากนายกฯ จะเดินทางไปที่ใด จะต้องประกาศเป็นพื้นที่หวงห้ามไว้รองรับ ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้น ซึ่งประกาศฉบับดังกล่าว เป็นเพียงการควบคุมพื้นที่บ้านพักของนายกฯ ในฐานะประมุขฝ่ายบริหารของประเทศเท่านั้น ประกอบกับทางเข้าบ้านพักของนายกฯ เป็นซอยที่มีขนาดเล็ก ถ้าหากมีบุคคลเข้าไปก่อกวน หรือสร้างความวุ่นวาย ก็อาจกระทบกับบุคคลที่พักอาศัย ดังนั้นจึงต้องมีการออกประกาศเพิ่มเติมดังกล่าว
**ประชาชนโวยลั่นเดือดร้อนกันไปทั่ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประชาชนได้ทราบข่าวที่ศอ.รส. ได้ออกประกาศห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือใช้ยานพาหนะในเส้นทางที่ผ่านบ้านนายกฯ ส่วนใหญ่รู้สึกไม่พอใจ เพราะได้สร้างความเดือดร้อนให้กับคนในพื้นที่ดังกล่าว เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลห้ามใช้ถนนเข้าบ้านของตัวเอง หากจะเข้าต้องขออนุญาตก่อน
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ว่า การประกาศห้ามเข้า-ออก เส้นทางถนนที่ผ่านบ้านนายกฯ สร้างความเดือดร้อนให้กับคนหาเช้ากินค่ำ คนทำงาน และประชาชนที่อยู่ในระแวกนั้นอย่างมาก ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลใช้อะไรคิด
**ผบ.ทอ.ชี้"ชุดดำ"เผาห้าง
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) หนึ่งในอดีตกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างเหตุการณ์ในช่วงเดือน พ.ค.2553 ไปอภิปรายในสภาฯ ว่า ไม่กังวล ความจริงก็คือความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 พ.ค.2553 ถ้าย้อนกลับไปในเหตุการณ์วันนั้น การพยายามเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และในพื้นที่ต่างๆ พยายามขอให้ทหารเข้าไปช่วยเหลือ เพราะเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปได้ ขอให้คิดดูก็แล้วกันว่าคนที่แต่งชุดสีดำแล้วมีอาวุธ ใครเป็นคนเผากันแน่
“ปัจจุบัน ที่น่าเป็นห่วง คือ สังคมไทยน่าจะให้ความสำคัญกับการพูดความจริงมากกว่า ไม่ใช่ใครที่พูดเก่ง ไปพูดโกหก คนกลับสนใจ โดยพฤติกรรมที่ผ่านมา เมื่อพูดไปแล้วถูกตรวจสอบปรากฏว่าไม่จริง ก็ยังไปติดตาม ผมคิดว่าประชาชนต้องให้ความสนใจในสิ่งที่คนออกมาให้ข่าว ใช้เวทีในการชุมนุมพูดแล้วอ้างว่าจะมาเปิดเผยความจริง ก็ลองดูความจริงที่เขาว่า จะถูกต้องแค่ไหน" ผบ.ทอ. กล่าว
เมื่อถามว่า ทหารต้องเตรียมหลักฐานเพื่อนำไปหักล้างในสภาฯ ด้วยหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ความจริงก็คือความจริง สิ่งต่างๆ ต้องระวังให้ดีว่า ข้อมูลรวมทั้งภาพ ปัจจุบันมีการตัดแต่งค่อนข้างง่าย การพูดบางทีโกหกหน้าตาเฉย ฉะนั้นต้องใช้วิจารณญาณ ใช้สติในการรับฟัง ไม่ใช่คนพูดเก่ง คนที่พูดในสภา แล้วพูดบางอย่างต้องวิเคราะห์ว่า มีความจริงแค่ไหน ถ้าเหตุการณ์ที่ว่ามีทหารเข้าไปจริง ก็คงพิสูจน์ได้ เรื่องต่างๆ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งออกมาพูด แล้วอ้างโน่นอ้างนี่ แล้วจะมาโยนว่าทหารเป็นคนทำ ซึ่งไม่ยุติธรรม
"ทหารเป็นทหารอาชีพ ไม่ใช่ไปตั้งโต๊ะคอยปลุกระดมต่างๆ คงไม่ใช่ ทหารก็เสียเปรียบ เพราะเราพยายามอยู่ในกรม กอง ไม่ออกไปพูดทำให้เกิดประเด็นอะไรต่างๆ จะเห็นได้ว่าทหารไม่อยากไปยุ่งกับการเมือง ให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง" พล.อ.อ.อิทธพร กล่าว
เมื่อถามว่าเป็นเพราะ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ จะกล่าวอ้างอะไรก็ได้ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ตนไม่ใช่นักกฎหมาย แต่อยากให้ผู้ที่รู้กฎหมาย มาให้ความรู้กฎหมายออกมาเพื่อป้องกัน และมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ทำความผิด แต่สิ่งที่กำลังจะกลายเป็นตัวอย่างอันหนึ่งคือใครทำผิดแล้วไปอยู่ในสภาแล้วมีเอกสิทธิ์ ตนคิดว่าไม่ใช่เอกสิทธิ์ ถ้าไปดูกฎหมาย จะรู้ว่าช่วงไหนบ้างที่ท่านมีเอกสิทธิ์ ช่วงไหนที่จะดำเนินการเพื่อให้คนที่ทำความผิด จะต้องถูกสอบสวน ก็น่าจะรวมมือกันรวมทั้งในรัฐสภาด้วย ไม่ใช่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วอ้างว่าเป็นเอกสิทธิ์
"กฎหมาย มีไว้เป็นการป้องกันไม่ให้คนที่ทำความผิดได้เอกสิทธิ์ ทุกคนที่ทำความผิดต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล ไม่ใช่อ้างว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่มีสิทธิพิเศษ ต่อไปคนที่อยากจะเคลื่อนไหว สร้างความวุ่นวายในประเทศ ก็จะไปเป็นนักการเมือง พออยู่ในช่วงสมัยประชุม ก็จะอ้างเรื่องนี้ขึ้นมา ก็น่าจะให้ผู้รู้ทั้งหลายที่รู้เรื่องกฎหมาย ถ้าทำความผิดไปแล้วช่วงไหนมีสิทธิแค่ไหน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทุกคนอ้างสิทธิเสรีภาพ ซึ่งไปล่วงละเมิดสิทธิคนอื่นหรือไม่ ขณะนี้คนอื่นก็อยากมีเสรีภาพในการที่จะใช้ชีวิตปกติ แต่ก็มาอ้างว่าประชาธิปไตยต้องมีสิทธิ แต่ท่านเองก็ไปละเมิดสิทธิของคนอื่นเขา" ผบ.ทอ. กล่าว
เมื่อถามว่า หากข้อมูลไม่เป็นจริงจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คนที่เขามีจริยธรรม เขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว
**"ไอ้ตู่" เย้ยทหารอย่าขวัญอ่อน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ไปอภิปรายในสภา และมีการโยงว่าทหารเป็นคนทำนั้น ตนอยากจะถามว่าพล.อ.อ.อิทธพร รู้ได้อย่างไรว่า ตนป้ายสีทหาร ในเมื่อพล.อ.อ.อิทธพร ยังไม่ได้ฟังในสิ่งที่ตนพูดเลย เพราะฉะนั้นกระบวนการเผา ตนอยากจะให้ฟังในการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนที่จะออกมาพูด แม้ว่าพล.อ.อ.อิทธพร จะไม่ได้ระบุชื่อของตนก็ตาม
ส่วนการที่บอกว่าตนใช้เอกสิทธิ์ความเป็นส.ส.คุ้มหัวนั้น หากพล.อ.อ.อิทธพร ไม่มีความรู้เรื่องนี้ ก็น่าจะไปศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญจะดีกว่า เพราะตนไม่ได้เป็นคนที่นิยมใช้เอกสิทธิ์เหมือนกับพวกที่จ้องจะจับกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้น อย่าแสดงความโง่จะดีกว่า
นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมายันยันว่าทหารไม่ได้เผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ มีแต่จะเข้าไปดับไฟ แต่ถูกขัดขวางนั้น ตนคิดว่าคนที่โกหกมาตั้งแต่ต้น น่าจะเป็นพล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า และคิดว่าทั้งสองคน น่าจะตั้งสติให้ดีเสียก่อน อย่าเพิ่งออกอาการ เพราะตนรู้สึกว่าผู้นำกองทัพ จะขวัญอ่อนมาก
ส่วนกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจการทำงานของรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ตนขอให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีนำหลักฐานที่มี ออกมาแสดงให้หมด และตนก็จะนำหลักฐานของตนออกมาเช่นกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด
**"ไอ้เต้น"ปูด"ไอ้กี้ร์-แรมโบ้"จ่อมอบตัว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.ยืนยันว่า ในวันเสาร์ที่ 12 มี.ค.นี้ แกนนำทุกคนที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะขึ้นเวทีปราศรัย ประเด็นที่เป็นการแสดงความเห็นทางการเมือง พร้อมอ้างว่าจะไม่ยุยงปลุกปั่นปลุกระดม และจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลทุกประการ รวมทั้งจะไม่ชุมนุมยืดเยื้อ และต่อจากนี้แกนนำเสื้อแดงจะทำงานทางลึกในการจัดตั้งเครือข่ายขยายแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อเตรียมต่อสู้กับการเลือกตั้ง
"ได้มีการติดต่อกับแกนนำเสื้อแดงที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ทั้งนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ (แรมโบ้ อีสาน) เป็นระยะๆ ซึ่งเตรียมที่จะทยอยเข้ามอบตัว อย่างไรก็ดี เราจะทยอยช่วยเหลือยื่นประกันตัว แนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำทั่วประเทศ อีกจำนวน 98 คนต่อไปด้วย"
ส่วนกลุ่มแกนนำเสื้อแดงจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ฝ่ายบริหารพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะส่งใครลงสมัครบ้าง ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนใดๆ อีกทั้งรัฐบาลก็ยังไม่มีความแน่ชัดว่า จะยุบสภาเมื่อใด
** ปชป.ลั่นโกหกในสภาเจอประท้วง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลลงสัตยาบัน ไม่ให้ลูกพรรคออกมาประท้วงขวางในการการอภิปรายฯ ว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีข้อตกลง หรือทำสัตยาบัน ในการประท้วง เพราะต้นเหตุของการจะประท้วงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม และข้อมูลที่จะนำมาอภิปราย ซึ่งหากเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ไม่มีการบิดเบือนตัดต่อ อย่างที่เคยทำในอดีต และถ้านายจตุพรอภิปรายอยู่ในกรอบข้อบังคับการประชุมสภา ก็ไม่มีใครอยากลุกขึ้นประท้วง แต่หากทำเหมือนที่เคยปราศรัยตามท้องสนามหลวง และสี่แยกราชประสงค์ ก็ต้องประท้วง เพราะเอาข้อมูลเป็นเท็จมาขยายผล บิดเบือน ทั้งนี้ ก็ขอให้ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้ทำหน้าที่ควบคุมการประชุมอย่างเด็ดขาด และเป็นกลางด้วย