ผบ.ทอ.ลั่นอย่าโยนความผิดให้ทหาร ระบุ ชายชุดดำอาวุธครบมืออยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์ขณะถูกเผา เตือนสติสังคมให้ความสำคัญกับการพูดความจริงมากกว่าคนพูดเก่งแต่โกหก แนะผู้รู้ให้คำแนะนำ กรณีพวกที่ทำผิดแล้วโดดลงเลือกตั้งหวังใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองไม่ให้ตัวเองถูกดำเนินคดี
วันนี้(8 มี.ค.) พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) หนึ่งในอดีตกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างเหตุการณ์ในช่วงเดือน พ.ค.2553 ไปอภิปรายในสภา ว่า ไม่กังวล ความจริงก็คือความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 พ.ค.2553 ถ้าย้อนกลับไปในแหตุการณ์วันนั้น การพยายามเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และในพื้นที่ต่างๆ พยายามขอให้ทหารเข้าไปช่วยเหลือ เพราะเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปได้ ขอให้คิดดูก็แล้วกันว่า คนที่แต่งชุดสีดำแล้วมีอาวุธ ใครเป็นคนเผากันแน่
“ปัจจุบัน ที่น่าเป็นห่วงคือ สังคมไทยน่าจะให้ความสำคัญกับการพูดความจริงมากกว่า ไม่ใช่ใครที่พูดเก่ง ไปพูดโกหก คนกลับสนใจ โดยพฤติกรรมที่ผ่านมาเมื่อพูดไปแล้วถูกตรวจสอบปรากฏว่าไม่จริง ก็ยังไปติดตาม ผมคิดว่าประชาชนต้องให้ความสนใจในสิ่งที่คนออกมาให้ข่าว ใช้เวทีในการชุมนุม พูดแล้วอ้างว่า จะมาเปิดเผยความจริง ก็ลองดูความจริงที่เขาว่าจะถูกต้องแค่ไหน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทหารต้องเตรียมหลักฐานเพื่อนำไปหักล้างในสภาฯด้วยหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ความจริงก็คือความจริง สิ่งต่างๆ ต้องระวังให้ดีว่า ข้อมูลรวมทั้งภาพ ปัจจุบันมีการตัดแต่งค่อนข้างง่าย การพูดบางทีโกหกหน้าตาเฉย ฉะนั้น ต้องใช้วิจารณญาณใช้สติในการรับฟัง ไม่ใช่คนพูดเก่ง คนที่พูดในสภา แล้วพูดบางอย่างต้องวิเคราะห์ว่า มีความจริงแค่ไหน ถ้าเหตุการณ์ที่ว่ามีทหารเข้าไปจริง ก็คงพิสูจน์ได้ เรื่องต่างๆ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งออกมาพูด แล้วอ้างโน่นอ้างนี่ แล้วจะมาโยนว่า ทหารเป็นคนทำ ซึ่งไม่ยุติธรรม
“ทหารเป็นทหารอาชีพ ไม่ใช่ไปตั้งโต๊ะคอยปลุกระดมต่างๆ ทหารก็เสียเปรียบ เพราะเราพยายามอยู่ในกรมกอง ไม่ออกไปพูดทำให้เกิดประเด็นอะไรต่างๆ จะเห็นได้ว่าทหารไม่อยากไปยุ่งกับการเมือง ให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นเพราะ ส.ส.มีเอกสิทธิ์จะกล่าวอ้างอะไรก็ได้ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ตนไม่ใช่นักกฎหมาย แต่อยากให้ผู้ที่รู้กฎหมาย มาให้ความรู้กฎหมายออกมาเพื่อป้องกัน และมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ทำความผิด แต่สิ่งที่กำลังจะกลายเป็นตัวอย่างอันหนึ่งคือ ใครทำผิดแล้วไปอยู่ในสภา แล้วมีเอกสิทธิ์ ตนคิดว่าไม่ใช่เอกสิทธิ์ ถ้าไปดูกฎหมายจะรู้ว่าช่วงไหนบ้างที่ท่านมีเอกสิทธิ์ ช่วงไหนที่จะดำเนินการเพื่อให้คนที่ทำความผิดจะต้องถูกสอบสวน ก็น่าจะรวมมือกันรวมทั้งในรัฐสภาด้วย ไม่ใช่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วอ้างว่าเป็นเอกสิทธิ์
“กฎหมายมีไว้เป็นการป้องกันไม่ให้คนที่ทำความผิดได้เอกสิทธิ์ ทุกคนที่ทำความผิดต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล ไม่ใช่อ้างว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีสิทธิพิเศษ ต่อไปคนที่อยากจะเคลื่อนไหว สร้างความวุ่นวายในประเทศ ก็จะไปเป็นนักการเมือง พออยู่ในช่วงสมัยประชุม ก็จะอ้างเรื่องนี้ขึ้นมา ก็น่าจะให้ผู้รู้ทั้งหลายที่รู้เรื่องกฎหมาย ถ้าทำความผิดไปแล้วช่วงไหนมีสิทธิแค่ไหน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทุกคนอ้างสิทธิเสรีภาพ ซึ่งไปล้วงละเมิดสิทธิคนอื่นหรือไม่ ขณะนี้คนอื่นก็อยากมีเสรีภาพในการที่จะใช้ชีวิตปกติ แต่ก็มาอ้างว่า ประชาธิปไตยต้องมีสิทธิ แต่ท่านเองก็ไปละเมิดสิทธิของคนอื่นเขา”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากข้อมูลไม่เป็นจริงจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คนที่เขามีจริยธรรม เขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว