ASTVผู้จัดการรายวัน – ร็อตต้าฟาร์ม ยักษ์ใหญ่บริษัทยาจากอิตาลี ปรับตัวรับธุรกิจยานำเข้าไม่โต เบนเข็มลุยเพอร์ซันนัลแคร์ ปั้นเวชสำอาง 4 แบรนด์ บุกตลาดไทย ปูพรมส่งซอลเจลล่า อูโม่ ชิงตลาดครีมอาบน้ำผู้ชาย หวังปีแรกกวาด 5% ตั้งเป้าปี 58 รายได้เพอร์ซันนัลแคร์เพิ่ม 10% เป็น 30%
เภสัชกรหญิงภัสรา อรุณสมสิริ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท ร็อตต้าฟาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาจากอิตาลี กล่าวว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัท ต้องการขยายสินค้ากลุ่มของใช้ส่วนบุคคลเวชสำอางมากขึ้น จากเดิมธุรกิจหลักของบริษัทเน้นนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาเข้ามาทำตลาด แต่พบว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดยานำเข้าไม่เติบโตเนื่องจากมีบริษัทยาประเทศไทย สามารถผลิตยาได้ในราคาที่ถูกกว่านำเข้า ขณะที่สินค้ากลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์ ทำตลาดเมื่อปี 2543 ปรากฎว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ไม่ดีมากนัก ทำให้คนหันไปซื้อจากที่ผลิตในประเทศ เพราะมีราคาที่ถูกกว่า ขณะที่ยานำเข้าจะมีราคาที่สูงกว่า ส่งผลให้ตลาดยานำเข้าไม่เติบโต ดังนั้นบริษัทจึงต้องปรับตัว โดยการขยายพอร์ตโฟลิสินค้ากลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์”
สำหรับแผนในปี 2558 บริษัทวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้กลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์จาก 10% เป็น 30% ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาจาก 90% เป็นเหลือ 70% ดังนั้นแผนการตลาดปีนี้บริษัทเปิดตัว 4 แบรนด์ ล่าสุดได้เปิดตัวครีมอาบน้ำภายใต้แบรนด์”ซอลเจลล่า อูโม่” วางตำแหน่งเป็นเวชสำอาง นำเข้าจากประเทศอิตาลี ในคอนเซปต์ ทรีอินวัน ทริปเปิลแอคชั่น คูณ 3 เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชายพร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์”บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์”ลงในสื่อโฆษณาหนังสือพิมพ์และนิตยสาร รวมถึงเตรียมจัดคอนเสิร์ตตามหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ
ด้านช่องทางจำหน่ายซอลเจลล่า อูโม่ เจาะร้านขายยาสมัยเก่าและแบบใหม่สัดส่วน 50% และโมเดิร์นเทรด 50% โดยขนาด 100 มล.ราคา 194บาท ซึ่งในปีแรกบริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 5% จากมูลค่าตลาดครีมอาบน้ำสำหรับผู้ชาย 140ล้านบาท ปีนี้เติบโต 50% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีแบรนด์คู่แข่ง 2 รายหลัก คือ โชกุบุสซึ ซึ่งเป็นผู้นำตลาด และอาดิดาส ขณะที่ตลาดครีมอาบน้ำโดยรวม 2,700 ล้านบาท เติบโตกว่า 10% จากตลาดรวมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายมูลค่า 5,000 ล้านบาท
เภสัชกรหญิงภัสรา กล่าวว่า กลางปีนี้บริษัทได้เปิดตัวสินค้า 3 แบรนด์ ได้แก่ เบบี้ เจลล่า ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิงแบรนด์ โน ออร์ เดอร์ม่า และผลิตภัณฑ์ดูแลผู้ที่มีปัญหาผมร่วงแบรนด์ไบโอ ไทมัส เอฟ ทั้งนี้ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ของบริษัทโดยรวม 1,200ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้กลุ่มสินค้าเพอร์ซันนัลแคร์ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 40% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาในช่องทางโรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจกลุ่มยาและเพอร์ซันนัลแคร์ อันดับ 6 ในยุโรป
เภสัชกรหญิงภัสรา อรุณสมสิริ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท ร็อตต้าฟาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาจากอิตาลี กล่าวว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัท ต้องการขยายสินค้ากลุ่มของใช้ส่วนบุคคลเวชสำอางมากขึ้น จากเดิมธุรกิจหลักของบริษัทเน้นนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาเข้ามาทำตลาด แต่พบว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดยานำเข้าไม่เติบโตเนื่องจากมีบริษัทยาประเทศไทย สามารถผลิตยาได้ในราคาที่ถูกกว่านำเข้า ขณะที่สินค้ากลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์ ทำตลาดเมื่อปี 2543 ปรากฎว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ไม่ดีมากนัก ทำให้คนหันไปซื้อจากที่ผลิตในประเทศ เพราะมีราคาที่ถูกกว่า ขณะที่ยานำเข้าจะมีราคาที่สูงกว่า ส่งผลให้ตลาดยานำเข้าไม่เติบโต ดังนั้นบริษัทจึงต้องปรับตัว โดยการขยายพอร์ตโฟลิสินค้ากลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์”
สำหรับแผนในปี 2558 บริษัทวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้กลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์จาก 10% เป็น 30% ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาจาก 90% เป็นเหลือ 70% ดังนั้นแผนการตลาดปีนี้บริษัทเปิดตัว 4 แบรนด์ ล่าสุดได้เปิดตัวครีมอาบน้ำภายใต้แบรนด์”ซอลเจลล่า อูโม่” วางตำแหน่งเป็นเวชสำอาง นำเข้าจากประเทศอิตาลี ในคอนเซปต์ ทรีอินวัน ทริปเปิลแอคชั่น คูณ 3 เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชายพร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์”บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์”ลงในสื่อโฆษณาหนังสือพิมพ์และนิตยสาร รวมถึงเตรียมจัดคอนเสิร์ตตามหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ
ด้านช่องทางจำหน่ายซอลเจลล่า อูโม่ เจาะร้านขายยาสมัยเก่าและแบบใหม่สัดส่วน 50% และโมเดิร์นเทรด 50% โดยขนาด 100 มล.ราคา 194บาท ซึ่งในปีแรกบริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 5% จากมูลค่าตลาดครีมอาบน้ำสำหรับผู้ชาย 140ล้านบาท ปีนี้เติบโต 50% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีแบรนด์คู่แข่ง 2 รายหลัก คือ โชกุบุสซึ ซึ่งเป็นผู้นำตลาด และอาดิดาส ขณะที่ตลาดครีมอาบน้ำโดยรวม 2,700 ล้านบาท เติบโตกว่า 10% จากตลาดรวมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายมูลค่า 5,000 ล้านบาท
เภสัชกรหญิงภัสรา กล่าวว่า กลางปีนี้บริษัทได้เปิดตัวสินค้า 3 แบรนด์ ได้แก่ เบบี้ เจลล่า ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิงแบรนด์ โน ออร์ เดอร์ม่า และผลิตภัณฑ์ดูแลผู้ที่มีปัญหาผมร่วงแบรนด์ไบโอ ไทมัส เอฟ ทั้งนี้ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ของบริษัทโดยรวม 1,200ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้กลุ่มสินค้าเพอร์ซันนัลแคร์ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 40% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาในช่องทางโรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจกลุ่มยาและเพอร์ซันนัลแคร์ อันดับ 6 ในยุโรป