ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้บัญชาการเรือนจำภูเก็ตเพิ่มมาตรการแก้ปัญหาลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือ-ยาเสพติดเข้าเรือนจำ หลังเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาตรวจยึดได้อีกกว่า 20 เครื่อง เล่นพิเรนจับหนูผ่าท้องยัดโทรศัพท์โยนข้ามกำแพงรวมทั้งส่งทางไปรษณีย์ ขณะที่ตำรวจจัดสายตรวจดูแลประสานเรือนจำเข้าจู่โจมตรวจค้นบ่อยขึ้น
นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการเฝ้าระวังป้องกันการลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือเข้าเรือนจำเพื่อส่งให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้ทางเรือนจำภูเก็ตได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการเฝ้าระวังและตรวจสอบรวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้าตรวจค้นตลอดเวลา ซึ่งจากการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดในครั้งนี้ทำให้เดือนเม.ย.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือที่ลักลอบส่งเข้ามาในเรือนจำได้กว่า 20 เครื่อง ซึ่งมีทั้งที่โยนข้ามกำแพง และส่งทางไปรษณีย์เป็นพัสดุมาโดยซุกซ่อนมาในหนังสือ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่ามีวิธีการส่งโทรศัพท์มือถือที่พิสดารมากขึ้น เช่น การนำโทรศัพท์มือถือยัดเข้าไปในท้องหนูแล้วโยนข้ามกำแพงเข้ามา นำโทรศัพท์ใส่ในขวดครีมอาบน้ำ ยาสระผม และอื่นๆอีกหลายวิธี แต่จากการตรวจเข้มของเจ้าหน้าที่ทำให้สามารถตรวจยึดได้เป็นจำนวนมาก
เพราะฉะนั้นจึงอยากฝากเตือนในส่วนของญาติและเพื่อนของผู้ขังอย่างพยายามส่งโทรศัพท์เข้าไปในเรือนจำเพราะไม่ถึงมือผู้รับแน่นอน รวมทั้งเรื่องของยาเสพติดที่พยายามส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องแต่ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถสกัดจับได้ตลอด
นายระพินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการป้องกันนั้นขณะนี้ได้มีความเข้มงวดมากขึ้นรถทุกคันที่เข้าออกเรือนจำจะต้องมีสติกเกอร์ติด และหลังจากเวลา 17.00 น. คนนอกห้ามเข้า-ออก
นอกจากนั้น ขณะนี้ทางเรือนจำกำลังดำเนินการเพื่อขอเครื่องตรวจตัดสัญญาณมือถือมาใช้ในเรือนจำเพื่อป้องกันการลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา รวมทั้งเครื่องตรวจจับสารเสพติดด้วย เชื่อว่าถ้าได้มาปัญหาการลักลอบส่งโทรศัพท์เข้ามาในเรือนจำก็จะหมดไป
ขณะที่ พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ได้มีการประสานกับทางเรือนจำมาโดยตลอด ซึ่งหลังจากนี้ทางตำรวจจะร่วมกับทางเรือนจำในการจู่โจมตรวจค้นให้บ่อยขึ้น ซึ่งการตรวจค้นนั้นจะดำเนินการในเรื่องของการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องขังด้วย หากพบว่ามีสารเสพติดก็จะต้องดำเนินการเพิ่ม ส่วนการป้องกันการลักลอบโยนโทรศัพท์มือถือเข้าในเรือนจำนั้นก็ได้มีการจัดสายตรวจเฝ้าระวังเข้มขึ้น
นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการเฝ้าระวังป้องกันการลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือเข้าเรือนจำเพื่อส่งให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้ทางเรือนจำภูเก็ตได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการเฝ้าระวังและตรวจสอบรวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้าตรวจค้นตลอดเวลา ซึ่งจากการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดในครั้งนี้ทำให้เดือนเม.ย.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือที่ลักลอบส่งเข้ามาในเรือนจำได้กว่า 20 เครื่อง ซึ่งมีทั้งที่โยนข้ามกำแพง และส่งทางไปรษณีย์เป็นพัสดุมาโดยซุกซ่อนมาในหนังสือ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่ามีวิธีการส่งโทรศัพท์มือถือที่พิสดารมากขึ้น เช่น การนำโทรศัพท์มือถือยัดเข้าไปในท้องหนูแล้วโยนข้ามกำแพงเข้ามา นำโทรศัพท์ใส่ในขวดครีมอาบน้ำ ยาสระผม และอื่นๆอีกหลายวิธี แต่จากการตรวจเข้มของเจ้าหน้าที่ทำให้สามารถตรวจยึดได้เป็นจำนวนมาก
เพราะฉะนั้นจึงอยากฝากเตือนในส่วนของญาติและเพื่อนของผู้ขังอย่างพยายามส่งโทรศัพท์เข้าไปในเรือนจำเพราะไม่ถึงมือผู้รับแน่นอน รวมทั้งเรื่องของยาเสพติดที่พยายามส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องแต่ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถสกัดจับได้ตลอด
นายระพินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการป้องกันนั้นขณะนี้ได้มีความเข้มงวดมากขึ้นรถทุกคันที่เข้าออกเรือนจำจะต้องมีสติกเกอร์ติด และหลังจากเวลา 17.00 น. คนนอกห้ามเข้า-ออก
นอกจากนั้น ขณะนี้ทางเรือนจำกำลังดำเนินการเพื่อขอเครื่องตรวจตัดสัญญาณมือถือมาใช้ในเรือนจำเพื่อป้องกันการลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา รวมทั้งเครื่องตรวจจับสารเสพติดด้วย เชื่อว่าถ้าได้มาปัญหาการลักลอบส่งโทรศัพท์เข้ามาในเรือนจำก็จะหมดไป
ขณะที่ พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ได้มีการประสานกับทางเรือนจำมาโดยตลอด ซึ่งหลังจากนี้ทางตำรวจจะร่วมกับทางเรือนจำในการจู่โจมตรวจค้นให้บ่อยขึ้น ซึ่งการตรวจค้นนั้นจะดำเนินการในเรื่องของการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องขังด้วย หากพบว่ามีสารเสพติดก็จะต้องดำเนินการเพิ่ม ส่วนการป้องกันการลักลอบโยนโทรศัพท์มือถือเข้าในเรือนจำนั้นก็ได้มีการจัดสายตรวจเฝ้าระวังเข้มขึ้น
