ASTVผู้จัดการรายวัน – มั่นคงฯ พับแผนเปิดคอนโดมิเนียมย่านประชาชื่น หลังผลศึกษาพบ แออัด คมนาคมไม่สะดวก สิ่งอำนวยความสะดวกน้อย เล็งซื้อที่ดินเพิ่มพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์แทน แจงยอดขาย 2 เดือนเกือบ 600 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อยเหตุไม่มีโครงการเปิดใหม่ ไตรมาส 2 เตรียมเปิดบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ ย่านท่าอิฐหวังดันยอดขายตามเป้าหมาย
นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่รวม 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ DEN Vibhavadi ย่านหลักสี่ และอีก 1 โครงการในย่านประชาชื่น ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าวได้ซื้อที่ดินเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2553 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่บริษัทได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในย่านหลักสี่ พบว่า มีความต้องการจำนวนมาก ทำให้บริษัทตัดสินใจพัฒนาและเปิดตัวโครงการ DEN Vibhavadi หลักสี่ไปแล้ว และได้มีการศึกษารูปแบบและความต้องการซ้ำในพื้นที่ประชาชื่นพบว่า ทำเลดังกล่าวไม่เหมาะสมกับการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดฯ เนื่องจากเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่น การเดินไม่สะดวกสบาย ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการซื้อคอนโดฯอยู่อาศัย ที่ต้องการ การเดินทางที่สะดวกสบาย อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ดังนั้น บริษัทจึงมีการปรับแผนจากการพัฒนาคอนโดฯ เป็นการพัฒนาโครงการประเภททาวน์เฮาส์แทน อย่างไรก็ตามเนื่องจากที่ดินที่มีอยู่เดิมนั่นมีพื้นที่ขนาดเล็กโดยมีพื้นที่เพียง 1 ไร่เศษเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินไปที่จะพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ได้ จึงตัดสินใจชะลอการพัฒนาออกไปก่อนเพื่อรอซื้อที่ดินในบริเวณใกล้เคียงเพิ่มเติมให้มีขนาดพื้นที่เหมาะสมกับการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ได้
“สำหรับแผนพัฒนาคอนโดฯย่านประชาชื่นนั้น เดิมบริษัทซื้อที่ดินเข้ามาในราคา 30-40 ล้านบาท แต่เนื่องจากระบบคมนาคมและการอยู่อาศัยค่อนข้างหนาแน่นทำให้ต้องปรับโปรดักส์ใหม่ โดยจะพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ ขณะที่ขนาดที่ดินเล็กเกินกว่าที่จะพัมนาทาวน์เฮาส์ได้ จึงต้องหาซื้อที่ดินเพิ่มทำให้ต้องชะลอแผนพัฒนาที่ดินแปลงนี้ออกไปก่อน”
นายชูเกียรติ กล่าวต่อว่า จากการชะลอการพัฒนาโครงการดังกล่าวออกไปทำให้ในปีนี้บริษัททจะมีโครงการคอนโดฯออกมาขายเพียง 1 โครงการเท่านั้น คือโครงการ DEN Vibhavadi ซึ่งมีขนาดพื้นที่เริ่มต้น 28.5-38.65ตร.ม. ราคาเริ่มต้น1.08 ล้านบาท บนพื้นที่พัฒนาโครงการ 7 ไร่ มูล มูลค่าโครงการรวม 810 ล้านบาท ก่อสร้างเป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคารรวม 706 ยูนิตตั้งอยู่เลียบถนนวิภาวดี -รังสิต ย่านหลักสี่
ทั้งนี้หลังจากเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม DEN Vibhavadi ในช่วงต้นไตรมาสแรก ซึ่งบริษัททยอยเปิดขายอาคารแรก จำนวน 200 ยูนิตเศษ ไปแล้วปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีโดยมียอดขายแล้ว 190 ยูนิต ดังนั้นเพื่อรองรับความต้องการที่ต่อเนื่องบริษัทจึงเปิดขายอาคารที่ 2 ต่อทันที โดยในอาคารที่ 2 นี้มีจำนวน 200 ยูนิตเศษ เช่นกัน คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในระหว่างไตรมาสที่ 3-4 นี้ และในช่วงไตรมาสที่ 2 ต่อเนื่องไตรมาส 3 นี้มีแผนจะเปิดขายอาคารที่ 3 ในโครงการดังกล่าวเพื่อให้สามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ในสิ้นปีนี้ โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถโอนห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2555
อย่างไรก็ตามแผนพัฒนาโครงการของบริษัทในปีนี้ยังคงเน้นโครงการประเภทแนวราบเป็นหลัก โดยในไตรมาสที่ 2 บริษัทเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวในย่านท่าอิฐ ใกล้กับสะพานพระนั่งเกล้า ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพทำเลใหม่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ โดยโครงการดังกล่าวมีพื้นที่การพัฒนา 20 ไร่และจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่จำนวน 100 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีมูลค่าโครงการ 400 ล้านบาทเศษ
นายชูเกียรติ กล่าวอีกว่าสำหรับในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาแม้ว่าจะการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดีจากโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ โดยมียอดขายแล้วประมาณ 500-600 ล้านบาท แต่ยังถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้ ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกนี้ยังไม่ยอดขายโครงการที่เปิดใหม่เข้ามา แต่หลังจากไตรมาสที่ 2 ซึ่งบริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายให้เป็นไปได้ตามที่วางไว้ โดยตั้งเป้ารับรู้รายได้ปี 54 จำนวน 3,200 ล้านบาท
นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่รวม 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ DEN Vibhavadi ย่านหลักสี่ และอีก 1 โครงการในย่านประชาชื่น ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าวได้ซื้อที่ดินเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2553 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่บริษัทได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในย่านหลักสี่ พบว่า มีความต้องการจำนวนมาก ทำให้บริษัทตัดสินใจพัฒนาและเปิดตัวโครงการ DEN Vibhavadi หลักสี่ไปแล้ว และได้มีการศึกษารูปแบบและความต้องการซ้ำในพื้นที่ประชาชื่นพบว่า ทำเลดังกล่าวไม่เหมาะสมกับการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดฯ เนื่องจากเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่น การเดินไม่สะดวกสบาย ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการซื้อคอนโดฯอยู่อาศัย ที่ต้องการ การเดินทางที่สะดวกสบาย อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ดังนั้น บริษัทจึงมีการปรับแผนจากการพัฒนาคอนโดฯ เป็นการพัฒนาโครงการประเภททาวน์เฮาส์แทน อย่างไรก็ตามเนื่องจากที่ดินที่มีอยู่เดิมนั่นมีพื้นที่ขนาดเล็กโดยมีพื้นที่เพียง 1 ไร่เศษเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินไปที่จะพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ได้ จึงตัดสินใจชะลอการพัฒนาออกไปก่อนเพื่อรอซื้อที่ดินในบริเวณใกล้เคียงเพิ่มเติมให้มีขนาดพื้นที่เหมาะสมกับการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ได้
“สำหรับแผนพัฒนาคอนโดฯย่านประชาชื่นนั้น เดิมบริษัทซื้อที่ดินเข้ามาในราคา 30-40 ล้านบาท แต่เนื่องจากระบบคมนาคมและการอยู่อาศัยค่อนข้างหนาแน่นทำให้ต้องปรับโปรดักส์ใหม่ โดยจะพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ ขณะที่ขนาดที่ดินเล็กเกินกว่าที่จะพัมนาทาวน์เฮาส์ได้ จึงต้องหาซื้อที่ดินเพิ่มทำให้ต้องชะลอแผนพัฒนาที่ดินแปลงนี้ออกไปก่อน”
นายชูเกียรติ กล่าวต่อว่า จากการชะลอการพัฒนาโครงการดังกล่าวออกไปทำให้ในปีนี้บริษัททจะมีโครงการคอนโดฯออกมาขายเพียง 1 โครงการเท่านั้น คือโครงการ DEN Vibhavadi ซึ่งมีขนาดพื้นที่เริ่มต้น 28.5-38.65ตร.ม. ราคาเริ่มต้น1.08 ล้านบาท บนพื้นที่พัฒนาโครงการ 7 ไร่ มูล มูลค่าโครงการรวม 810 ล้านบาท ก่อสร้างเป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคารรวม 706 ยูนิตตั้งอยู่เลียบถนนวิภาวดี -รังสิต ย่านหลักสี่
ทั้งนี้หลังจากเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม DEN Vibhavadi ในช่วงต้นไตรมาสแรก ซึ่งบริษัททยอยเปิดขายอาคารแรก จำนวน 200 ยูนิตเศษ ไปแล้วปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีโดยมียอดขายแล้ว 190 ยูนิต ดังนั้นเพื่อรองรับความต้องการที่ต่อเนื่องบริษัทจึงเปิดขายอาคารที่ 2 ต่อทันที โดยในอาคารที่ 2 นี้มีจำนวน 200 ยูนิตเศษ เช่นกัน คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในระหว่างไตรมาสที่ 3-4 นี้ และในช่วงไตรมาสที่ 2 ต่อเนื่องไตรมาส 3 นี้มีแผนจะเปิดขายอาคารที่ 3 ในโครงการดังกล่าวเพื่อให้สามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ในสิ้นปีนี้ โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถโอนห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2555
อย่างไรก็ตามแผนพัฒนาโครงการของบริษัทในปีนี้ยังคงเน้นโครงการประเภทแนวราบเป็นหลัก โดยในไตรมาสที่ 2 บริษัทเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวในย่านท่าอิฐ ใกล้กับสะพานพระนั่งเกล้า ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพทำเลใหม่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ โดยโครงการดังกล่าวมีพื้นที่การพัฒนา 20 ไร่และจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่จำนวน 100 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีมูลค่าโครงการ 400 ล้านบาทเศษ
นายชูเกียรติ กล่าวอีกว่าสำหรับในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาแม้ว่าจะการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดีจากโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ โดยมียอดขายแล้วประมาณ 500-600 ล้านบาท แต่ยังถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้ ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกนี้ยังไม่ยอดขายโครงการที่เปิดใหม่เข้ามา แต่หลังจากไตรมาสที่ 2 ซึ่งบริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายให้เป็นไปได้ตามที่วางไว้ โดยตั้งเป้ารับรู้รายได้ปี 54 จำนวน 3,200 ล้านบาท