ASTVผู้จัดการรายวัน – “ไอริส” ปรับรูปแบบลงทุน หลังจับเฉพาะลูกค้าตลาดกลาง-บน หันพัฒนาตามความต้องการของตลาด ล่าสุดลงทุนคอนโดฯบีโอไอ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เผยแผนลงทุนปี 54 เปิด 4 โครงการมูลค่าลงทุน 3,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 1,400 ล้านบาท
นายกิตติพงษ์ สุมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอริส กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทว่า ในปีนี้ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่าลงทุน 3,000 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท ซึ่งได้แก่ 1.ไอริส แอเวนิว อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ คอนโดมิเนียมบีโอไอ บนเนื้อที่ 13 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารสูง 8 ชั้นจำนวน 5 อาคาร จำนวน 1,179 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,170 ล้านบาท เป็นห้องสตูดิโอ พื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร ราคา 8.6-9.9 แสนบาท/ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,290 ล้านบาท บนทำเลถนนลาดกระบัง ใกล้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ สถานีลาดกระบัง โดยเปิดขายอย่างไม่เป็นทางการเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เน้นกลุ่มลูกค้าที่พักอาศัยหรือทำงานในย่านลาดกะบัง ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 100 ยูนิต โครงการนี้ได้รับสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการจากธนาคารไทยพาณิชย์ฯ จำนวน 400 ล้านบาท
2. โครงการเวนิส บาย ไอริส ถนนวัชรพล-พหลโยธิน ใกล้ทางด่วนสุขาภิบาล 5 เนื้อที่ 40 ไร่ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน พัฒนาในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ แบบวันสต็อปเซอร์วิส พื้นที่ให้เช่ารวม 8,000 ตร.ม. มูลค่าการลงทุน 340 ล้านบาท ส่วนที่ 2 พัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น จำนวน 265 ยูนิต ราคาประมาณ 4-5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,290 ล้านบาท เน้นกลุ่มSME
ส่วนอีก 2 โครงการที่เหลือคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ได้แก่ โครงการคอนโดฯบีโอไอ สูงไม่เกิน 8 ชั้น ราคาใกล้เคียงกับโครงการไอริส แอเวนิว หรือไม่เกิน 1 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ในย่านบางใหญ่ ติดรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีบางใหญ่ และโครงการ 4 เป็นทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ในย่านสมุทรปราการ
สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา มียอดขาย 600 ล้านบาท ในขณะที่มียอดรับรู้รายได้ 1,700 ล้านบาท เนื่องจากมียอดโอนจากคอนโดฯดิ ไอริสพัฒนาการ และทาวน์เฮาส์ ไอริส พาร์ค ปัจจุบันมียอดเหลือขายประมาณ 70 ยูนิตมูค่า 140 ล้านบาท ส่วนดิ ไอริส มียอดเหลือขาย 30 ยูนิต มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท
นายกิตติพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในปี 54 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,400 ล้านบาท เป้าหมายรับรู้รายได้ 450 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยอมรับว่ายอดรับรู้รายได้ของบริษัทในแต่ละปีไม่นิ่ง เนื่องจากการเปิดตัวสินค้าไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาคอนโดฯทำให้การรับรู้รายได้ช้ากว่าแนวราบ ดังนั้น นับจากนี้ไปบริษัทจะรักษาระดับรายได้ให้มีการเติบโตและสม่ำเสมอ ด้วยการบริหารการลงทุนทั้งแนวราบและแนวสูงในสัดส่วนใกล้เคียงกันประมาณ 50:50
นายกิตติพงษ์ สุมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอริส กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทว่า ในปีนี้ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่าลงทุน 3,000 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท ซึ่งได้แก่ 1.ไอริส แอเวนิว อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ คอนโดมิเนียมบีโอไอ บนเนื้อที่ 13 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารสูง 8 ชั้นจำนวน 5 อาคาร จำนวน 1,179 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,170 ล้านบาท เป็นห้องสตูดิโอ พื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร ราคา 8.6-9.9 แสนบาท/ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,290 ล้านบาท บนทำเลถนนลาดกระบัง ใกล้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ สถานีลาดกระบัง โดยเปิดขายอย่างไม่เป็นทางการเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เน้นกลุ่มลูกค้าที่พักอาศัยหรือทำงานในย่านลาดกะบัง ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 100 ยูนิต โครงการนี้ได้รับสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการจากธนาคารไทยพาณิชย์ฯ จำนวน 400 ล้านบาท
2. โครงการเวนิส บาย ไอริส ถนนวัชรพล-พหลโยธิน ใกล้ทางด่วนสุขาภิบาล 5 เนื้อที่ 40 ไร่ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน พัฒนาในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ แบบวันสต็อปเซอร์วิส พื้นที่ให้เช่ารวม 8,000 ตร.ม. มูลค่าการลงทุน 340 ล้านบาท ส่วนที่ 2 พัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น จำนวน 265 ยูนิต ราคาประมาณ 4-5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,290 ล้านบาท เน้นกลุ่มSME
ส่วนอีก 2 โครงการที่เหลือคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ได้แก่ โครงการคอนโดฯบีโอไอ สูงไม่เกิน 8 ชั้น ราคาใกล้เคียงกับโครงการไอริส แอเวนิว หรือไม่เกิน 1 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ในย่านบางใหญ่ ติดรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีบางใหญ่ และโครงการ 4 เป็นทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ในย่านสมุทรปราการ
สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา มียอดขาย 600 ล้านบาท ในขณะที่มียอดรับรู้รายได้ 1,700 ล้านบาท เนื่องจากมียอดโอนจากคอนโดฯดิ ไอริสพัฒนาการ และทาวน์เฮาส์ ไอริส พาร์ค ปัจจุบันมียอดเหลือขายประมาณ 70 ยูนิตมูค่า 140 ล้านบาท ส่วนดิ ไอริส มียอดเหลือขาย 30 ยูนิต มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท
นายกิตติพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในปี 54 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,400 ล้านบาท เป้าหมายรับรู้รายได้ 450 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยอมรับว่ายอดรับรู้รายได้ของบริษัทในแต่ละปีไม่นิ่ง เนื่องจากการเปิดตัวสินค้าไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาคอนโดฯทำให้การรับรู้รายได้ช้ากว่าแนวราบ ดังนั้น นับจากนี้ไปบริษัทจะรักษาระดับรายได้ให้มีการเติบโตและสม่ำเสมอ ด้วยการบริหารการลงทุนทั้งแนวราบและแนวสูงในสัดส่วนใกล้เคียงกันประมาณ 50:50