รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า สำหรับงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ได้มีการดำเนินการจัดเตรียม และได้เสนอไปยังครม.แล้วเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา โดย กกต.เสนองบในการจัดการเลือกตั้งในปี 2555 ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ที่ทางกกต.จะต้องจัดเตรียมไว้เพื่อจัดการเลือกตั้งส.ส.ที่จะครบวาระเดือน ธ.ค.54 นี้ โดย กกต.ได้มีการจัดทำแผนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งประมาณ 3,817 ล้านบาท แต่ก่อนที่จะมีการดำเนินการจัดทำการของบประมาณฯไปนั้นทางสำนักงบประมาณได้มีการประสานมาเป็นการภายในแล้ว ในเรื่องของการจัดการเลือกตั้งที่คาดการณ์กันว่า จะมีการแข่งขันกันสูง ให้กกต.จัดทำแผนการในการดำเนินการ เพื่อให้ผลการเลือกตั้ง เป็นที่ยอมรับในสายตามประชาชนกับทุกภาคส่วน
ซึ่งสอดคล้องกับ กกต.ที่ต้องการจัดการเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเป็นที่ยอมรับกับทุกภาคส่วนเช่นกัน ทำให้กกต.เองก็เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะต้องมีการบูรณาการจัดการเลือกตั้งแบบเชิงรุก ไม่ตั้งรับเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา จึงทำให้การของบประมาณในครั้งนี้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา กว่าเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม การขอนี้เป็นการขอตามขั้นตอนของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 55 ที่ กกต.จะต้องมีการจัดการเลือกตั้งถ้ารัฐบาลอยู่จนครบวาระ แต่หากรัฐบาลยุบสภาก่อนเราก็ต้องของเงินจำนวนนี้จากงบประมาณกลางของปี54 ออกมาจัดการเลือกตั้งก่อน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า งบประมาณที่ กกต.ขอไปครั้งนี้แยกเป็นในส่วนของบริหารกลาง 284 ล้านบาท ด้านบริหารงานเลือกตั้ง 1,742 ล้านบาท ด้านการมีส่วนร่วม 645 ล้านบาท ด้านกิจการสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัยประมาณ 500 กว่าล้านบาท ด้านกิจการพรรคการเมือง 18 ล้านบาท และงบสนับสนุนหน่วยงานอื่น ประมาณ 623 ล้านบาท
แต่ที่น่าจับตามองคือการเพิ่มงบในส่วนของด้านสืบสวนสอบสวนฯนั้น ได้ของบประมาณเพิ่มมากกว่าครั้งที่ผ่านมา จากเดิมเมื่อการเลือกตั้งที่ผ่านมาใช้งบไปไม่ถึง 100 ล้านบาท แต่ครั้งนี้ขอเพิ่มกว่า 400 ล้านบาท กับการบูรณาการจัดการด้านสืบสวนสอบสวนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเน้นในเรื่องของการป้องปราม ดูแลผู้สมัคร และผู้ที่ทำหน้าที่ และประชาชนให้ปลอดภัย และเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม ทำงานเชิงรุกกมากขึ้น
**ปชป.ระดมเงินอ้างทุนเล็กสู้ทุนใหญ่
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่ 8 มี.ค.นี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะจัดงานระดมทุน โดยพรรคได้สื่อไปยังผู้สนับสนุนทั้งภาคเอกชน ประชาชน และภาคธุรกิจ ด้วยรูปแบบเอกสาร “เชื่อมั่นปะเทศไทย ช่วยเรา ช่วยชาติ ช่วยประชาขน” ในฐานะที่พรรคมีอุดมการณ์และไม่ต้องการให้มีนายทุนเข้ามาครอบงำทางการเมือง พรรคจึงได้จัดส่งเอกสารที่แสดงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาประเทศ ไปยังผู้สนับสนุนพรรคทั้งประเทศ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง
ทั้งนี้ เชื่อว่างานดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานในการระดมทุนจากผู้สนับสนุนวงกว้าง มากกว่าให้นายทุนเข้ามาครอบงำ จนพาชาติไปสู่ทางตัน โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ จะเป็นประธานในการจัดงาน และสื่อผสม “ หัวข้อ 65 ปี ประชาธิปัตย์ สร้างอนาคตไทยด้วยใจด้วยกัน” ซึ่งส่วนดังกล่าวจะแยกเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ รวมถึงการปาฐกถา เพื่อให้เห็นถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาประเทศ โดยเฉพาะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งจะให้มีการเพิ่มรายได้ ค่าแรงขั้นต่ำ และการประกันรายได้เกษตรกร เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่งคง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ที่จะเพิ่มให้เพียงพอต่อผู้ใช้แรงงาน เพื่อยกระดับแรงงานไทยไปสู่การแข่งขัน รวมทั้งจะดูฐานเงินเดือนที่จะปรับให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ส่วนการสร้างความปรองดองนั้น ซึ่งกระบวนการดังกล่าว จะนำไปสู่อนาคตประชาธิปไตยที่มั่นคง และอยู่ร่วมกันโดยไม่มีความรุนแรง แม้มีความเห็นต่างกันก็ตาม ซึ่งทั้ง 2 ส่วน จะอยู่ในกรอบนโยบายที่จะพาประเทศชาติไปสู่ความยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า โดยพรรค จะรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน เพื่อประกอบเป็นนโยบายก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนครั้งใหญ่
**อัด"มาร์ค"บีบเอกชนซื้อโต๊ะ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์จัดงานระดมทุนในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยตั้งเป้าเอาไว้ที่ 600 ล้านบาท จากการขายโต๊ะ 300 โต๊ะว่าน่าจะมีการใช้อำนาจรัฐ ไปขายโต๊ะให้กับภาคเอกชน 2 ล้านบาทบ้าง 3 ล้านบาทบ้าง เพราะมีภาคเอกชนหลาย ๆ คน ติดต่อเข้ามาว่า พวกเขาเดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้ ตนขอถามไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะถือว่าไม่ถูกต้อง รวมไปถึงอาจจะมีการเอื้อประโยชน์กันในการดำเนินการครั้งนี้
ซึ่งสอดคล้องกับ กกต.ที่ต้องการจัดการเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเป็นที่ยอมรับกับทุกภาคส่วนเช่นกัน ทำให้กกต.เองก็เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะต้องมีการบูรณาการจัดการเลือกตั้งแบบเชิงรุก ไม่ตั้งรับเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา จึงทำให้การของบประมาณในครั้งนี้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา กว่าเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม การขอนี้เป็นการขอตามขั้นตอนของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 55 ที่ กกต.จะต้องมีการจัดการเลือกตั้งถ้ารัฐบาลอยู่จนครบวาระ แต่หากรัฐบาลยุบสภาก่อนเราก็ต้องของเงินจำนวนนี้จากงบประมาณกลางของปี54 ออกมาจัดการเลือกตั้งก่อน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า งบประมาณที่ กกต.ขอไปครั้งนี้แยกเป็นในส่วนของบริหารกลาง 284 ล้านบาท ด้านบริหารงานเลือกตั้ง 1,742 ล้านบาท ด้านการมีส่วนร่วม 645 ล้านบาท ด้านกิจการสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัยประมาณ 500 กว่าล้านบาท ด้านกิจการพรรคการเมือง 18 ล้านบาท และงบสนับสนุนหน่วยงานอื่น ประมาณ 623 ล้านบาท
แต่ที่น่าจับตามองคือการเพิ่มงบในส่วนของด้านสืบสวนสอบสวนฯนั้น ได้ของบประมาณเพิ่มมากกว่าครั้งที่ผ่านมา จากเดิมเมื่อการเลือกตั้งที่ผ่านมาใช้งบไปไม่ถึง 100 ล้านบาท แต่ครั้งนี้ขอเพิ่มกว่า 400 ล้านบาท กับการบูรณาการจัดการด้านสืบสวนสอบสวนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเน้นในเรื่องของการป้องปราม ดูแลผู้สมัคร และผู้ที่ทำหน้าที่ และประชาชนให้ปลอดภัย และเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม ทำงานเชิงรุกกมากขึ้น
**ปชป.ระดมเงินอ้างทุนเล็กสู้ทุนใหญ่
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่ 8 มี.ค.นี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะจัดงานระดมทุน โดยพรรคได้สื่อไปยังผู้สนับสนุนทั้งภาคเอกชน ประชาชน และภาคธุรกิจ ด้วยรูปแบบเอกสาร “เชื่อมั่นปะเทศไทย ช่วยเรา ช่วยชาติ ช่วยประชาขน” ในฐานะที่พรรคมีอุดมการณ์และไม่ต้องการให้มีนายทุนเข้ามาครอบงำทางการเมือง พรรคจึงได้จัดส่งเอกสารที่แสดงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาประเทศ ไปยังผู้สนับสนุนพรรคทั้งประเทศ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง
ทั้งนี้ เชื่อว่างานดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานในการระดมทุนจากผู้สนับสนุนวงกว้าง มากกว่าให้นายทุนเข้ามาครอบงำ จนพาชาติไปสู่ทางตัน โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ จะเป็นประธานในการจัดงาน และสื่อผสม “ หัวข้อ 65 ปี ประชาธิปัตย์ สร้างอนาคตไทยด้วยใจด้วยกัน” ซึ่งส่วนดังกล่าวจะแยกเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ รวมถึงการปาฐกถา เพื่อให้เห็นถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาประเทศ โดยเฉพาะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งจะให้มีการเพิ่มรายได้ ค่าแรงขั้นต่ำ และการประกันรายได้เกษตรกร เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่งคง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ที่จะเพิ่มให้เพียงพอต่อผู้ใช้แรงงาน เพื่อยกระดับแรงงานไทยไปสู่การแข่งขัน รวมทั้งจะดูฐานเงินเดือนที่จะปรับให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ส่วนการสร้างความปรองดองนั้น ซึ่งกระบวนการดังกล่าว จะนำไปสู่อนาคตประชาธิปไตยที่มั่นคง และอยู่ร่วมกันโดยไม่มีความรุนแรง แม้มีความเห็นต่างกันก็ตาม ซึ่งทั้ง 2 ส่วน จะอยู่ในกรอบนโยบายที่จะพาประเทศชาติไปสู่ความยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า โดยพรรค จะรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน เพื่อประกอบเป็นนโยบายก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนครั้งใหญ่
**อัด"มาร์ค"บีบเอกชนซื้อโต๊ะ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์จัดงานระดมทุนในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยตั้งเป้าเอาไว้ที่ 600 ล้านบาท จากการขายโต๊ะ 300 โต๊ะว่าน่าจะมีการใช้อำนาจรัฐ ไปขายโต๊ะให้กับภาคเอกชน 2 ล้านบาทบ้าง 3 ล้านบาทบ้าง เพราะมีภาคเอกชนหลาย ๆ คน ติดต่อเข้ามาว่า พวกเขาเดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้ ตนขอถามไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะถือว่าไม่ถูกต้อง รวมไปถึงอาจจะมีการเอื้อประโยชน์กันในการดำเนินการครั้งนี้
