xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้น!ศาลวันนี้ชี้ขาดกม.มั่นคงโมฆะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลนัดฟังกฎหมายความมั่นคงเป็นโมฆะวันนี้ พธม.อัดรัฐบาล ปล่อยข่าวรื้อส้วมหวังให้ผู้ชุมนุมเดือดร้อน “นครบาล”ปัดรื้อส้วมเป็นหน้าที่กทม. “บิ๊กเปี๊ยก” อ้างต้องเดินหน้าขอคืนพื้นที่ แนะพันธมิตรฯ กลับบ้าน

วานนี้(3 มี.ค.)ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ แถลงถึงกรณีที่รัฐบาลยึดคืนพื้นที่ถนน 2 เลนสะท้อนให้เห็นว่าวิธีคิดของนายอภิสิทธิ์ยังขาดวุฒิภาวะ เพราะชัดเจนว่าพื้นที่นี้ไม่ได้มีการจราจรอย่างคับคั่งหรือสามารถบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดได้เลย ทั้งยังเห็นได้จากการที่วันที่ 2 มี.ค. ที่นายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ พร้อมด้วยมวลชนประมาณ 10 คน พยายามไปหานายอภิสิทธิ์ที่บ้าน ซ.สุขุมวิท 31 แต่นายอภิสิทธิ์กลับตัดสินปิดการจราจรทั้งซอย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ร้านค้า โรงแรมที่อยู่ในซอย ซึ่งขณะนี้ทางฝั่งกัมพูชามองว่านายฮุนเซน นายกฯกัมพูชาเป็นวีรบุรุษ 4.6 ตร.กม. เพราะสามารถยึดครองดินแดนจากไทยได้แล้ว ขณะที่นายอภิสิทธิ์เป็นได้เพียงวีรบุรุษ 2 เลนเท่านั้น

“ถือเป็นความไร้มาตรฐานของนายอภิสิทธิ์ในการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ไม่มีจิตใจเป็นประชาธิปไตย ที่มายึดพื้นที่จากประชาชนที่มาชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวที่เมื่อประชาชนจะไปพบที่บ้าน กลับปิดการจราจรทั้งซอยสวัสดี แต่กลับกันเมื่อพันธมิตรฯอ้างเรื่องความปลอดภัยกลับปฏิเสธ และสั่งการให้มายึดพื้นที่คืน” โฆษกพันธมิตรฯกล่าว

**อัดรัฐต้องรื้อส้วมหวังให้เดือดร้อน

ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีการรื้อสุขาที่อยู่ริมรั้วกระทรวงศึกษาธิการนั้น ว่าหากมารื้อก็จะทำให้ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งประชาชนก็จะเป็นผู้ร้องขอเจ้าหน้าที่ไม่ให้มีการรื้อถอนเอง เราคงไม่ต้องวางกำลังมารักษาห้องสุขา เพราะรู้ว่ารัฐบาลพยายามทำให้เราเดือดร้อน เพื่อให้เรายุติการชุมนุม

**ตำรวจประสานกทม.เตรียมรื้อ

วันเดียวกันเมื่อเวลา 11.30 น.พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) สร้างบ่อเกรอะ หรือบ่อซึม เพื่อเก็บอุจจาระและปัสสาวะไว้บริเวณถนนราชดำเนินว่า ภายหลังจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ทำการขอเปิดเส้นทางจราจรถนนราชดำเนินนอกฝั่งคู่ขนานกระทรวงศึกษาธิการเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีส้วมและมีถังปฏิกูลอยู่ตามทางเท้าศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) จึงได้ประสานงานกับทางปลัดกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ดำเนินการกับบ่อเกรอะหรือบ่อซึมดังกล่าว
 
โดยเบื้องต้น ศอ.รส. ได้ประสานงานไปยังปลัด กทม.แล้ว ต่อจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของทาง กทม.ดำเนินการต่อไป ซึ่งอาจจะมีหนังสือส่งไปยังทางกลุ่ม พธม. เพื่อให้ทำการรื้อถอนก่อน แต่ถ้าหากกลุ่ม พธม. ยังไม่ปฏิบัติตาม ก็จะให้เจ้าหน้าที่ของ กทม.ทำการเข้าไปรื้อถอนแทน

วันเดียวกันพล.ต.ต.วิชัยได้ไปเจรจากับสมณะโพธิรักษ์ เพื่อขอพื้นที่เส้นทางจราจรเพิ่มเติม และจะขอตรวจค้นพื้นที่การชุมนุมด้วย

** ตร.ปัดรื้อส้วม-เป็นหน้าที่กทม.

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวช่วงบ่ายว่า เป็นหน้าที่ของ กทม.ที่จะประสานกับกลุ่มผู้ชุมนุมในการรื้อถอน โดยขั้นตอนอาจมีหนังสือแจ้งไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อให้ดำเนินการรื้อถอนเองก่อน ถ้าหากทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ยินยอมทาง กทม.อาจต้องเข้าไปดำเนินการรื้อถอนเองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในส่วนของตำรวจถ้าหากผู้ชุมนุมไม่ยินยอมให้ทาง กทม.เข้าไปดำเนินการรื้อถอนก็สามารถประสานขอกำลังตำรวจเข้าไปเจรจา ดูแลในการดำเนินการได้เกิดความเรียบร้อย

**ผบ.ตร.สั่งฟ้องคดีบุกสนามบิน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.กล่าวถึงการพิจารณาสั่งฟ้องคดีที่กลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมหน้าสนามบินและสถานที่ราชการว่า สำหรับคดีดังกล่าวคาดว่าจะสามารถสั่งฟ้องต่ออัยการได้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากมีผู้ต้องหาบางรายที่จะถูกฝากขังครบผลัดที่ 4 ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ ประกอบกับตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวก็กำลังเร่งสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นอยู่ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะสั่งฟ้องได้ในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า

**เดินหน้าขอคืนพื้นที่

พล.ต.อ.วิเชียรยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯรอบทำเนียบรัฐบาลว่า สำหรับการขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลนั้น ตอนนี้คงต้องค่อยๆ คลี่คลายไป แต่ทาง ศอ.รส.มีนโยบายว่า การปฏิบัติงานต้องยึดหลักกฎหมายและความเสมอภาคเป็นหลัก ถึงแม้ตอนนี้กลุ่มพันธมิตรฯ จะยอมคืนพื้นที่บางส่วนบริเวณถนนราชดำเนินนอก ฝั่งถนนคู่ขนานหน้ากระทรวงศึกษาธิการ แต่ผู้ชุมนุมก็ยังไม่ยินยอมให้มีการรื้อถอนบ่อเก็บสิ่งปฏิกูลที่ถูกก่อสร้างอยู่บริเวณพื้นผิวการจราจร โดยตอนนี้ทาง ตร.ก็ได้ประสานงานไปยังกรุงเทพมหานครให้เข้ามารื้อถอนและดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อที่ผู้สัญจรผ่านไปมาบริเวณดังกล่าวจะได้รับความสะดวกมากขึ้น ส่วนการชุมนุมของกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐและถนนพิษณุโลกนั้น ตอนนี้ถือว่ามีจำนานผู้ชุมนุมไม่มากเท่าที่ควร ประกอบกับพื้นที่การชุมนุมได้กีดขวางทางเข้าออกทำเนียบฯ จึงอยากให้ผู้ชุมนุมเปิดพื้นที่บริเวณทางเข้าออกดังกล่าวด้วย

**แนะพันธมิตรฯ ควรกลับบ้าน

“หลังจากผู้ชุมนุมประมาณ 2,000-3,000 คน มาปักหลักชุมนุมและประกาศข้อเรียกร้องให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบความต้องการแล้วก็ควรจะยุติการชุมนุมไป และหากข้อเรียกร้องที่เสนอไปไม่ได้รับการตอบสนองจึงค่อยกลับมาชุมนุมเรียกร้องใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่มาชุมนุมเป็นเดือนเป็นปีอย่างนี้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับความเดือดร้อน ประกอบกับพื้นที่ในการชุมนุมเรียกร้องก็ควรเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม ไม่ใช่มาชุมนุมอย่างเช่นปัจจุบันนี้” ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการของ ศอ.รส.หลังจากนี้ก็จะมีการพิจารณาว่า จะมีข้อกฎหมายอะไรบ้างที่จะสามารถนำมาใช้กับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายได้ โดยตอนนี้เราก็ออกกฎหมายมารองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หลายฉบับ ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวและระงับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 นั้น ตอนนี้เราก็ดำเนินการตามหน้าที่ แต่หากศาลแพ่งมีคำสั่งออกมาเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องมาพิจารณาภายหลัง

**ศาลนัดฟังกม.มั่นคงโมฆะวันนี้

ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนฉุกเฉิน คดีหมายเลขดำที่ 663/2554 ที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยและสมาชิกเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และนายทศพล แก้วทิมา กรรมการเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ผู้ถูกออกหมายเรียกลำดับที่ 10 ข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2550 ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นจำเลยที่ 1-2 เรื่องละเมิด ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ประกาศทุกฉบับที่ออกตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นโมฆะ โดยวันนี้เป็นนัดไต่สวนพยานฝ่ายนายกฯ และ ผบ.ตร. ซึ่งได้ส่งผู้แทนมอบหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการออกประกาศและข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ต่อศาล ซึ่งศาลรับไว้พิจารณาและนัดให้ฟังคำสั่งในวันนี้ ( 4 มี.ค.) เวลา 13.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการไต่สวนฉุกเฉินคดีที่นายประพันธ์ คูณมี กรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี, คณะรัฐมนตรี (ยกฟ้องแล้ว) และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิดจากการออกประกาศและข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศและข้อกำหนดทุกฉบับ และขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อระงับการดำเนินการใดๆ ตามพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ซึ่งได้มีการประกาศต่ออายุจนถึงวันที่ 23 มี.ค.นี้ ศาลนัดฟังคำสั่งในวันนี้ ( 4 มี.ค.นี้) เวลา 13.30 น.เช่นเดียวกัน.
กำลังโหลดความคิดเห็น