ออฟฟิศดีโป้เบรกคู่ค้าขึ้นราคา มุ่งลงทุนขยายธุรกิจ-บริการ สร้างรายได้กลับคืนให้ดีกว่า ปีนี้ตั้งงบ 300 ล้านบาทลุย
นายสมชัย ถาวรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดารใหญ่ บริษัท ออฟฟิซ คลับ (ไทย) จำกัด ผู้บริหาร้านออฟฟิศดีโป จำหน่ายอุปกรณ์สำนักงานในเครือเซ็นทรัล ขณะนี้คู่ค้าที่ผลิตสินค้าด้านพลาสติกได้ยื่นเรื่องมายังบริษัทฯเพื่อขอปรับราคาสินค้าขึ้น 5-7% เพราะต้นทุนผลิตสูงขึ้น แต่ทั้งนี้บริษัทฯได้เจรจาและขอให้ยืดระยะเวลาออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนจากนี้ เนื่องจากว่าไม่ต้องการสร้างผลกระทบกับผู้บริโภค
ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะทำตลาดและลงทุนมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายุธุรกิจและสร้างรายได้รวมซึ่งจะส่งผลดีต่อคู่ค้าด้วยเช่นกัน ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ 3,500 ล้านบาท หรือเติบโตก้าวกระโดด 15% เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำรายได้ 3,000 ล้านบาท เติบโตเพียง 7% แต่ก็ยังมากกว่าตลาดรวมที่เติบโตเพียง 5% จากมูลค่าตลาด 21,000 ล้านบาท ที่คาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเพิ่มเป็น 22,000 ล้านบาท
เนื่องจากบริษัทฯมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มต่างๆที่ดีขึ้น ที่จะช่วยสร้างยอดขายของสินค้าของซัปพลายเออร์ได้เพิ่มขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าจีดีพีปีนี้เฉลี่ย 3.5-4.5% ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้นส่งผลกำลังซื้อเพิ่มขึ้น อีกทั้งพื้นที่สำนักงานจะมีการใช้มากขึ้นส่งผลต่ออุปกรณ์สำนักงานเป็นที่ต้องการมากขึ้น และการเกิดขึ้นของเออีซีหรือประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน ความมั่นใจของผู้บริโภคที่ดีขึ้น
ส่วนแผนตลาดของบริษัทฯคือ การเพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น E-Procurement หรือระบบการจัดซื้อสินค้าทางอิเล็คทรอนิกส์ เป็นการจัดซื้อสินค้าแบบบีทูบี เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนให้ลูกค้าได้ 10% หรือบริการเพย์เพอร์พริ้นต์ (3P) ให้กับสำนักงานที่ลดต้นทุนการถ่ายเอกสาร การพิมพ์งาน พริ้นต์กระดาษ ลดต้นทุนได้ 30% โดยที่บริษัทฯเป็นคนลงทุนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ทั้งหมด แต่ลูกค้าจ่ายแค่ค่างานที่เกิดขึ้นเท่านั้น โดยมีสัญญาเป็นระยะเวลาที่แน่นอน อีกทั้งจะเพิ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์อีก 500เอสเคยู เป็น 3,000 เอสเคยู จากที่มีอยู่ 2,500 เอสเคยู และเพิ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์อีก 1แบรนด์ เพราะราคาต่ำกว่าทั่วไป10% สร้างรายได้ถึง 600 ล้านบาท ซึ่งเวลานี้รายได้เฮาส์แบรนด์มีสัดส่วน 10% จะเพิ่มเป็น 25% ในอีก 2ปี
นายสมชัยกล่าวว่า ช่องทางจำหน่ายจะมีการขยายทุกรูปแบบ โดยจะเปิดสาขาใหม่ 5แห่ง และรีโนเวตอีก 6แห่ง ปัจจุบันมีสาขารวม 31สาขา สัดส่วนรายได้ช่องทางนี้ 70% และการเพิ่มสัดส่วนช่องทางการขายตรงหรือไดเร็คเซลส์ ให้เป็น 50% จากเวลานี้ที่มีสัดส่วน 30% ภายในปี 2556 ซึ่งเติบโตเฉลี่ย 40% การเพิ่มยอดขายผ่านคอลเซ็นเตอร์ โดยปีน้ใช้งบลงทุรวม 300ล้านบาท แบ่งเป็น 200ล้านบาท ใช้ขยายสาขา และ 100ล้านบาทด้านการตลาด ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 30%
นายสมชัย ถาวรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดารใหญ่ บริษัท ออฟฟิซ คลับ (ไทย) จำกัด ผู้บริหาร้านออฟฟิศดีโป จำหน่ายอุปกรณ์สำนักงานในเครือเซ็นทรัล ขณะนี้คู่ค้าที่ผลิตสินค้าด้านพลาสติกได้ยื่นเรื่องมายังบริษัทฯเพื่อขอปรับราคาสินค้าขึ้น 5-7% เพราะต้นทุนผลิตสูงขึ้น แต่ทั้งนี้บริษัทฯได้เจรจาและขอให้ยืดระยะเวลาออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนจากนี้ เนื่องจากว่าไม่ต้องการสร้างผลกระทบกับผู้บริโภค
ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะทำตลาดและลงทุนมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายุธุรกิจและสร้างรายได้รวมซึ่งจะส่งผลดีต่อคู่ค้าด้วยเช่นกัน ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ 3,500 ล้านบาท หรือเติบโตก้าวกระโดด 15% เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำรายได้ 3,000 ล้านบาท เติบโตเพียง 7% แต่ก็ยังมากกว่าตลาดรวมที่เติบโตเพียง 5% จากมูลค่าตลาด 21,000 ล้านบาท ที่คาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเพิ่มเป็น 22,000 ล้านบาท
เนื่องจากบริษัทฯมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มต่างๆที่ดีขึ้น ที่จะช่วยสร้างยอดขายของสินค้าของซัปพลายเออร์ได้เพิ่มขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าจีดีพีปีนี้เฉลี่ย 3.5-4.5% ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้นส่งผลกำลังซื้อเพิ่มขึ้น อีกทั้งพื้นที่สำนักงานจะมีการใช้มากขึ้นส่งผลต่ออุปกรณ์สำนักงานเป็นที่ต้องการมากขึ้น และการเกิดขึ้นของเออีซีหรือประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน ความมั่นใจของผู้บริโภคที่ดีขึ้น
ส่วนแผนตลาดของบริษัทฯคือ การเพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น E-Procurement หรือระบบการจัดซื้อสินค้าทางอิเล็คทรอนิกส์ เป็นการจัดซื้อสินค้าแบบบีทูบี เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนให้ลูกค้าได้ 10% หรือบริการเพย์เพอร์พริ้นต์ (3P) ให้กับสำนักงานที่ลดต้นทุนการถ่ายเอกสาร การพิมพ์งาน พริ้นต์กระดาษ ลดต้นทุนได้ 30% โดยที่บริษัทฯเป็นคนลงทุนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ทั้งหมด แต่ลูกค้าจ่ายแค่ค่างานที่เกิดขึ้นเท่านั้น โดยมีสัญญาเป็นระยะเวลาที่แน่นอน อีกทั้งจะเพิ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์อีก 500เอสเคยู เป็น 3,000 เอสเคยู จากที่มีอยู่ 2,500 เอสเคยู และเพิ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์อีก 1แบรนด์ เพราะราคาต่ำกว่าทั่วไป10% สร้างรายได้ถึง 600 ล้านบาท ซึ่งเวลานี้รายได้เฮาส์แบรนด์มีสัดส่วน 10% จะเพิ่มเป็น 25% ในอีก 2ปี
นายสมชัยกล่าวว่า ช่องทางจำหน่ายจะมีการขยายทุกรูปแบบ โดยจะเปิดสาขาใหม่ 5แห่ง และรีโนเวตอีก 6แห่ง ปัจจุบันมีสาขารวม 31สาขา สัดส่วนรายได้ช่องทางนี้ 70% และการเพิ่มสัดส่วนช่องทางการขายตรงหรือไดเร็คเซลส์ ให้เป็น 50% จากเวลานี้ที่มีสัดส่วน 30% ภายในปี 2556 ซึ่งเติบโตเฉลี่ย 40% การเพิ่มยอดขายผ่านคอลเซ็นเตอร์ โดยปีน้ใช้งบลงทุรวม 300ล้านบาท แบ่งเป็น 200ล้านบาท ใช้ขยายสาขา และ 100ล้านบาทด้านการตลาด ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 30%