“วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ”บิ๊กธอส.เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้ารายย่อย เร่งลดต้นทุนการเงิน หลังเสียแชร์ลูกค้าสวัสดิการให้แบงก์พาณิชย์ หลังต้นทุนการเงิน-ดอกเบี้ยขยับ ส่งผลลูกค้าในพอร์ตหนีรีไฟแนนซ์กับแบงก์อื่น พร้อมเดินหน้าตั้งวงเงินสินเชื่อบ้าน 5,000 ล้านบาทปล่อยกู้กลุ่มลูกค้ารายย่อย -รากหญ้า -อาชีพอิสระ เร่งออกแพ็กเกจใหม่รองรับกลุ่มรากหญ้า-ลูกค้าอิสระ ย้ำไม่หวั่นปัญหาNPL เหตุวงเงินสินเชื่อต่ำ พร้อมทุ่ม100ล้านบาทขยาย10สาขาย่อยหวังเพิ่มบริการ-ช่องครอบคุลมลูกค้ามากขึ้น ยันไม่ได้สนอยนโยบายประชาวิวัฒน์ แต่เป็นนวัตกรรมทางการเงิน
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ปัจจุบันต้นทุนทางการเงินและดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการแช่งขันในการรักษากลุ่มลูกค้าสวัสดิการของบริษัท ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินของรัฐบาลและ ธนาคารพาณิชย์เข้ามา เพิ่มส่วนแบ่งตลาด(แชร์)ดังกล่าวมากขึ้น ทำให้พอร์ตลูกค้าในกลุ่มสวัสดิการของธอส.ลดลงค่อนข้างมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการสกัดการปรับโครงสร้างเงินกู้ (รีไฟแนนซ์) ของลูกค้าธอส.กับสถาบันการเงินอื่นๆ ธนาคารจึงมีแผนจะลดต้นทุนางการเงินลง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับสถาบันการเงินอื่นๆ ได้
ขณะเดียวกันก็จะมีการพัฒนาบุคคลากร การพัฒนาระบบ CBS และระบบที่ต่อนเองกับCBS และปรับปรุงระเบียบขั้นตอนการทำงานรวมถึงระบบการควบคุมภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เพื่อให้บริการลูกค่าให้ครอบคลุมมากขึ้น ธอส. จะมีการพัฒนาช่องทางการบริการช่องทางการบริการและคุณภาพเพิ่มขึ้นโดยการเปิดสาขาใหม่ๆ เพิ่มโดยเน้นการเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยปีนี้ตั้งเป้าจะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 10สาขา ซึ่งจะทำให้ธอส.มีสาขาย่อยเพิ่มเป็น 15สาขาในปีนี้ โดยจะใช้งบประมาณในการขยายสาขารวม 100 ล้านบาท
สำหรับแนวทางการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มลูกค้ารายย่อย จะเน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้ารายย่อยในชุมชนเมือง มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าในโครงการบ้านเอื้ออาทร และโครงการบ้านมั่นคง ซึ่งทั้งสองกลุ่ม เดิมทีธอส.และออมสินเป็นสถาบันการเงินหลักที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้อยู่แล้ว
“ปัจจุบันธอส.มีสัดส่วนลูกค้าแบ่งออกเป็น3 ส่วนประกอบด้วยกลุ่มลูกค้าสวัสดิการ 60% กลุ่มลูกค้ารายย่อย 40% และกลุ่มลูกค้ารากหญ้าอยู่ 5% ซึ่งกลุ่มลูกค้ารากหญ้านั้น ธอส.จะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ”
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ในที่ผ่านมา ธอส.มีแผนจะขยายเข้าไปจับกลุ่มลูกค้ารายย่อย ในกลุ่มลูกค้ารากหญ้า โดยอาศัยช่องทางการร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการทำตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเกษตรกรและอาชีพอิสระเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น จะพยายามเจาะเข้าไปในกลุ่มลูกค้าองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศให้มากขึ้น เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มยอดและสัดส่วนของลูกค้ารายย่อยได้ตามนโยบายที่ให้ไว้
ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มลูกค้ารากหญ้านั้น ธอส.ได้มีการริเริ่มการพัฒนาสินเชื่อหรือนวัตกรรมสิเชื่อใหม่ๆ ออกมารองรับความต้องการของลูกค้าดังกล่าวบ้างแล้วและจะทยอยออกแพ็กเก็จสินเชื่อใหม่ๆ ออกมาให้มากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าอาชีพอิสระ โดยได้ทดสอบปล่อยกู้ลูกค้าอาชีพอิสระไปแล้ว 100 รายและจะทยอยเพิ่มขึ้นในปีนี้
“การปล่อยกู้ในกลุ่มลูกค้ารากหญ้านั้นไม่ใช้เป็นการสนองนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาล แต่เป็นไปตามการพัฒนาสินเชื่อ ซึ่งธอส.ได้มีการแจ้งต่อกระทรวงการคลังไปแล้วว่า จะมีการออกแพ็กเกจสินเชื่อในกลุ่มลูกค้ารายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน ในระยะแรกได้กันงบประมาณไว้ 5,000 ล้านบาท ส่วนที่มีความกังวลจะเกิดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL นั้น ไม่กังวล เนื่องจากวงเงินในการปล่อยสินเชื่อไม่สูง คือ ลูกค้าสินเชื่อบ้านต่อยูนิตประมาณ 500,000บาท”
ปัจจุบัน ธอส.มีสินทรัพย์รวม 696,662ล้านบาท โดยในปีนี้ ตั้งเป้าจะต้องทำกำไรสุทธิรวม 6,452 ล้านบาท กำหนดเป้าขยายสินเชื่อใหม่ให้ได้ 99,000 ล้านบาท จาก 141,000 บัญชี มีสินเชื่อคงค้าง 669,376ล้านบาท ในขณะที่จำนวน NPLไม่รวมหนี้ส่วนขาดจะอยู่ที่ 53,637ล้านบาท ซึ่งในส่วนของNPL นี้ ธอส.ตั้งเป้าว่าจะลดจำนวนลงปีละ 500 ล้านบาท และจะทยอยลดหนี้ส่วนขาดออกจากบัญชีให้ได้ 3,000 ล้านบาท
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ปัจจุบันต้นทุนทางการเงินและดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการแช่งขันในการรักษากลุ่มลูกค้าสวัสดิการของบริษัท ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินของรัฐบาลและ ธนาคารพาณิชย์เข้ามา เพิ่มส่วนแบ่งตลาด(แชร์)ดังกล่าวมากขึ้น ทำให้พอร์ตลูกค้าในกลุ่มสวัสดิการของธอส.ลดลงค่อนข้างมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการสกัดการปรับโครงสร้างเงินกู้ (รีไฟแนนซ์) ของลูกค้าธอส.กับสถาบันการเงินอื่นๆ ธนาคารจึงมีแผนจะลดต้นทุนางการเงินลง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับสถาบันการเงินอื่นๆ ได้
ขณะเดียวกันก็จะมีการพัฒนาบุคคลากร การพัฒนาระบบ CBS และระบบที่ต่อนเองกับCBS และปรับปรุงระเบียบขั้นตอนการทำงานรวมถึงระบบการควบคุมภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เพื่อให้บริการลูกค่าให้ครอบคลุมมากขึ้น ธอส. จะมีการพัฒนาช่องทางการบริการช่องทางการบริการและคุณภาพเพิ่มขึ้นโดยการเปิดสาขาใหม่ๆ เพิ่มโดยเน้นการเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยปีนี้ตั้งเป้าจะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 10สาขา ซึ่งจะทำให้ธอส.มีสาขาย่อยเพิ่มเป็น 15สาขาในปีนี้ โดยจะใช้งบประมาณในการขยายสาขารวม 100 ล้านบาท
สำหรับแนวทางการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มลูกค้ารายย่อย จะเน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้ารายย่อยในชุมชนเมือง มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าในโครงการบ้านเอื้ออาทร และโครงการบ้านมั่นคง ซึ่งทั้งสองกลุ่ม เดิมทีธอส.และออมสินเป็นสถาบันการเงินหลักที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้อยู่แล้ว
“ปัจจุบันธอส.มีสัดส่วนลูกค้าแบ่งออกเป็น3 ส่วนประกอบด้วยกลุ่มลูกค้าสวัสดิการ 60% กลุ่มลูกค้ารายย่อย 40% และกลุ่มลูกค้ารากหญ้าอยู่ 5% ซึ่งกลุ่มลูกค้ารากหญ้านั้น ธอส.จะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ”
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ในที่ผ่านมา ธอส.มีแผนจะขยายเข้าไปจับกลุ่มลูกค้ารายย่อย ในกลุ่มลูกค้ารากหญ้า โดยอาศัยช่องทางการร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการทำตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเกษตรกรและอาชีพอิสระเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น จะพยายามเจาะเข้าไปในกลุ่มลูกค้าองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศให้มากขึ้น เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มยอดและสัดส่วนของลูกค้ารายย่อยได้ตามนโยบายที่ให้ไว้
ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มลูกค้ารากหญ้านั้น ธอส.ได้มีการริเริ่มการพัฒนาสินเชื่อหรือนวัตกรรมสิเชื่อใหม่ๆ ออกมารองรับความต้องการของลูกค้าดังกล่าวบ้างแล้วและจะทยอยออกแพ็กเก็จสินเชื่อใหม่ๆ ออกมาให้มากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าอาชีพอิสระ โดยได้ทดสอบปล่อยกู้ลูกค้าอาชีพอิสระไปแล้ว 100 รายและจะทยอยเพิ่มขึ้นในปีนี้
“การปล่อยกู้ในกลุ่มลูกค้ารากหญ้านั้นไม่ใช้เป็นการสนองนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาล แต่เป็นไปตามการพัฒนาสินเชื่อ ซึ่งธอส.ได้มีการแจ้งต่อกระทรวงการคลังไปแล้วว่า จะมีการออกแพ็กเกจสินเชื่อในกลุ่มลูกค้ารายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน ในระยะแรกได้กันงบประมาณไว้ 5,000 ล้านบาท ส่วนที่มีความกังวลจะเกิดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL นั้น ไม่กังวล เนื่องจากวงเงินในการปล่อยสินเชื่อไม่สูง คือ ลูกค้าสินเชื่อบ้านต่อยูนิตประมาณ 500,000บาท”
ปัจจุบัน ธอส.มีสินทรัพย์รวม 696,662ล้านบาท โดยในปีนี้ ตั้งเป้าจะต้องทำกำไรสุทธิรวม 6,452 ล้านบาท กำหนดเป้าขยายสินเชื่อใหม่ให้ได้ 99,000 ล้านบาท จาก 141,000 บัญชี มีสินเชื่อคงค้าง 669,376ล้านบาท ในขณะที่จำนวน NPLไม่รวมหนี้ส่วนขาดจะอยู่ที่ 53,637ล้านบาท ซึ่งในส่วนของNPL นี้ ธอส.ตั้งเป้าว่าจะลดจำนวนลงปีละ 500 ล้านบาท และจะทยอยลดหนี้ส่วนขาดออกจากบัญชีให้ได้ 3,000 ล้านบาท