ASTVผู้จัดการรายวันสภาฯ-วันเดียวสภาไทย ตีกลับกฎหมาย 3ฉบับรวด “ตั้งองค์การคุ้มครองผู้บริโภค-การเลือกตั้งท้องถิ่น-ตั้ง6ป.ป.ท.” เข้าทาง “มาร์ค“ เริ่มกระบวนการสรรหา ป.ป.ท.ใหม่
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้(2 มี..ค)ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้มีการถอนร่างพ.ร.บ.ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วถึง 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างพ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ...และ ร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ... หลังจากที่ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลอภิปรายไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขถ้อยคำบางมาตราของกมธ. เพราะขัดกับหลักการที่สภาฯ ได้มีมติรับหลักการเอาไว้ในวาระที่1
สำหรับเหตุผลในการมีมติเสียงข้างมากให้ถอนร่างพ.ร.บ.องค์การอิสระฯ ออกไปเพื่อให้กมธ.กลับไปแก้ไข เนื่องจากส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน อภิปรายติติงว่า มาตรา 8 ที่กำหนดให้รัฐบาลจัดสรรทุนประเดิมไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทถือว่าเป็นการเขียนกฎหมายที่มีสภาพบังคับรัฐบาลมากเกินไป เพราะตามหลักการเขียนกฎหมายแล้วไม่ควรเขียนถ้อยคำที่มีลักษณะของการระบุจำนวนตัวเลขลงไป
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ก็อภิปรายสอดคล้องว่า การกำหนดถ้อยลักษณะนี้เป็นการผูกมัดรัฐบาลมากเกินไป เพราะหากจะกำหนดให้รัฐบาลจัดสรรเงินทุนประเดิมควรมีถ้อยคำเพียงแค่การระบุว่าไปรัฐบาลควรอุดหนุนเงินทุนประเดิมเป็นจำนวนเพียงพอสำหรับการดำเนินการ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ขณะที่ การพิจารณาร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งฯ ก็มีส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลอภิปรายแสดงความเห็นตำหนิการแก้ไขของกมธ.เช่นกัน โดยนายประยุทธ์ ศิริพานิช ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแก้ไขของกมธ.ถือว่าขัดกับหลักการที่สภาฯ ได้มีมติรับหลักการในวาระ ซึ่งในวาระแรกหลักการระบุเอาไว้แค่การเปลี่ยนระบบการนับคะแนนใหม่เป็นการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งและให้ส่งผลการนับคะแนนไปรวมที่เขตเลือกตั้ง เพื่อนับคะแนนรวมเพื่อให้เกิดความรวดเร็วเท่านั้น
“แต่ปรากฏว่ากมธ.ได้แก้ไขและเสนอเข้ามาให้สภาฯ พิจารณาวาระ 2 มีหลายมาตราที่ขัดกับหลักการเป็นอย่างมาก เช่น การกำหนดคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เป็นต้น การแก้ไขแบบนี้ถือว่าขัดกับข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อที่ 117 ที่กำหนดให้กมธ.อาจเพิ่มหรือตัดมาตราในร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ได้แต่ต้องไม่ขัดกับหลักการแห่งร่างพ.ร.บ.นั้น” นายประยุทธ์กล่าว
ส่วนวาระพิจารณาข้อหารือเรื่อง การแต่งตั้งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งมีผู้ได้รับการเสนอชื่อ 6 คน คือ นายพิศาล พิริยะสถิต นายไสว พราหมณี นายกุลพัชร์ อิทธิธรรมวินิจ นายบุญปลูก ชายเกตุ นายอุดม มั่งมีดี และนายถวิล อินทรักษา มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่าจะเดินหน้ากระบวนการให้ความเห็นชอบหรือจะนำกลับไปทบทวนใหม่ตามที่ที่ประชุมวุฒิสภาท้วงติงมาว่า กระบวนการสรรหาไม่ชอบเพราะองค์ประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในคราวให้ความเห็นชอบทั้ง 6 คน ไม่ครบ ในที่สุดนายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้รัฐบาลถอนเรื่องกลับไปเริ่มต้นกระบวนการสรรหาใหม่
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีถอนและจะให้ไปเริ่มกระบวนการสรรหามาใหม่ทั้งหมด ท้ายที่สุดซึ่งที่ประชุมเสียงข้างมากมีมติเห็นด้วยให้ถอนเรื่อง ด้วยคะแนน 308 ต่อ 41 งดออกเสียง 10 และไม่ลงคะแนน 4 เสียง .
รายงานข่าวแจ้งว่า รายชื่อป.ป.ท.ชุดนี้ผ่านการสรรหานี้ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้(2 มี..ค)ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้มีการถอนร่างพ.ร.บ.ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วถึง 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างพ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ...และ ร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ... หลังจากที่ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลอภิปรายไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขถ้อยคำบางมาตราของกมธ. เพราะขัดกับหลักการที่สภาฯ ได้มีมติรับหลักการเอาไว้ในวาระที่1
สำหรับเหตุผลในการมีมติเสียงข้างมากให้ถอนร่างพ.ร.บ.องค์การอิสระฯ ออกไปเพื่อให้กมธ.กลับไปแก้ไข เนื่องจากส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน อภิปรายติติงว่า มาตรา 8 ที่กำหนดให้รัฐบาลจัดสรรทุนประเดิมไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทถือว่าเป็นการเขียนกฎหมายที่มีสภาพบังคับรัฐบาลมากเกินไป เพราะตามหลักการเขียนกฎหมายแล้วไม่ควรเขียนถ้อยคำที่มีลักษณะของการระบุจำนวนตัวเลขลงไป
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ก็อภิปรายสอดคล้องว่า การกำหนดถ้อยลักษณะนี้เป็นการผูกมัดรัฐบาลมากเกินไป เพราะหากจะกำหนดให้รัฐบาลจัดสรรเงินทุนประเดิมควรมีถ้อยคำเพียงแค่การระบุว่าไปรัฐบาลควรอุดหนุนเงินทุนประเดิมเป็นจำนวนเพียงพอสำหรับการดำเนินการ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ขณะที่ การพิจารณาร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งฯ ก็มีส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลอภิปรายแสดงความเห็นตำหนิการแก้ไขของกมธ.เช่นกัน โดยนายประยุทธ์ ศิริพานิช ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแก้ไขของกมธ.ถือว่าขัดกับหลักการที่สภาฯ ได้มีมติรับหลักการในวาระ ซึ่งในวาระแรกหลักการระบุเอาไว้แค่การเปลี่ยนระบบการนับคะแนนใหม่เป็นการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งและให้ส่งผลการนับคะแนนไปรวมที่เขตเลือกตั้ง เพื่อนับคะแนนรวมเพื่อให้เกิดความรวดเร็วเท่านั้น
“แต่ปรากฏว่ากมธ.ได้แก้ไขและเสนอเข้ามาให้สภาฯ พิจารณาวาระ 2 มีหลายมาตราที่ขัดกับหลักการเป็นอย่างมาก เช่น การกำหนดคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เป็นต้น การแก้ไขแบบนี้ถือว่าขัดกับข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อที่ 117 ที่กำหนดให้กมธ.อาจเพิ่มหรือตัดมาตราในร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ได้แต่ต้องไม่ขัดกับหลักการแห่งร่างพ.ร.บ.นั้น” นายประยุทธ์กล่าว
ส่วนวาระพิจารณาข้อหารือเรื่อง การแต่งตั้งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งมีผู้ได้รับการเสนอชื่อ 6 คน คือ นายพิศาล พิริยะสถิต นายไสว พราหมณี นายกุลพัชร์ อิทธิธรรมวินิจ นายบุญปลูก ชายเกตุ นายอุดม มั่งมีดี และนายถวิล อินทรักษา มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่าจะเดินหน้ากระบวนการให้ความเห็นชอบหรือจะนำกลับไปทบทวนใหม่ตามที่ที่ประชุมวุฒิสภาท้วงติงมาว่า กระบวนการสรรหาไม่ชอบเพราะองค์ประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในคราวให้ความเห็นชอบทั้ง 6 คน ไม่ครบ ในที่สุดนายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้รัฐบาลถอนเรื่องกลับไปเริ่มต้นกระบวนการสรรหาใหม่
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีถอนและจะให้ไปเริ่มกระบวนการสรรหามาใหม่ทั้งหมด ท้ายที่สุดซึ่งที่ประชุมเสียงข้างมากมีมติเห็นด้วยให้ถอนเรื่อง ด้วยคะแนน 308 ต่อ 41 งดออกเสียง 10 และไม่ลงคะแนน 4 เสียง .
รายงานข่าวแจ้งว่า รายชื่อป.ป.ท.ชุดนี้ผ่านการสรรหานี้ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน
