ในที่สุดพรรคฝ่ายค้านที่ไม่มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาอย่างพรรคเพื่อไทยก็ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม10 คน ประกอบด้วย
1) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี (ปชป.)
2) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ปชป.)
3) นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง (ปชป.)
4) นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ปชป.)
5) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ปชป.)
6) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย (ภท.)
7) นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม (ภท.)
8) นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ (ภท.)
9) นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ (ภท.)
10) นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ (ปชป.)
จากจำนวน 10 คน พรรคเพื่อไทยได้ยื่นถอดถอน 9 คน ในข้อหาทุจริตด้วย (ยกเว้นนายกษิต)
ญัตติอภิปรายหนนี้พรรคเพื่อไทยได้เสนอชื่อ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะมีการอภิปรายในวันที่ 9-12 มี.ค.และลงในมติในวันที่ 13 มี.ค.ซึ่งโดยภาพรวมถือว่ามาเร็วกว่าที่คาดหมายพอสมควร...
ก็พอจะอ่านใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ระดับหนึ่งว่า อยากเร่งวันการยุบสภาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งไปแล้วเมื่อวันอาเสาร์ที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา
ด้วยมือหรือคะแนนเสียงที่มีน้อยกว่า คอการเมืองไม่ได้คาดหวังแม้แต่น้อยว่าพรรคเพื่อไทยจะถล่มพรรครัฐบาลให้ม่อยกระรอกได้ ตรงข้ามกลับมีความเป็นห่วงเสียด้วยซ้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะถูกมีดโกนหรือเขี้ยวเล็บประชาธิปัตย์ฝากรอยแผลให้หรือเปล่า!?
การเมืองเรื่องอภิปรายไม่ได้เป็นจุดโฟกัส แต่จุดโฟกัสอยู่ที่การเลือกตั้งและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเลือกตั้งว่า..บ้านเมืองของเราจะเดินไปสู่หนใด อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะคัมแบ็กมาเป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิมอย่างที่หลายฝ่ายคาดหมายใช่หรือไม่....และถ้ากลับมาอีกครั้งปัญหาดินแดนอธิปไตยกรณีไทย-กัมพูชาจะว่าอย่างไร เพราะพล.ต.จำลอง ศรีเมืองและกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินอีก 16 คน ประกาศแล้วว่าจะไม่เลิกการชุมนุมตราบใดที่รัฐบาลไม่ดำเนินการใน 3 ข้อเสนอ
เรียนท่านผู้อ่านตามตรงว่า ผมยังมองไม่ออกวิเคราะห์ไม่ได้ว่า นายกฯ อภิสิทธิ์จะเดินหน้าไปเลือกตั้งได้อย่างไร หากยังมีการชุมนุมที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. 2554 ซึ่งบัดนี้ก็เดือนเศษแล้วและยังไม่ได้แผ่วเหมือนที่คนในรัฐบาลหลายคนอยากให้เป็น...
แต่ก็เอาเถอะ...ก็ต้องเชื่อเอาไว้ก่อนว่าวันนี้คนชื่อ “อภิสิทธิ์” นั้นไม่ใช่อภิสิทธิ์คนเดิมที่ไร้ประสบการณ์อีกแล้ว อย่าไปประมาท..หรือปรามาสท่านง่ายๆ
วันนี้ท่านคืออภิสิทธิ์ที่ผ่านประสบการณ์ ผ่านความตายจากปลายหอกปลายดาบคนเสื้อแดงมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้งใหญ่ๆ คือ อภิสิทธิ์คนใหม่ที่ได้หล่อหลอมหัวใจใส่ความกล้าหาญที่จะเดินเกมการเมืองให้พรรคของตัวเองชนะเลือกตั้ง หรือไม่ชนะแต่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ คือ อภิสิทธิ์ที่ทำใจได้และสามารถหลับตาเสียข้างหนึ่งได้กับเกมเลือกตั้งสกปรกที่จะมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงใช้เงินทองกันอย่างมโหฬาร
และที่สำคัญท่านคืออภิสิทธิ์ผู้ซึ่งน่าจะรู้ทิศทางการเมืองดีว่า...วันนี้ประเทศไทยยังสามารถขายความเลวร้ายของคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้ไม่สิ้นสุด ยิ่งมีการปล่อยคนเสื้อแดงออกมาฮึ่มๆ ประเทศไทย สถานการณ์น่าจะเข้าทางปืนประชาธิปัตย์...ฯลฯ...
จริงๆ นะครับ ผมมองไปเบื้องหน้าแล้วคิดอย่างนั้นจริงๆ ..อย่างน้อยจากวันนี้จนวันเลือกตั้ง คนชื่ออภิสิทธิ์และบรรดาคนรอบข้างไม่น่าจะคิดอะไรมากไปกว่าการเลือกตั้งและการตีปี๊บนโยบายหาเสียง รวมทั้งการปลุกผีทักษิณขึ้นมาหากินอีกครั้ง....ถ้าขึ้นป้ายหาเสียงได้ก็คงทำนองว่า “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” , “ไม่เลือกมาร์ค แม้วมาแน่” อะไรทำนองนี้...
ซึ่งในด้านหนึ่งต้องยอมรับว่า คำว่า “ระบอบทักษิณ” ยังเป็นภัยที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อยสำหรับสังคมการเมืองไทย ยิ่งขณะนี้หลังรัฐบาลเดินเกมจนมีการประกันตัวคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวและทักษิณไม่สามารถปฏิเสธคนเสื้อแดงได้ ก็ยิ่งทำให้เป็นเงื่อนปมสังคมไทย และพรรคการเมืองที่เก่าแก่เขี้ยวจัดอย่างประชาธิปัตย์ย่อมรู้ดีว่า ควรจะหยิบมุมไหนเหลี่ยมไหนไปหาเสียง...
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง...การหาเสียงด้วยการปลุกผีทักษิณรอบนี้ผมเชื่อว่าไม่น่าจะง่ายดายเหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 เหตุผลประการสำคัญเป็นเพราะ ตลอดเวลา 2 ปีเศษที่ผ่านมา อภิสิทธิ์และรัฐบาลของเขาไม่สามารถสร้างความระคายผิวให้กับระบอบทักษิณได้แม้แต่น้อย เอาแค่ถอดยศทักษิณอภิสิทธิ์และรัฐบาลของเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากตั้งกรรมการตีความ-ศึกษากัน 2 ปีกว่าก็ยังไม่แล้วเสร็จ...
นั่นยังไม่นับประเด็นการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาลชุดนี้ที่ว่ากันว่าไม่ได้น้อยหน้ากว่ารัฐบาลทักษิณ รวมทั้งปฏิบัติการ “สวมตอ” นโยบายของระบอบทักษิณในหลายๆ กรณี
ดังนั้น การปลุกผีแม้วรอบนี้คงไม่ง่ายนักที่จะทำมาหาคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ....
ในส่วนของทักษิณวันนี้คงกดปุ่มเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเต็มสูบเช่นกัน....เพราะเดิมพันของทักษิณก็ยังเหมือนเดิม นั่นคือ..การกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่งหรืออย่างน้อยก็ขอกลับเมืองไทยอย่างผู้บริสุทธิ์
ปี 2552-2553 ทักษิณไม่สามารถบรรลุเกม “ดึงฟ้า” ให้ลงมาเป็นคนกลางอย่างกรณีพฤษภาทมิฬ 2535 หรือ “พฤษภาทมิฬโมเดล” ได้เพราะมันคนละบริบทคนละเรื่องเดียวกัน ดังนั้น การเลือกตั้งจึงเป็นทางที่ต้องเลือกด้วยหวังว่าพรรคเพื่อไทยต้องเป็นแชมป์เลือกตั้ง ใครเบี้ยวหรือใช้วิธีการรวมเสียงให้เป็นเสียงข้างมากหนนี้เจอดีแน่ คนเสื้อแดงจะไม่มีวันยอม..เพื่อไทยต้องเป็นแกนนำรัฐบาลและเอาทักษิณกลับบ้านให้ได้...
อันที่จริงที่ผมว่ามา..เราๆ ท่านๆ ก็พอจะมองกันออกอยู่แล้วว่า มีความยุ่งยากและยุ่งเหยิงเป็นอย่างยิ่งให้ประเทศของเราฝ่าข้ามรออยู่เบื้องหน้า..
วันนี้ดูเหมือนว่าฝ่ายนักการเมือง นักเลือกตั้งพร้อมแล้วที่จะไปตะลุมบอน-ตายเอาดาบหน้า แต่อำนาจรัฐไทยยังมะงุมมะงาหราว่าจะรับมือแก้โจทย์ให้ได้ก่อนอย่างไร...!!??
ดูศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแก้เครียดหรือเพิ่มความเครียดไปก่อนก็แล้วกัน..พี่น้องเอ๊ยยยยยยย....!!!??
samr_rod@hotmail.com
1) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี (ปชป.)
2) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ปชป.)
3) นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง (ปชป.)
4) นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ปชป.)
5) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ปชป.)
6) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย (ภท.)
7) นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม (ภท.)
8) นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ (ภท.)
9) นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ (ภท.)
10) นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ (ปชป.)
จากจำนวน 10 คน พรรคเพื่อไทยได้ยื่นถอดถอน 9 คน ในข้อหาทุจริตด้วย (ยกเว้นนายกษิต)
ญัตติอภิปรายหนนี้พรรคเพื่อไทยได้เสนอชื่อ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะมีการอภิปรายในวันที่ 9-12 มี.ค.และลงในมติในวันที่ 13 มี.ค.ซึ่งโดยภาพรวมถือว่ามาเร็วกว่าที่คาดหมายพอสมควร...
ก็พอจะอ่านใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ระดับหนึ่งว่า อยากเร่งวันการยุบสภาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งไปแล้วเมื่อวันอาเสาร์ที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา
ด้วยมือหรือคะแนนเสียงที่มีน้อยกว่า คอการเมืองไม่ได้คาดหวังแม้แต่น้อยว่าพรรคเพื่อไทยจะถล่มพรรครัฐบาลให้ม่อยกระรอกได้ ตรงข้ามกลับมีความเป็นห่วงเสียด้วยซ้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะถูกมีดโกนหรือเขี้ยวเล็บประชาธิปัตย์ฝากรอยแผลให้หรือเปล่า!?
การเมืองเรื่องอภิปรายไม่ได้เป็นจุดโฟกัส แต่จุดโฟกัสอยู่ที่การเลือกตั้งและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเลือกตั้งว่า..บ้านเมืองของเราจะเดินไปสู่หนใด อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะคัมแบ็กมาเป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิมอย่างที่หลายฝ่ายคาดหมายใช่หรือไม่....และถ้ากลับมาอีกครั้งปัญหาดินแดนอธิปไตยกรณีไทย-กัมพูชาจะว่าอย่างไร เพราะพล.ต.จำลอง ศรีเมืองและกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินอีก 16 คน ประกาศแล้วว่าจะไม่เลิกการชุมนุมตราบใดที่รัฐบาลไม่ดำเนินการใน 3 ข้อเสนอ
เรียนท่านผู้อ่านตามตรงว่า ผมยังมองไม่ออกวิเคราะห์ไม่ได้ว่า นายกฯ อภิสิทธิ์จะเดินหน้าไปเลือกตั้งได้อย่างไร หากยังมีการชุมนุมที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. 2554 ซึ่งบัดนี้ก็เดือนเศษแล้วและยังไม่ได้แผ่วเหมือนที่คนในรัฐบาลหลายคนอยากให้เป็น...
แต่ก็เอาเถอะ...ก็ต้องเชื่อเอาไว้ก่อนว่าวันนี้คนชื่อ “อภิสิทธิ์” นั้นไม่ใช่อภิสิทธิ์คนเดิมที่ไร้ประสบการณ์อีกแล้ว อย่าไปประมาท..หรือปรามาสท่านง่ายๆ
วันนี้ท่านคืออภิสิทธิ์ที่ผ่านประสบการณ์ ผ่านความตายจากปลายหอกปลายดาบคนเสื้อแดงมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้งใหญ่ๆ คือ อภิสิทธิ์คนใหม่ที่ได้หล่อหลอมหัวใจใส่ความกล้าหาญที่จะเดินเกมการเมืองให้พรรคของตัวเองชนะเลือกตั้ง หรือไม่ชนะแต่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ คือ อภิสิทธิ์ที่ทำใจได้และสามารถหลับตาเสียข้างหนึ่งได้กับเกมเลือกตั้งสกปรกที่จะมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงใช้เงินทองกันอย่างมโหฬาร
และที่สำคัญท่านคืออภิสิทธิ์ผู้ซึ่งน่าจะรู้ทิศทางการเมืองดีว่า...วันนี้ประเทศไทยยังสามารถขายความเลวร้ายของคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้ไม่สิ้นสุด ยิ่งมีการปล่อยคนเสื้อแดงออกมาฮึ่มๆ ประเทศไทย สถานการณ์น่าจะเข้าทางปืนประชาธิปัตย์...ฯลฯ...
จริงๆ นะครับ ผมมองไปเบื้องหน้าแล้วคิดอย่างนั้นจริงๆ ..อย่างน้อยจากวันนี้จนวันเลือกตั้ง คนชื่ออภิสิทธิ์และบรรดาคนรอบข้างไม่น่าจะคิดอะไรมากไปกว่าการเลือกตั้งและการตีปี๊บนโยบายหาเสียง รวมทั้งการปลุกผีทักษิณขึ้นมาหากินอีกครั้ง....ถ้าขึ้นป้ายหาเสียงได้ก็คงทำนองว่า “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” , “ไม่เลือกมาร์ค แม้วมาแน่” อะไรทำนองนี้...
ซึ่งในด้านหนึ่งต้องยอมรับว่า คำว่า “ระบอบทักษิณ” ยังเป็นภัยที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อยสำหรับสังคมการเมืองไทย ยิ่งขณะนี้หลังรัฐบาลเดินเกมจนมีการประกันตัวคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวและทักษิณไม่สามารถปฏิเสธคนเสื้อแดงได้ ก็ยิ่งทำให้เป็นเงื่อนปมสังคมไทย และพรรคการเมืองที่เก่าแก่เขี้ยวจัดอย่างประชาธิปัตย์ย่อมรู้ดีว่า ควรจะหยิบมุมไหนเหลี่ยมไหนไปหาเสียง...
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง...การหาเสียงด้วยการปลุกผีทักษิณรอบนี้ผมเชื่อว่าไม่น่าจะง่ายดายเหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 เหตุผลประการสำคัญเป็นเพราะ ตลอดเวลา 2 ปีเศษที่ผ่านมา อภิสิทธิ์และรัฐบาลของเขาไม่สามารถสร้างความระคายผิวให้กับระบอบทักษิณได้แม้แต่น้อย เอาแค่ถอดยศทักษิณอภิสิทธิ์และรัฐบาลของเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากตั้งกรรมการตีความ-ศึกษากัน 2 ปีกว่าก็ยังไม่แล้วเสร็จ...
นั่นยังไม่นับประเด็นการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาลชุดนี้ที่ว่ากันว่าไม่ได้น้อยหน้ากว่ารัฐบาลทักษิณ รวมทั้งปฏิบัติการ “สวมตอ” นโยบายของระบอบทักษิณในหลายๆ กรณี
ดังนั้น การปลุกผีแม้วรอบนี้คงไม่ง่ายนักที่จะทำมาหาคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ....
ในส่วนของทักษิณวันนี้คงกดปุ่มเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเต็มสูบเช่นกัน....เพราะเดิมพันของทักษิณก็ยังเหมือนเดิม นั่นคือ..การกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่งหรืออย่างน้อยก็ขอกลับเมืองไทยอย่างผู้บริสุทธิ์
ปี 2552-2553 ทักษิณไม่สามารถบรรลุเกม “ดึงฟ้า” ให้ลงมาเป็นคนกลางอย่างกรณีพฤษภาทมิฬ 2535 หรือ “พฤษภาทมิฬโมเดล” ได้เพราะมันคนละบริบทคนละเรื่องเดียวกัน ดังนั้น การเลือกตั้งจึงเป็นทางที่ต้องเลือกด้วยหวังว่าพรรคเพื่อไทยต้องเป็นแชมป์เลือกตั้ง ใครเบี้ยวหรือใช้วิธีการรวมเสียงให้เป็นเสียงข้างมากหนนี้เจอดีแน่ คนเสื้อแดงจะไม่มีวันยอม..เพื่อไทยต้องเป็นแกนนำรัฐบาลและเอาทักษิณกลับบ้านให้ได้...
อันที่จริงที่ผมว่ามา..เราๆ ท่านๆ ก็พอจะมองกันออกอยู่แล้วว่า มีความยุ่งยากและยุ่งเหยิงเป็นอย่างยิ่งให้ประเทศของเราฝ่าข้ามรออยู่เบื้องหน้า..
วันนี้ดูเหมือนว่าฝ่ายนักการเมือง นักเลือกตั้งพร้อมแล้วที่จะไปตะลุมบอน-ตายเอาดาบหน้า แต่อำนาจรัฐไทยยังมะงุมมะงาหราว่าจะรับมือแก้โจทย์ให้ได้ก่อนอย่างไร...!!??
ดูศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแก้เครียดหรือเพิ่มความเครียดไปก่อนก็แล้วกัน..พี่น้องเอ๊ยยยยยยย....!!!??
samr_rod@hotmail.com
