ASTV ผู้จัดการรายวัน - “เสริมสุข” โชว์กำไรปี53 โต 467 ล้านบาท ตามปริมาณการขายและอัตราเติบโตของแต่ละผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ด้านผู้บริหาร “เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์”ยืนยันไม่ทราบเรื่อง กรณี “ซันโตรี่” ดอดเข้าเก็บหุ้นSSC ในสัดส่วน9% ยืนยันทางกลุ่มยังถือไว้ในอัตราเท่าเดิม32% ส่วนกรณีเจรจากลุ่มเป๊ปซี่ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆได้ วงในเชื่อ “ซันโตรี” ชื่นชอบศักยภาพโลจิสติกส์ของเสริมสุข หวังการเข้าถือหุ้นจะช่วยผลักดันการกระจายสินค้าของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นาย สมชาย บุลสุข ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC เปิดเผยถึงผลดำเนินงานของบริษัทประจำปีที่ผ่านมา ว่า มีกำไรสุทธิ ทั้งสิ้น 467.920 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.76 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันเมื่อสิ้นปี 2552 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 353.667 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.33 บาท
โดยสาเหตุที่ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 114.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับปี 2552 นั้นเนื่องจาก บริษัทรายได้เพิ่มขึ้นจำนวนเงิน 2,332.0 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 11.8 ขณะที่ ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจำนวนเงิน 1,944.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.1 ซึ่งแปรผันตามปริมาณการขายและอัตราการเติบโตของแต่ละผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เพิ่มขึ้นจำนวนเงิน 198 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.5 โดยมีสาเหตุหลักจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานที่เพิ่มขึ้น แต่ บริษัทยังคงดำเนินมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในระหว่างปี บริษัทได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีที่ดินจากวิธีราคาทุนเดิมเป็นราคาที่ตีใหม่โดยผู้ประเมินราคาอิสระซึ่งใช้วิธีมูลค่าต้นทุนทดแทนคงเหลือสุทธิ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าที่ดินในงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นจำนวนเงิน 3,636.2 ล้านบาท มีส่วนเกินทุนจากการตีราคาที่ดินแสดงไว้ภายใต้ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนเงิน 3,655.7 ล้านบาทและมีขาดทุนจากการตีราคาที่ดินซึ่งแสดงไว้ในงบกำไรขาดทุนอีกเป็นจำนวน 19.5 ล้านบาท
ด้านนายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย กรรมการบริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ในบมจ.เสริมสุข กล่าวถึงกรณีที่ BK BEVERAGE LIMITED ได้หุ้นSSC มาในสัดส่วน 9.13% ว่า ทางบริษัทไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และไม่ได้เป็นผู้ขายหุ้นบมจ.เสริมสุขที่ท่างบริษัทถืออยู่ออกไปให้ให้ผู้ถือหุ้นอื่นแต่อย่างใด ดดยปัจจุบันยังคงสัดส่วนการถือหุ้นSSC ไว้ที่ 32% ตามเดิม และกำลังเดินเรื่องเจรจากับกลุ่มเป๊ปซี่ - โคล่าอยู่ ซึ่งเบื้องต้น ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการเจรจาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ แต่คาดว่าน่าจะมีข้อสรุปออกมาในเร็วนี้
ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SSC ใน 5 อันดับแรกล่าสุด ณ วันที่ 27ม.ค. 2554 ประกอบด้วย บริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด ถือหุ้น 86,732,207 หุ้นหรือคิดเป็น 32.62%, บริษัท เป๊ปซี่-โคลา(ไทย)เทรดดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 66,321,960 หุ้นหรือคิดเป็น 24.94%, SEVEN-UP NEDERLAND,B.V.ถือหุ้น 44,140,000 หุ้นหรือคิดเป็น 16.60%, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 27,678,916 หุ้นหรือคิดเป็น 10.41% และนายศราวุธ เทียนสุวรรณ ถือหุ้น 12,574,800 หุ้นหรือคิดเป็น 4.73%
อนึ่ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (23ก.พ.) สำนักงานก.ล.ต.ได้รับรายงานการได้มา หุ้นของบมจ. เสริมสุข โดย . SBK BEVERAGE LIMITED จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 9.13% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 9.13% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.เสริมสุข วานนี้ (1มี.ค.) ปิดที่ 45.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.09% มูลค่าการซื้อขาย 150,000 บาท
ชี้ซันโตรี่ชอบโลจิสติกส์ของSSC
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่ม กล่าวถึงกรณี บริษัท ซันโตรี่ ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าซื้อหุ้น 9.31% นั้น เชื่อว่าซันโตรี่มองว่าบริษัทเสริมสุข มีความแข็งแกร่งด้านการกระจายสินค้า จากการที่มีหน่วยรถ 1,500 คัน โดยเฉพาะการกระจายสินค้าทางด้านช่องทางเทรดิชันนัลเทรด หรือร้านค้าปลีกรายย่อย ตู้แช่ และร้านอาหาร ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2551บริษัทซันโตรี่ได้เคยเข้ามาร่วมทุนกับบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี สัดส่วนถือหุ้น 50:50 เพื่อดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอออล์ในประเทศไทยและขยายตลาดในอาเซียน
สำหรับสินค้าตัวแรกที่เปิดตัวในประเทศไทย คือ ฟังก์ชันนัลดริงก์ ภายใต้แบรนด์”ดาการะ”แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และต้องนำออกจากตลาดไปในที่สุด และล่าสุดได้เปิดตัว”เบิม”วางตำแหน่งเป็นฟังก์ชันนัลดริงก์ อย่างไรก็ตามการกระจายสินค้าในปัจจุบัน เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ ได้ให้บริษัท ดีเคเอสเอช หรือดีทแฮล์ม เป็นผู้กระจายสินค้าให้
ขณะที่การกระจายสินค้าของเสริมสุข จะช่วยเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในช่องทางร้านค้าปลีกรายย่อยส่วนกรณีการเข้ามาเช่าสำนักงานที่อาคาร ทิปโก้ ชั้น 18 ย่านพระราม 6 นั้น บริษัทซันโตรี่ ได้เข้ามาเช่าเพื่อทำเป็นสำนักงานตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากเข้ามาร่วมทุนกับบริษัททิปโก้ เอฟแอนด์บี โดยเป็นสำนักงานดูแลการทำตลาดในอาเซียน อย่างไรก็ตาม การเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างซันโตรี่กับเสริมสุขก็เอื้อในกรณีที่เป็ปซี่ยุติการผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลม ซึ่งกำลังการผลิตให้กับเป็ปซี่สัดส่วนถึง 80-90% ทำให้ซันโตรี่สามารถใช้ประโยชน์จากการผลิตเครื่องดื่มอื่นๆจากเสริมสุข รวมทั้งการกระจายสินค้าในอนาคต
นาย สมชาย บุลสุข ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC เปิดเผยถึงผลดำเนินงานของบริษัทประจำปีที่ผ่านมา ว่า มีกำไรสุทธิ ทั้งสิ้น 467.920 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.76 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันเมื่อสิ้นปี 2552 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 353.667 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.33 บาท
โดยสาเหตุที่ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 114.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับปี 2552 นั้นเนื่องจาก บริษัทรายได้เพิ่มขึ้นจำนวนเงิน 2,332.0 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 11.8 ขณะที่ ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจำนวนเงิน 1,944.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.1 ซึ่งแปรผันตามปริมาณการขายและอัตราการเติบโตของแต่ละผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เพิ่มขึ้นจำนวนเงิน 198 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.5 โดยมีสาเหตุหลักจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานที่เพิ่มขึ้น แต่ บริษัทยังคงดำเนินมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในระหว่างปี บริษัทได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีที่ดินจากวิธีราคาทุนเดิมเป็นราคาที่ตีใหม่โดยผู้ประเมินราคาอิสระซึ่งใช้วิธีมูลค่าต้นทุนทดแทนคงเหลือสุทธิ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าที่ดินในงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นจำนวนเงิน 3,636.2 ล้านบาท มีส่วนเกินทุนจากการตีราคาที่ดินแสดงไว้ภายใต้ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนเงิน 3,655.7 ล้านบาทและมีขาดทุนจากการตีราคาที่ดินซึ่งแสดงไว้ในงบกำไรขาดทุนอีกเป็นจำนวน 19.5 ล้านบาท
ด้านนายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย กรรมการบริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ในบมจ.เสริมสุข กล่าวถึงกรณีที่ BK BEVERAGE LIMITED ได้หุ้นSSC มาในสัดส่วน 9.13% ว่า ทางบริษัทไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และไม่ได้เป็นผู้ขายหุ้นบมจ.เสริมสุขที่ท่างบริษัทถืออยู่ออกไปให้ให้ผู้ถือหุ้นอื่นแต่อย่างใด ดดยปัจจุบันยังคงสัดส่วนการถือหุ้นSSC ไว้ที่ 32% ตามเดิม และกำลังเดินเรื่องเจรจากับกลุ่มเป๊ปซี่ - โคล่าอยู่ ซึ่งเบื้องต้น ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการเจรจาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ แต่คาดว่าน่าจะมีข้อสรุปออกมาในเร็วนี้
ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SSC ใน 5 อันดับแรกล่าสุด ณ วันที่ 27ม.ค. 2554 ประกอบด้วย บริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด ถือหุ้น 86,732,207 หุ้นหรือคิดเป็น 32.62%, บริษัท เป๊ปซี่-โคลา(ไทย)เทรดดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 66,321,960 หุ้นหรือคิดเป็น 24.94%, SEVEN-UP NEDERLAND,B.V.ถือหุ้น 44,140,000 หุ้นหรือคิดเป็น 16.60%, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 27,678,916 หุ้นหรือคิดเป็น 10.41% และนายศราวุธ เทียนสุวรรณ ถือหุ้น 12,574,800 หุ้นหรือคิดเป็น 4.73%
อนึ่ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (23ก.พ.) สำนักงานก.ล.ต.ได้รับรายงานการได้มา หุ้นของบมจ. เสริมสุข โดย . SBK BEVERAGE LIMITED จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 9.13% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 9.13% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.เสริมสุข วานนี้ (1มี.ค.) ปิดที่ 45.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.09% มูลค่าการซื้อขาย 150,000 บาท
ชี้ซันโตรี่ชอบโลจิสติกส์ของSSC
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่ม กล่าวถึงกรณี บริษัท ซันโตรี่ ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าซื้อหุ้น 9.31% นั้น เชื่อว่าซันโตรี่มองว่าบริษัทเสริมสุข มีความแข็งแกร่งด้านการกระจายสินค้า จากการที่มีหน่วยรถ 1,500 คัน โดยเฉพาะการกระจายสินค้าทางด้านช่องทางเทรดิชันนัลเทรด หรือร้านค้าปลีกรายย่อย ตู้แช่ และร้านอาหาร ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2551บริษัทซันโตรี่ได้เคยเข้ามาร่วมทุนกับบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี สัดส่วนถือหุ้น 50:50 เพื่อดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอออล์ในประเทศไทยและขยายตลาดในอาเซียน
สำหรับสินค้าตัวแรกที่เปิดตัวในประเทศไทย คือ ฟังก์ชันนัลดริงก์ ภายใต้แบรนด์”ดาการะ”แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และต้องนำออกจากตลาดไปในที่สุด และล่าสุดได้เปิดตัว”เบิม”วางตำแหน่งเป็นฟังก์ชันนัลดริงก์ อย่างไรก็ตามการกระจายสินค้าในปัจจุบัน เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ ได้ให้บริษัท ดีเคเอสเอช หรือดีทแฮล์ม เป็นผู้กระจายสินค้าให้
ขณะที่การกระจายสินค้าของเสริมสุข จะช่วยเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในช่องทางร้านค้าปลีกรายย่อยส่วนกรณีการเข้ามาเช่าสำนักงานที่อาคาร ทิปโก้ ชั้น 18 ย่านพระราม 6 นั้น บริษัทซันโตรี่ ได้เข้ามาเช่าเพื่อทำเป็นสำนักงานตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากเข้ามาร่วมทุนกับบริษัททิปโก้ เอฟแอนด์บี โดยเป็นสำนักงานดูแลการทำตลาดในอาเซียน อย่างไรก็ตาม การเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างซันโตรี่กับเสริมสุขก็เอื้อในกรณีที่เป็ปซี่ยุติการผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลม ซึ่งกำลังการผลิตให้กับเป็ปซี่สัดส่วนถึง 80-90% ทำให้ซันโตรี่สามารถใช้ประโยชน์จากการผลิตเครื่องดื่มอื่นๆจากเสริมสุข รวมทั้งการกระจายสินค้าในอนาคต