นวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมอาหารของเมืองไทย ได้ถูกพัฒนาไปอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขัน ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือกลุ่มของอาหารเพื่อสุขภาพ นั้น เป็นตลาดใหม่ที่มีการเติบโตสูงมากในแต่ละปี โดยมีมูลค่าตลาดรวมในประเทศไทยสูงถึง กว่า 30,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตสูงถึง 15-20%
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้มีผู้ประกอบการทั้งขนาดกลาง ขนาดย่อม หรือแม้แต่โอทอป ให้ความสนใจเข้ามาสู่ตลาดสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กันเป็นจำนวนมาก รวมไปถึง อุตสาหกรรมขนาดใหญ่เองก็ไม่พลาดที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ของตัวเอง เพื่อเข้ามาขอร่วมแจมในตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วย
สาเหตุที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีการเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ คนหันมาใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้มากขึ้น เพราะสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทุกคนต้องเผชิญกับมลพิษที่อยู่รอบด้าน ทั้งเรื่องสภาพแวดล้อมและอาหารการกิน ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งที่มาของโรคร้าย ต่างๆ ทำให้ทุกคนต้องมาหันมาพึ่งอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นทางเลือกในการช่วยให้รอดพ้นจากโรคภัยต่างๆ
สำหรับนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของไทย นั้นมาจากพืช ผัก ผลไม้ และสมุนไพรที่อยู่รอบตัวเรา เพียงแต่ว่า ใครจะมองเห็นคุณค่าของมัน หลายครั้ง เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน และนำมาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ แต่ที่สำคัญก็ต้องผ่านการคิดค้นวิจัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ว่า วัตถุดิบที่นำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้น แท้จริง มันมีองค์ประกอบและคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร
แต่ในส่วนของผลิตภัณฑ์ “น้ำมันจากเมล็ดฝรั่ง” เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาของผู้ประกอบการคนไทย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และอุตสาหกรรมอาหารไทย ที่สามารถคิดค้นและนำเมล็ดฝรั่ง ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่เหลือใช้ หรือ เป็นบายโปรดักส์ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และผลผลิตจากเกษตรกรไทย มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมอาหารไทย ที่น่าจะ ยังไม่มีใครที่ทำการวิจัยและผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกมาจำหน่าย
น้ำมันจากเมล็ดฝรั่ง แนวคิดสร้างมูลค่าเพิ่มจากบายโปรดักส์
โดยเจ้าของผลงาน “น้ำมันจากเมล็ดฝรั่ง” ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากผลงานการวิจัย ของบริษัท ทิปโก้ ไบโอเท็ค จำกัด บริษัทในเครือ บริษัททิปโก้ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตน้ำผัก ผลไม้ โดยในส่วนของทิปโก้ ไบโอเท็ค เป็นบริษัทลูกที่ ทิปโก้ฟู้ด ถือหุ้น 100% เปิดขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบดูแลงานวิจัยและผลิต ผลิตภัณฑ์ สารสกัดจากสมุนไพรการเกษตร และนำวัตถุดิบ ซึ่งเป็นบายโปรดักส์ของทางโรงงาน ที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพ ต่อไป
นายอนันต์ ชัยกิจวัฒนะ Project Manager บริษัท ทิปโก้ ไบโอเท็ค จำกัด เล่าถึง ที่มาของผลิตภัณฑ์น้ำมันจากเมล็ดฝรั่ง ว่า เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมีวัตถุดิบที่เกิดจากบายโปรดักส์ในกลุ่ม ผัก ผลไม้อยู่หลายชนิด ซึ่งไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ อะไรมากกว่า ทิ้งเป็นขยะหรือใช้เป็นปุ๋ย ซึ่งไม่ได้เกิดมูลค่าเพิ่ม หรือ สร้างรายได้ให้กับบริษัทมากนัก ดังนั้น ทางบริษัทแม่ จึงเล็งเห็นความสำคัญของการนำบายโปรดักส์ มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ
ทั้งนี้ เราก็คงจะทราบกันดีว่า บายโปรดักส์ของบริษัทหลายตัว มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งหลายตัวอยู่ในขั้นตอนของการทำวิจัย โดยทีมงานคิดค้นวิจัยของบริษัท ว่าจะนำมาบายโปรดักส์เหล่านี้มาทำผลิตภัณฑ์อะไรออกมาจำหน่ายได้บาง แต่สำหรับในส่วนของเมล็ดฝรั่ง ก็เป็นหนึ่งในบายโปรดักส์ ที่เรามีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในแต่ละเดือน ทางโรงงานมีเมล็ดฝรั่งที่เหลือทิ้งเป็นขยะมากกว่า 5 ตัน และเคยมีผู้คิดค้น และทำวิจัยถึงคุณประโยชน์ของเมล็ดฝรั่ง แต่ยังไม่เคยมีผู้ผลิตออกมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์
ทางบริษัทของเราเอง จึงได้มองเห็นประโยชน์ของเมล็ดฝรั่งจากผลงานวิจัยดังกล่าว และได้นำมาวิจัยต่อในเบื้องต้น และทดลองผลิตออกมาเป็น น้ำมันจากเมล็ดฝรั่ง ภายใต้แบรนด์ทิปโก้ ขายอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพราะจากผลงานวิจัยวิเคราะห์องค์ประกอบพบว่า น้ำมันจากเมล็ดฝรั่ง นั้นมีองค์ประกอบคล้ายกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น น้ำมันจากดอกคำฝอย เป็นต้น
ชูกลยุทธ์เรื่องของสุขภาพ
โดยมีคุณสมบัติคือ มีไขมันตัวดีที่เรียกว่า ไขมันไม่อิ่มตัวอยู่สูง ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ซึ่งเป็นที่มาของโรคหัวใจ ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดแข็งคือระดับไขมัน cholesterol ในเลือดพบว่ายิ่งมีระดับสูงยิ่งมีความเสี่ยง นอกจากนั้นชนิดของไขมันในเลือดก็มีความสำคัญพบว่าหากไขมันในเลือดชนิดไม่ดี(LDL Tran fatty acid)สูงจะทำให้เกิดโรคหัวใจสูง หากรับประทานไขมันที่ดีจะลดการเกิดโรคหัวใจ
นายอนันต์ เล่าว่า สำหรับในเมล็ดพืชเกือบทุกชนิด ส่วนใหญ่จะมีน้ำมันอยู่ แต่ในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป ส่วนจะเป็นไขมันชนิดใด และมีประโยชน์ต่อร่างกายมากน้อยแค่ไหน ก็คงจะต้องทำการวิจัยกันต่อไป แต่สำหรับในส่วนของเมล็ดฝรั่ง นั้นมีไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งพบว่ามีองค์ประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และมีความจำเป็นต่อร่างกายดังที่กล่าวมาข้างต้น เราจึงเลือกมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารออกจำหน่าย
ในส่วนของการกระบวนการผลิต ใช้เครื่องกระเทาะเปลือก และเครื่องสกัดน้ำมัน เช่นเดียวกับการผลิตน้ำมันจากพืชชนิดอื่นๆ การลงทุนในเครื่องจักรทั้งสองชนิด ค่อนข้างสูง เพราะใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ได้มาตรฐานการผลิตระดับอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารที่เป็นอันตรายต่อการบริโภค อีกทั้งเพื่อรองรับการขอมาตรฐานต่างๆ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เนื่องจากเราเป็นสินค้าแบรนด์ขนาดใหญ่ ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจากภายใต้แบรนด์ของบริษัท ต้องได้มาตรฐาน
ไขมันที่ได้จากเมล็ดฝรั่งจะมีไม่มาก เพราะไม่ใช่พืชที่ให้น้ำมัน ดังนั้นน้ำมันที่ได้จากเมล็ดฝรั่งจะได้เพียงค่ 10% ทำให้ราคาน้ำมันจากเมล็ดฝรั่ง ราคาจึงค่อนข้างสูง โดยตั้งราคาขายอยู่ที่ขวดละ 100 บาท ในขนาด 50 ซีซี ราคาที่อยู่ในระดับเดียวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้จากน้ำมัน ซึ่งถ้ามีการผลิตมากขึ้น ระดับราคาน่าจะถูกลงมา
แผนการตลาดเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ
ส่วนของแผนการตลาด เนื่องจากเป็นสินค้าในกลุ่มของคนรักสุขภาพ ดังนั้น แหล่งจำหน่ายสินค้าต้องเป็นร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ ทั้งในห้างสรรพสินค้า และนอกห้างสรรพสินค้า และเนื่องจากในตอนนี้ยังผลิตสินค้าออกมาได้ไม่มาก เพราะวัตถุดิบที่มีอยู่จากบายโปรดักส์ ยังไม่ได้มาก ในอนาคตถ้าตลาดมีการขยายมากขึ้นอาจจะต้องซื้อวัตถุดิบจากภายนอก เข้ามา แต่ช่วงนี้ เป็นช่วงของทดลองตลาดยังใช้วัตถุดิบภายนอกของเราก่อน โดยบริษัทตั้งเป้าไว้ว่าน่าจะมีรายได้จาก บายโปรดักส์ที่เหลือทิ้ง เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 10 ล้านบาท 20 ล้านบาท ในอนาคตก็ดีกว่า ทิ้งไปโดยไม่ได้อะไรเลย
นอกจากนี้ ในอนาคตทางบริษัทมีแผนที่จะส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ด้วย เพราะตลาดเพื่อสุขภาพในต่างประเทศ นั้น มีการเติบโตที่เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ตลาดต่างประเทศจึงเป็นตลาดที่น่าจับตามองอย่างมากในกลุ่มของอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งในส่วนของเมล็ดฝรั่งเอง ยังไม่ได้มีการทำวิจัยอย่างจริงจัง เชื่อว่าถ้าเราได้ทำวิจัยเรื่องของเมล็ดฝรั่งมากกว่านี้ น่าจะได้พบองค์ประกอบของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มากขึ้น โดยเฉพาะโปรตีนที่ได้จากเมล็ดฝรั่ง ซึ่งมีค่อนข้างสูงเช่นกัน แต่ตอนนี้ ต้องมีหลักฐานยืนยันจากผลการวิจัยก่อนจึงจะออกมาบอกกล่าวได้
นายอนันต์ บอกกับเรา ว่า บริษัทหันมาให้ความสำคัญการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบายโปรดักส์ ที่เหลือจากการผลิตน้ำผักผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของเรามานานกว่า 4 ปี และได้ทำวิจัยกับผลิตภัณฑ์จากบายโปรดักส์หลายชนิด อาทิ สับปะรด ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของบริษัท ซึ่งขั้นตอนการผลิตน้ำสับปะรดจะมีเส้นใยกากสับปะรดเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก และเป็นที่ทราบกันดีว่าในเส้นใยสับปะรดเหล่านี้ มีไฟเบอร์สูง ทางบริษัทได้นำมาผลิตเป็นอาหารเสริมในรูปแบบของแคปซูล ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยลดน้ำหนัก น่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในกลุ่มของสาวในยุคปัจจุบัน ที่กลัวความอ้วน
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีวัตถุดิบอื่นๆที่อยู่ในขั้นตอนการวิจัย อาทิ เมล็ดมะละกอ และเปลือกมะละกอ รวมถึงเปลือกจากว่านหางจระเข้ เหล่านี้ ล้วนเป็นบายโปรดักส์ของบริษัทที่เหลือทิ้งทั้งสิ้น สินค้าจากบายโปรดักส์เหล่านี้ นอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้วยังมีแนวคิดที่จะนำมาทำเป็นสินค้าในกลุ่มของเครื่องสำอางด้วย
อย่างไรก็ตาม การฉีกรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัททิปโก้ ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นแบบอย่างของการนำหลักนวัตกรรมแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ Creative Economy มาใช้กับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของอาหารแปรรูปในบ้านเรา และยังช่วยผลักดันผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากประเทศไทย ให้สามารถเข้าไปช่วงชิง หรือ เปิดตลาดในต่างประเทศได้ ด้วยตัวเลือกและช่องทางใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มของอาหารเพื่อสุขภาพที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โทร.032-811-224-31ต่อ1179,081-850-3210, www.tipco.net