ASTVผู้จัดการรายวัน - แรงงานไทยล็อต 3 จำนวน 104 คน อพยพจากลิเบียมาถึงไทยแล้ว ท่ามกลางญาติมิตรมารอรับ เผยถูกปล้น-ไร้อาหาร ฝากรัฐบาลช่วยค่าจ้างค้างจ่าย 2 เดือน และค่าเครื่องบินเดินทางกลับ เผยแรงงานกำลังอพยพทางเรือ 4,000 คน อีก 2,300 คน กำลังข้ามแดนไปอียิปต์ลั่น “เฉลิมชัย” เสนอ ครม.ของบ 343 ล้าน ช่วยแรงงานไทยในลิเบีย รายละ 15,000 เร่งส่งจนท.ช่วยเหลือชุดที่ 2และ 3 ช่วยเหลือ รับทำงานลำบาก เหตุไม่มีทูตแรงงาน ต้องพึ่งทูตไทยในตริโปลีและสนร.ในซาอุฯ
วานนี้ (28 ก.พ.) เวลา 12.00 น. แรงงานไทยจากลิเบียชุดที่ 3 กว่า 104 คน ที่อพยพหนีภัยสงครามจากประเทศลิเบีย เดินทางจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากแรงงานไทยทุกคนไม่มีหนังสือเดินทาง ท่ามกลางการเฝ้ารอของญาติ และเจ้าหน้ากรมการจัดหางาน
นายประสูติ คำราม ชาว จ.สุโขทัย หนึ่งในแรงงานไทยที่เดินทางกลับ กล่าวว่า ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบปล้นสะดม บุกเข้าที่พักคนงานหลายสิบครั้ง จนตนเองเสียทรัพย์สินมีค่า ทั้งโทรศัพท์มือถือ เงินสด ต้องยอมแลกกับชีวิต เพราะเป็นกลุ่มผู้ติดอาวุธเข้ามาขอทรัพย์สิน ตนและเพื่อนคนงานไทยในแคมป์มีประมาณ 150 คน อพยพมาพร้อมกัน โดยขึ้นรถเทรลเลอร์ไปชายแดนประเทศอียิปต์ ใช้เวลาเดินทางรวมกับการหลบพักตามที่ต่างๆ รวม 6 วันจนถึงชายแดนอียิปต์ ต้องอยู่อย่างอดอยาก ยากลำบาก ได้รับการปันส่วนอาหารต่อวันเป็นขนมปังยาว 1 ชิ้น 3 คนต่อ 1 วัน พร้อมฝากถึงรัฐบาลดูแลเงินค่าจ้างที่นายจ้างค้างจ่าย 2 เดือน รวมกับรับผิดชอบค่าตั๋วเครื่องบิน ซึ่งคนงานต้องลงชื่อรับสภาพหนี้ไว้หากนายจ้างไม่จ่ายค่าตั๋วให้
ขณะที่นางสุภาวดี ตันเจริญผล ผู้ตรวจราชการกรมการจัดหางาน กล่าวว่า จะติดตามค่าจ้างค้างจ่ายจำนวน 2 เดือนก่อนเกิดการชุมนุมมาให้คนงาน และขอให้แรงงานทุกคนสบายใจในเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกลับประเทศทั้งหมด ซึ่งนายจ้างจะต้องเป็นผู้จ่ายแทน
สำหรับคนงานทั้ง 104 คน เป็นคนงานของบริษัทจัดหางาน 3 แห่งประกอบด้วย บริษัทจัดหางานพี.พี.พี.ก่อสร้าง (ไทยแลนด์)จำกัด, บริษัทจัดหางานแมน-โปร เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสทรัคชั่น จำกัด และบริษัทจัดหางานสเปคทรัม โอเวอร์ซี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ซึ่งไปก่อสร้างที่พักอาศัยในเมืองเดอน่าและกรุงตริโปลี ขณะที่ยอดแรงงานไทยเดินทางกลับมาแล้ว จำนวน 641 คน และมีแรงงานไทยรอขึ้นเครื่องกลับที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์อีก 107 คน ก่อนหน้านี้มีแรงงานไทยกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว โดยชุดแรกกลับมาวันที่ 26 ก.พ. จำนวน 33 คน และชุดที่สอง ในวันที่ 27 ก.พ. จำนวน 499 คน รวมกลับถึงไทยแล้วทั้งหมด 1,143 คน
วันเดียวกัน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึง การให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศลิเบียว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันที่ 1 มีนาคม ตนจะเสนอของบประมาณจำนวน 343 ล้านบาท โดย 330 ล้านบาทนำมาช่วยเหลือเป็นค่าชดเชยให้แรงงานที่เดินทางกลับมารายละ 15,000 บาท โดยคาดว่าจะมีผู้ที่ต้องช่วยเหลือประมาณ 1 หมื่นราย ส่วนที่เหลืออีก 13 ล้านบาทเป็นงบประมาณในการดำเนินงานด้านต่างๆ ส่วนงบประมาณในการเคลื่อนย้ายแรงงานนั้นเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 27 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดที่ 2 จากประเทศไทยเดินทางไปช่วยเหลือแรงงานไทยซึ่งประกอบด้วยข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ แพทย์และข้าราชการกระทรวงแรงงาน และในเร็วๆนี้จะส่งคณะช่วยเหลือชุดที่ 3 ตามไปอีก
“ยอมรับว่าการทำงานของกระทรวงแรงงานเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากที่ประเทศลิเบียไม่มีสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ (สนร.)และไม่มีอัคราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงานประจำอยู่ที่ลิเบีย การดำเนินการต้องอาศัยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ เมืองตริโปลี และให้ สนร.ซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) ประสานงานหลัก ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ส่งไปทำได้แค่เลาะๆ เลียบๆ อยู่รอบประเทศลิเบีย เพราะหากเข้าไปข้างในก็ต้องขอวีซ่า”นายเฉลิมชัยกล่าว
รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า ขณะนี้กำลังอพยพแรงงานโดยเรือประมาณ 4,000 คน และอีก 2,300 คนกำลังข้ามแดนไปยังประเทศอียิปต์ ทั้งนี้แรงงานที่เดินทางกลับมานั้น ส่วนใหญ่ยังต้องการกลับไปทำงานที่ลิเบียอีก แต่คงต้องรอให้สถานการณ์นิ่งก่อน ซึ่งกรมการจัดหางานได้เตรียมตำแหน่งงานว่างในประเทศไว้รองรับแล้ว ขณะเดียวกันทางไต้หวันเองก็ได้แจ้งความจำนงว่าต้องการแรงงานด้านการก่อสร้างจำนวนมาก ซึ่งในเร็วๆ นี้ตนจะเดินทางไปเจรจาด้วยตัวเอง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำเพื่อนำคนไทยที่อพยพจากลิเบียไปรอยังจุดต่าง ๆ เช่นประเทศอียิปต์ 175 คน และตูนีเซีย ซึ่งการขนส่งทางเรือขณะนี้จะสะดวกและปลอดภัยมากกว่าการนำเครื่องไปลงที่ทริโปลี เพราะขณะนี้มีการปิดน่านฟ้าไป ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศมีเป้าหมายนำแรงงานทั้งหมด 23,000 กลับประเทศ แต่แรงงานไทยบางส่วนไม่ขอเดินทางกลับ รวมทั้งกลุ่มที่อพยพออกมาจากลิเบียและพักตามจุดต่าง ๆ บางส่วนไม่ประสงค์เดินทางกลับเช่นกันแต่ขอดูสถานการณ์ก่อน ส่วนที่ประเทศตูนีเซียมีการประท้วงรอบใหม่ ก็ได้ประเมินอาจเปลี่ยนแผนไปรับแรงงานไทยที่มีประมาณ 2,000 คน ที่อิสตันบูล ประเทศตุรกีแทน
วานนี้ (28 ก.พ.) เวลา 12.00 น. แรงงานไทยจากลิเบียชุดที่ 3 กว่า 104 คน ที่อพยพหนีภัยสงครามจากประเทศลิเบีย เดินทางจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากแรงงานไทยทุกคนไม่มีหนังสือเดินทาง ท่ามกลางการเฝ้ารอของญาติ และเจ้าหน้ากรมการจัดหางาน
นายประสูติ คำราม ชาว จ.สุโขทัย หนึ่งในแรงงานไทยที่เดินทางกลับ กล่าวว่า ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบปล้นสะดม บุกเข้าที่พักคนงานหลายสิบครั้ง จนตนเองเสียทรัพย์สินมีค่า ทั้งโทรศัพท์มือถือ เงินสด ต้องยอมแลกกับชีวิต เพราะเป็นกลุ่มผู้ติดอาวุธเข้ามาขอทรัพย์สิน ตนและเพื่อนคนงานไทยในแคมป์มีประมาณ 150 คน อพยพมาพร้อมกัน โดยขึ้นรถเทรลเลอร์ไปชายแดนประเทศอียิปต์ ใช้เวลาเดินทางรวมกับการหลบพักตามที่ต่างๆ รวม 6 วันจนถึงชายแดนอียิปต์ ต้องอยู่อย่างอดอยาก ยากลำบาก ได้รับการปันส่วนอาหารต่อวันเป็นขนมปังยาว 1 ชิ้น 3 คนต่อ 1 วัน พร้อมฝากถึงรัฐบาลดูแลเงินค่าจ้างที่นายจ้างค้างจ่าย 2 เดือน รวมกับรับผิดชอบค่าตั๋วเครื่องบิน ซึ่งคนงานต้องลงชื่อรับสภาพหนี้ไว้หากนายจ้างไม่จ่ายค่าตั๋วให้
ขณะที่นางสุภาวดี ตันเจริญผล ผู้ตรวจราชการกรมการจัดหางาน กล่าวว่า จะติดตามค่าจ้างค้างจ่ายจำนวน 2 เดือนก่อนเกิดการชุมนุมมาให้คนงาน และขอให้แรงงานทุกคนสบายใจในเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกลับประเทศทั้งหมด ซึ่งนายจ้างจะต้องเป็นผู้จ่ายแทน
สำหรับคนงานทั้ง 104 คน เป็นคนงานของบริษัทจัดหางาน 3 แห่งประกอบด้วย บริษัทจัดหางานพี.พี.พี.ก่อสร้าง (ไทยแลนด์)จำกัด, บริษัทจัดหางานแมน-โปร เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสทรัคชั่น จำกัด และบริษัทจัดหางานสเปคทรัม โอเวอร์ซี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ซึ่งไปก่อสร้างที่พักอาศัยในเมืองเดอน่าและกรุงตริโปลี ขณะที่ยอดแรงงานไทยเดินทางกลับมาแล้ว จำนวน 641 คน และมีแรงงานไทยรอขึ้นเครื่องกลับที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์อีก 107 คน ก่อนหน้านี้มีแรงงานไทยกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว โดยชุดแรกกลับมาวันที่ 26 ก.พ. จำนวน 33 คน และชุดที่สอง ในวันที่ 27 ก.พ. จำนวน 499 คน รวมกลับถึงไทยแล้วทั้งหมด 1,143 คน
วันเดียวกัน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึง การให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศลิเบียว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันที่ 1 มีนาคม ตนจะเสนอของบประมาณจำนวน 343 ล้านบาท โดย 330 ล้านบาทนำมาช่วยเหลือเป็นค่าชดเชยให้แรงงานที่เดินทางกลับมารายละ 15,000 บาท โดยคาดว่าจะมีผู้ที่ต้องช่วยเหลือประมาณ 1 หมื่นราย ส่วนที่เหลืออีก 13 ล้านบาทเป็นงบประมาณในการดำเนินงานด้านต่างๆ ส่วนงบประมาณในการเคลื่อนย้ายแรงงานนั้นเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 27 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดที่ 2 จากประเทศไทยเดินทางไปช่วยเหลือแรงงานไทยซึ่งประกอบด้วยข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ แพทย์และข้าราชการกระทรวงแรงงาน และในเร็วๆนี้จะส่งคณะช่วยเหลือชุดที่ 3 ตามไปอีก
“ยอมรับว่าการทำงานของกระทรวงแรงงานเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากที่ประเทศลิเบียไม่มีสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ (สนร.)และไม่มีอัคราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงานประจำอยู่ที่ลิเบีย การดำเนินการต้องอาศัยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ เมืองตริโปลี และให้ สนร.ซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) ประสานงานหลัก ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ส่งไปทำได้แค่เลาะๆ เลียบๆ อยู่รอบประเทศลิเบีย เพราะหากเข้าไปข้างในก็ต้องขอวีซ่า”นายเฉลิมชัยกล่าว
รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า ขณะนี้กำลังอพยพแรงงานโดยเรือประมาณ 4,000 คน และอีก 2,300 คนกำลังข้ามแดนไปยังประเทศอียิปต์ ทั้งนี้แรงงานที่เดินทางกลับมานั้น ส่วนใหญ่ยังต้องการกลับไปทำงานที่ลิเบียอีก แต่คงต้องรอให้สถานการณ์นิ่งก่อน ซึ่งกรมการจัดหางานได้เตรียมตำแหน่งงานว่างในประเทศไว้รองรับแล้ว ขณะเดียวกันทางไต้หวันเองก็ได้แจ้งความจำนงว่าต้องการแรงงานด้านการก่อสร้างจำนวนมาก ซึ่งในเร็วๆ นี้ตนจะเดินทางไปเจรจาด้วยตัวเอง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำเพื่อนำคนไทยที่อพยพจากลิเบียไปรอยังจุดต่าง ๆ เช่นประเทศอียิปต์ 175 คน และตูนีเซีย ซึ่งการขนส่งทางเรือขณะนี้จะสะดวกและปลอดภัยมากกว่าการนำเครื่องไปลงที่ทริโปลี เพราะขณะนี้มีการปิดน่านฟ้าไป ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศมีเป้าหมายนำแรงงานทั้งหมด 23,000 กลับประเทศ แต่แรงงานไทยบางส่วนไม่ขอเดินทางกลับ รวมทั้งกลุ่มที่อพยพออกมาจากลิเบียและพักตามจุดต่าง ๆ บางส่วนไม่ประสงค์เดินทางกลับเช่นกันแต่ขอดูสถานการณ์ก่อน ส่วนที่ประเทศตูนีเซียมีการประท้วงรอบใหม่ ก็ได้ประเมินอาจเปลี่ยนแผนไปรับแรงงานไทยที่มีประมาณ 2,000 คน ที่อิสตันบูล ประเทศตุรกีแทน
