ASTVผู้จัดการรายวัน-"มาร์ค"นั่งหัวโต๊ะ ถกกรอบเวลาลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มภาคอุตสาหกรรมวันนี้ ท่ามกลางความเห็นที่ยังสวนทางกัน จับตาเริ่มขึ้นมี.ค.-ก.ค.นี้ ตามที่คลังส่งสัญญาณหรือจะชะลอออกไปตามข้อเสนอของภาคเอกชน นักวิชาการหนุนลอยตัวทันทีแบบทะยอยขึ้น หากเลื่อนออกไปก็เท่ากับว่าภาคอุตสาหกรรมกดดันรัฐบาลได้ ขณะที่ผู้ค้าก๊าซหุงต้มย้ำเหมือนเดิมต้องชะลอออกไปก่อน เหตุรัฐไม่มีมาตรการดูแล กลุ่มเซรามิกทำใจต้นทุนเพิ่มแน่
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันนี้ (23ก.พ.) กระทรวงพลังงานจะเสนอกรอบระยะเวลาการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ก.ค.2554 เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นช่วงจังหวะที่ราคาตลาดโลกเป็นช่วงขาลง ขณะเดียวกันร่างประกาศกระทรวงพลังงานในเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีในการเก็บรักษาการกำหนดบุคคลที่รับผิดชอบและการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามพรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 สำหรับโรงงานที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จะสามารถประกาศใช้ได้ในช่วงดังกล่าว
“คงจะต้องขอความชัดเจนถึงการลอยตัวหลังจากที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะทะยอยลอยตัวตั้งแต่มี.ค.นี้จนถึงก.ค. ก่อนที่จะมีการนำไปแถลงนโยบายในที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 24 ก.พ.นี้”แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมจะมีการหารือเรื่องการกำหนดโครงสร้างค่าไฟฟ้าปี 2554-2558 การกำหนดโครงสร้างการปรับอัตราค่าบริการก๊าซธรรมชาติปี 2554-2558 เนื่องจากโครงสร้างราคาเดิมใช้มาตั้งแต่ปี 2550 จึงจำเป็นต้องมีการปรับใหม่ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) โดยจะต้องพิจารณาผลกระทบของทุกฝ่ายให้ชัดเจน
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอนายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง ที่ระบุว่าจะขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมทันทีในเดือนมี.ค. และจะทยอยปรับจนลดการอุดหนุนทั้งหมดในเดือนก.ค. โดยจะอิงราคาตลาดโลกทั้งหมด 50% หรือขึ้นราคา 7-8 บาทต่อกิโลกรัม โดยทยอยปรับขึ้นเฉลี่ยเดือนละไม่เกิน 2 บาทต่อกก. ซึ่งเห็นว่าหากรัฐบาลเลื่อนออกไป ก็เท่ากับเป็นการชี้ให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมสามารถกดดันหรือต่อรองรัฐบาลได้
“ที่ผ่านมาถือว่าภาคอุตสาหกรรมได้เปรียบในเชิงต้นทุน เพราะใช้ราคาแอลพีจีต่ำกว่าตลาดโลกมานานมากแล้ว และรัฐก็ส่งสัญญาณมาตลอดว่าจะขึ้น การขอเวลาปรับตัว 3-5 ปี ผมคิดไม่ออกว่ามันมีหลักการมาจากอะไรกัน “นายมนูญกล่าว
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าแอลพีจี กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย หากกพช.จะมีมติให้มีการทยอยขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมทันทีในเดือนมี.ค.เลย เนื่องจากได้ยื่นหนังสือชี้แจงไปยังกระทรวงพลังงานแล้วถึงเหตุผลที่ควรจะต้องชะลอออกไปก่อน เนื่องจากร่างประกาศกระทรวงพลังงานที่จะออกมารองรับการแยกราคาแอลพีจี 2 ราคายังไม่พร้อม
“ถ้ามีมาตรการอะไรออกมารองรับ ผมไม่ว่า แต่นี่ยังไม่มีและยังไม่ชัดเจนเลย ควรจะต้องให้เวลาบ้าง แต่ถ้าขึ้นราคาเท่ากันหมดทั้งกระดานเลย เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็ทำได้ทันที แต่ถ้า 2 ราคา ผมคิดว่าถ้ากฏหมายยังไม่พร้อมที่จะดูแล ก็เปล่าประโยชน์”นายชิษณุพงษ์กล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากการหารือกลุ่มเซรามสิกส์ยอมรับว่าการทะยอยปรับขึ้นราคาในเดือนมี.ค.นั้น คงจะกระทบกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น จึงเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการรองรับผลกระทบให้ชัดเจนก่อนจึงจะมีการปรับขึ้น แต่ขณะนี้เท่าที่ทราบทางภาครัฐเองก็ยังไม่มีมาตรการดูแลในเรื่องผลกระทบ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันนี้ (23ก.พ.) กระทรวงพลังงานจะเสนอกรอบระยะเวลาการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ก.ค.2554 เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นช่วงจังหวะที่ราคาตลาดโลกเป็นช่วงขาลง ขณะเดียวกันร่างประกาศกระทรวงพลังงานในเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีในการเก็บรักษาการกำหนดบุคคลที่รับผิดชอบและการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามพรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 สำหรับโรงงานที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จะสามารถประกาศใช้ได้ในช่วงดังกล่าว
“คงจะต้องขอความชัดเจนถึงการลอยตัวหลังจากที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะทะยอยลอยตัวตั้งแต่มี.ค.นี้จนถึงก.ค. ก่อนที่จะมีการนำไปแถลงนโยบายในที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 24 ก.พ.นี้”แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมจะมีการหารือเรื่องการกำหนดโครงสร้างค่าไฟฟ้าปี 2554-2558 การกำหนดโครงสร้างการปรับอัตราค่าบริการก๊าซธรรมชาติปี 2554-2558 เนื่องจากโครงสร้างราคาเดิมใช้มาตั้งแต่ปี 2550 จึงจำเป็นต้องมีการปรับใหม่ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) โดยจะต้องพิจารณาผลกระทบของทุกฝ่ายให้ชัดเจน
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอนายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง ที่ระบุว่าจะขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมทันทีในเดือนมี.ค. และจะทยอยปรับจนลดการอุดหนุนทั้งหมดในเดือนก.ค. โดยจะอิงราคาตลาดโลกทั้งหมด 50% หรือขึ้นราคา 7-8 บาทต่อกิโลกรัม โดยทยอยปรับขึ้นเฉลี่ยเดือนละไม่เกิน 2 บาทต่อกก. ซึ่งเห็นว่าหากรัฐบาลเลื่อนออกไป ก็เท่ากับเป็นการชี้ให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมสามารถกดดันหรือต่อรองรัฐบาลได้
“ที่ผ่านมาถือว่าภาคอุตสาหกรรมได้เปรียบในเชิงต้นทุน เพราะใช้ราคาแอลพีจีต่ำกว่าตลาดโลกมานานมากแล้ว และรัฐก็ส่งสัญญาณมาตลอดว่าจะขึ้น การขอเวลาปรับตัว 3-5 ปี ผมคิดไม่ออกว่ามันมีหลักการมาจากอะไรกัน “นายมนูญกล่าว
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าแอลพีจี กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย หากกพช.จะมีมติให้มีการทยอยขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมทันทีในเดือนมี.ค.เลย เนื่องจากได้ยื่นหนังสือชี้แจงไปยังกระทรวงพลังงานแล้วถึงเหตุผลที่ควรจะต้องชะลอออกไปก่อน เนื่องจากร่างประกาศกระทรวงพลังงานที่จะออกมารองรับการแยกราคาแอลพีจี 2 ราคายังไม่พร้อม
“ถ้ามีมาตรการอะไรออกมารองรับ ผมไม่ว่า แต่นี่ยังไม่มีและยังไม่ชัดเจนเลย ควรจะต้องให้เวลาบ้าง แต่ถ้าขึ้นราคาเท่ากันหมดทั้งกระดานเลย เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็ทำได้ทันที แต่ถ้า 2 ราคา ผมคิดว่าถ้ากฏหมายยังไม่พร้อมที่จะดูแล ก็เปล่าประโยชน์”นายชิษณุพงษ์กล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากการหารือกลุ่มเซรามสิกส์ยอมรับว่าการทะยอยปรับขึ้นราคาในเดือนมี.ค.นั้น คงจะกระทบกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น จึงเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการรองรับผลกระทบให้ชัดเจนก่อนจึงจะมีการปรับขึ้น แต่ขณะนี้เท่าที่ทราบทางภาครัฐเองก็ยังไม่มีมาตรการดูแลในเรื่องผลกระทบ
