เมื่อวานนี้(22ก.พ.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แถลงถึงความคืบหน้าในการเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคได้แยกประเด็นและกลุ่มการอภิปรายออกเป็น 3 ประเภทคือ
1.การสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง 2.เรื่องการทุจริตในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล และ3.การบริหารของรัฐบาลที่ล้มเหลว เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และระบบเศรษฐกิจ ส่วนจำนวนวันที่จะอภิปรายนั้น ขอวันอภิปรายทั้งหมด 4 วัน และวันที่ 5 จะเป็นการโหวตซึ่งเหมือนกับสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคไทยรักไทย เนื่องจากการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐสภาชุดปัจจุบัน
มิ่งขวัญ บอกว่า สำหรับประเภทของญัตตินั้น จะเป็นทั้งการยื่นถอดถอนและการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนจะมีรัฐมนตรีคนใดบ้างที่จะถูกอภิปรายและยื่นถอดถอนนั้น จะแถลงให้ทราบอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ. ส่วนการร่างญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ร่างญัตติเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นภายใน 1-2 วันนี้จะเป็นขั้นตอนของการตรวจทานในเรื่องของข้อกฎหมายต่างๆ จากนั้นจะยื่นเรื่องถอดถอนต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาตามมาตรา 271 ของรัฐธรรมนูญ และยื่นอภิปกรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยคาดว่าจะยื่นญัตติได้ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์-2 มีนาคม
เหตุที่ต้องยื่นญัตติในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงไม่เกินวันที่ 2 มีนาคม มิ่งขวัญกล่าวว่า เพื่อที่จะได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงกลางเดือนมีนาคม และยืนยันว่าไม่ได้ยื่นญัตติช้าเกินไป แต่น่าจะเป็นการยื่นญัตติที่เร็วเกินไปด้วยซ้ำ เพราะมีส.ส.บางส่วนที่อยากให้ยื่นญัตติในเดือนเมษายน โดยย้ำด้วยว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเนื้อหาจะเข้มข้นกว่าการอภิปรายงบประมาณกลางปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แกนนำพรรคได้สั่งกำชับมิ่งขวัญ ให้ระวังในเรื่อง“ประเด็น-ข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ” จะรั่วออกไปถึงหูรัฐบาล
เพราะในพรรคเองส.ส.หลายคนหลายกลุ่มยังไม่นิ่ง เห็นทำเป็นเงียบๆ แต่อาจไปต่อสายเตรียมย้ายพรรคไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรอวันยุบสภา พวกนี้ก็จะเก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่บ้านใหม่ทันที
ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นไส้ศึกไปก่อน ยิ่งหากเอาข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปให้ฝ่ายตรงข้ามพวกพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยที่คาดว่าจะเป็นพรรคที่ส.ส.เพื่อไทยไหลเข้าไปอยู่เยอะ จะยิ่งทำให้ได้”ค่าตัว”เพิ่มขึ้นอีก
จึงกำชับให้ระวัง...ระวัง
ข่าวเล่ากันมาเป็นทอดๆ ว่า ในส่วนคณะทำงานเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทยเอง แม้เกือบ 100 เปอร์เซนต์เชื่อได้ว่าไม่มีใครย้ายพรรคแน่ แต่ของแบบนี้มันก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะส.ส.คนที่จะลุกขึ้นอภิปรายก็ต้องมีทีมงานซึ่งก็คือพวกส.ส.ในพรรคที่เป็นผู้ช่วยหาข้อมูลและเตรียมเอกสาร รวมถึงคอยช่วยซักซ้อมให้ หรือแม้แต่พวกผู้ช่วยส.ส. ของพรรคบางคนอาจเป็นพวกหนอนบ่อนไส้ เอาความเคลื่อนไหวไปแจ้งฝ่ายตรงข้ามได้
ทำให้สุดท้าย ก็ต้องมี “ชั้นความลับ”ป้องกันในทีมงานอภิปรายของเพื่อไทยไว้ก่อน
“ชั้นแรก” จะปิดลับเรื่องการอภิปรายว่าจะยื่นเมื่อไหร่ มีรัฐมนตรีคนไหนจะโดนบ้าง
ของแบบนี้ ยากที่จะไม่มีการคุยหรือรายงานในที่ประชุมใหญ่ส.ส.ของพรรค เพราะประชุมครั้งใด ก็ต้องถูกส.ส.ในพรรคลุกขึ้นถาม มิ่งขวัญและทีมงานก็ต้องชี้แจง แจ้งให้ทราบเป็นวาระปกติ แต่จะไม่มีการลงรายละเอียด เพราะรู้ดีว่าคุยกันวงใหญ่แบบนี้ไม่เหมาะ
“ชั้นที่สอง” จะปิดเป็นความลับรู้กันเฉพาะในคณะทำงานเตรียมอภิปราย โดยใช้สถานที่คือห้องทำงานของมิ่งขวัญในตึกที่ทำการพรรคเพื่อไทย และที่ห้องวิปฝ่ายค้านเท่านั้น
คนที่จะเข้าออกได้ ก็ต้องเป็นคณะทำงานที่มิ่งขวัญและแกนนำพรรคมอบหมายให้เป็นคณะทำงานเท่านั้น และต้องชัดเจนแล้วว่าจะได้ลุกขึ้นอภิปรายแน่นอน แต่จะได้อภิปรายรัฐมนตรีที่มีข้อมูลอยู่ในมือหรือคนที่สนใจหรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่การประชุมของทีมงาน ที่พิจารณาข้อมูลที่ส.ส.คนนั้นมีอยู่ในมือและความถนัดด้วย
แต่ส่วนใหญ่จะยึดหลักให้พวกที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการ-กรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฏรในสายงานที่สอดคล้องกับฝ่ายบริหาร ซึ่งจะมีข้อมูลเบื้องต้นและความเข้าใจดีอยู่แล้ว เป็นคนอภิปรายรัฐมนตรีในสายงานที่ตรงกันก่อน อย่างกรณี สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การธนาคาร หน้าที่หลักก็คือการอภิปรายประเด็นเศรษฐกิจ ซึ่งก็คือกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง
แต่สูตรนี้ก็ไม่ตายตัว เพราะหากดูแล้วถ้าไม่ถนัดหรืออยากอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นก็ทำได้ แต่ก็ต้องคุยกันในพรรคว่ามิ่งขวัญเห็นว่าอย่างไร รวมถึงหากส.ส.คนไหนแม้ไม่ได้เป็นกรรมาธิการอะไรแต่มีข้อมูลและทำการบ้านมาดีพอในการอภิปรายรัฐมนตรีที่จะถูกยื่นญัตติก็สามารถใช้สิทธิได้ ขอเพียงให้แจ๋วจริงเท่านั้น
ในชั้นความลับที่สองนี้ ก็ต้องมีการกลั่นกรองกันละเอียดไม่น้อย เพื่อไม่ให้ใครแกล้งทำมาจะขออภิปรายด้วย แล้วเข้ามานั่งฟังความลับต่างๆในห้องประชุม
ขณะที่ความลับชั้นที่ 3 ยังไม่เกิดขึ้น แม้วันนี้พรรคจะเปิดศึกซักฟอกแน่ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในการยื่นญัตติ ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังมีการยื่นญัตติใส่ชื่อรัฐมนตรีที่โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว
รอบนี้ จะกำหนดตัวส.ส.ที่จะลุกขึ้นอภิปรายและประเด็นการอภิปรายไว้แล้ว จากนั้นแต่ละคนจะต้องกุมข้อมูลที่มีอยู่ในมือและพรรคหามาให้ไว้ให้ดีที่สุด ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด โดยเฉพาะหากเป็นข้อมูลเด็ดๆ มัดถึงตัวรัฐมนตรีหรือคนใกล้ชิดได้ เพราะพรรคกะว่าเอาให้ชนิดเปิดออกมาแล้ว เตรียมตัวกันไม่ทัน ซึ่งพรรคมั่นใจว่าน่าจะทำได้ เหมือนกับที่ทำมาแล้วตอนอภิปรายสุเทพ เทือกสุบรรณ เรื่องเขาแพง ที่ความลับเปิดออกมาก่อนอภิปรายเพียงไม่กี่ชั่วโมง
และความลับชั้นที่สาม นอกจากมิ่งขวัญ แล้วยังมีอีกหนึ่งคนที่จะรู้ภาพรวมทั้งหมดว่าส.ส.เพื่อไทยคนไหนอภิปรายรัฐมนตรีคนไหน มีประเด็นอะไรบ้าง มีเอกสารหลักฐานอะไร
ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่มีข่าวว่าพรรคจะให้ส.ส.แต่ละคนได้วีดีโอลิงค์ไปคุยกับทักษิณ เพื่อให้ทักษิณทำหน้าที่ติวเตอร์คอยชี้แนะ และช่วยหาข้อมูลให้อีกแรง !
1.การสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง 2.เรื่องการทุจริตในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล และ3.การบริหารของรัฐบาลที่ล้มเหลว เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และระบบเศรษฐกิจ ส่วนจำนวนวันที่จะอภิปรายนั้น ขอวันอภิปรายทั้งหมด 4 วัน และวันที่ 5 จะเป็นการโหวตซึ่งเหมือนกับสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคไทยรักไทย เนื่องจากการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐสภาชุดปัจจุบัน
มิ่งขวัญ บอกว่า สำหรับประเภทของญัตตินั้น จะเป็นทั้งการยื่นถอดถอนและการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนจะมีรัฐมนตรีคนใดบ้างที่จะถูกอภิปรายและยื่นถอดถอนนั้น จะแถลงให้ทราบอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ. ส่วนการร่างญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ร่างญัตติเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นภายใน 1-2 วันนี้จะเป็นขั้นตอนของการตรวจทานในเรื่องของข้อกฎหมายต่างๆ จากนั้นจะยื่นเรื่องถอดถอนต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาตามมาตรา 271 ของรัฐธรรมนูญ และยื่นอภิปกรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยคาดว่าจะยื่นญัตติได้ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์-2 มีนาคม
เหตุที่ต้องยื่นญัตติในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงไม่เกินวันที่ 2 มีนาคม มิ่งขวัญกล่าวว่า เพื่อที่จะได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงกลางเดือนมีนาคม และยืนยันว่าไม่ได้ยื่นญัตติช้าเกินไป แต่น่าจะเป็นการยื่นญัตติที่เร็วเกินไปด้วยซ้ำ เพราะมีส.ส.บางส่วนที่อยากให้ยื่นญัตติในเดือนเมษายน โดยย้ำด้วยว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเนื้อหาจะเข้มข้นกว่าการอภิปรายงบประมาณกลางปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แกนนำพรรคได้สั่งกำชับมิ่งขวัญ ให้ระวังในเรื่อง“ประเด็น-ข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ” จะรั่วออกไปถึงหูรัฐบาล
เพราะในพรรคเองส.ส.หลายคนหลายกลุ่มยังไม่นิ่ง เห็นทำเป็นเงียบๆ แต่อาจไปต่อสายเตรียมย้ายพรรคไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรอวันยุบสภา พวกนี้ก็จะเก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่บ้านใหม่ทันที
ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นไส้ศึกไปก่อน ยิ่งหากเอาข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปให้ฝ่ายตรงข้ามพวกพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยที่คาดว่าจะเป็นพรรคที่ส.ส.เพื่อไทยไหลเข้าไปอยู่เยอะ จะยิ่งทำให้ได้”ค่าตัว”เพิ่มขึ้นอีก
จึงกำชับให้ระวัง...ระวัง
ข่าวเล่ากันมาเป็นทอดๆ ว่า ในส่วนคณะทำงานเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทยเอง แม้เกือบ 100 เปอร์เซนต์เชื่อได้ว่าไม่มีใครย้ายพรรคแน่ แต่ของแบบนี้มันก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะส.ส.คนที่จะลุกขึ้นอภิปรายก็ต้องมีทีมงานซึ่งก็คือพวกส.ส.ในพรรคที่เป็นผู้ช่วยหาข้อมูลและเตรียมเอกสาร รวมถึงคอยช่วยซักซ้อมให้ หรือแม้แต่พวกผู้ช่วยส.ส. ของพรรคบางคนอาจเป็นพวกหนอนบ่อนไส้ เอาความเคลื่อนไหวไปแจ้งฝ่ายตรงข้ามได้
ทำให้สุดท้าย ก็ต้องมี “ชั้นความลับ”ป้องกันในทีมงานอภิปรายของเพื่อไทยไว้ก่อน
“ชั้นแรก” จะปิดลับเรื่องการอภิปรายว่าจะยื่นเมื่อไหร่ มีรัฐมนตรีคนไหนจะโดนบ้าง
ของแบบนี้ ยากที่จะไม่มีการคุยหรือรายงานในที่ประชุมใหญ่ส.ส.ของพรรค เพราะประชุมครั้งใด ก็ต้องถูกส.ส.ในพรรคลุกขึ้นถาม มิ่งขวัญและทีมงานก็ต้องชี้แจง แจ้งให้ทราบเป็นวาระปกติ แต่จะไม่มีการลงรายละเอียด เพราะรู้ดีว่าคุยกันวงใหญ่แบบนี้ไม่เหมาะ
“ชั้นที่สอง” จะปิดเป็นความลับรู้กันเฉพาะในคณะทำงานเตรียมอภิปราย โดยใช้สถานที่คือห้องทำงานของมิ่งขวัญในตึกที่ทำการพรรคเพื่อไทย และที่ห้องวิปฝ่ายค้านเท่านั้น
คนที่จะเข้าออกได้ ก็ต้องเป็นคณะทำงานที่มิ่งขวัญและแกนนำพรรคมอบหมายให้เป็นคณะทำงานเท่านั้น และต้องชัดเจนแล้วว่าจะได้ลุกขึ้นอภิปรายแน่นอน แต่จะได้อภิปรายรัฐมนตรีที่มีข้อมูลอยู่ในมือหรือคนที่สนใจหรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่การประชุมของทีมงาน ที่พิจารณาข้อมูลที่ส.ส.คนนั้นมีอยู่ในมือและความถนัดด้วย
แต่ส่วนใหญ่จะยึดหลักให้พวกที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการ-กรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฏรในสายงานที่สอดคล้องกับฝ่ายบริหาร ซึ่งจะมีข้อมูลเบื้องต้นและความเข้าใจดีอยู่แล้ว เป็นคนอภิปรายรัฐมนตรีในสายงานที่ตรงกันก่อน อย่างกรณี สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การธนาคาร หน้าที่หลักก็คือการอภิปรายประเด็นเศรษฐกิจ ซึ่งก็คือกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง
แต่สูตรนี้ก็ไม่ตายตัว เพราะหากดูแล้วถ้าไม่ถนัดหรืออยากอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นก็ทำได้ แต่ก็ต้องคุยกันในพรรคว่ามิ่งขวัญเห็นว่าอย่างไร รวมถึงหากส.ส.คนไหนแม้ไม่ได้เป็นกรรมาธิการอะไรแต่มีข้อมูลและทำการบ้านมาดีพอในการอภิปรายรัฐมนตรีที่จะถูกยื่นญัตติก็สามารถใช้สิทธิได้ ขอเพียงให้แจ๋วจริงเท่านั้น
ในชั้นความลับที่สองนี้ ก็ต้องมีการกลั่นกรองกันละเอียดไม่น้อย เพื่อไม่ให้ใครแกล้งทำมาจะขออภิปรายด้วย แล้วเข้ามานั่งฟังความลับต่างๆในห้องประชุม
ขณะที่ความลับชั้นที่ 3 ยังไม่เกิดขึ้น แม้วันนี้พรรคจะเปิดศึกซักฟอกแน่ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในการยื่นญัตติ ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังมีการยื่นญัตติใส่ชื่อรัฐมนตรีที่โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว
รอบนี้ จะกำหนดตัวส.ส.ที่จะลุกขึ้นอภิปรายและประเด็นการอภิปรายไว้แล้ว จากนั้นแต่ละคนจะต้องกุมข้อมูลที่มีอยู่ในมือและพรรคหามาให้ไว้ให้ดีที่สุด ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด โดยเฉพาะหากเป็นข้อมูลเด็ดๆ มัดถึงตัวรัฐมนตรีหรือคนใกล้ชิดได้ เพราะพรรคกะว่าเอาให้ชนิดเปิดออกมาแล้ว เตรียมตัวกันไม่ทัน ซึ่งพรรคมั่นใจว่าน่าจะทำได้ เหมือนกับที่ทำมาแล้วตอนอภิปรายสุเทพ เทือกสุบรรณ เรื่องเขาแพง ที่ความลับเปิดออกมาก่อนอภิปรายเพียงไม่กี่ชั่วโมง
และความลับชั้นที่สาม นอกจากมิ่งขวัญ แล้วยังมีอีกหนึ่งคนที่จะรู้ภาพรวมทั้งหมดว่าส.ส.เพื่อไทยคนไหนอภิปรายรัฐมนตรีคนไหน มีประเด็นอะไรบ้าง มีเอกสารหลักฐานอะไร
ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่มีข่าวว่าพรรคจะให้ส.ส.แต่ละคนได้วีดีโอลิงค์ไปคุยกับทักษิณ เพื่อให้ทักษิณทำหน้าที่ติวเตอร์คอยชี้แนะ และช่วยหาข้อมูลให้อีกแรง !
