xs
xsm
sm
md
lg

ศักยภาพของเผด็จการ ย่อมโง่และอ่อนด้อยเสมอไป

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

พวกเราจำกันได้ ด้วย “ม.ล.วัลย์วิภา” ยืนยันว่าไทยเสียดินแดนให้กัมพูชา 4.6 ตารางกิโลเมตร ตามข้อผูกพันในแถลงการณ์ร่วมที่ “นพดล ปัทมะ” ลงนามร่วมกับกัมพูชา ในการขอขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

“ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์” นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ สถาบันไทยคดีศึกษา เปิดเผยข้อมูลในประเด็นที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา (Joint Communiqué) และแผนผังที่แนบท้ายแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2551 ซึ่งมีทั้งหมด 6 ข้อด้วยกัน แต่ที่น่าสนใจก็คือ ในข้อที่ 1 ที่ระบุว่าไทยสนับสนุนการลงทะเบียนประสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการพิจารณามรดกโลกครั้งที่ 32 เมื่อเดือน ก.ค. 2551 ณ Quebec ประเทศแคนาดา โดยกำหนดเขตรอบดินแดนนั้นระบุตามแผนที่ซึ่งจัดทำโดยกัมพูชา

ก่อนหน้านี้ ปัญหาพื้นที่บริเวณรอบเขาพระวิหารยังไม่มี เพราะรัฐบาลไทยทุกยุคทุกสมัยซึ่งถือว่าเป็นดินแดนของไทยและจะผลักดันไม่ให้เขมรเข้ามาอยู่อาศัย หรือสิ่งปลูกสร้างถาวรวัตถุ แต่ที่ปัญหาเพราะรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จอมขายชาตินี่เองที่ได้อนุญาตให้ทหารเขมรและเจ้าหน้าที่อื่นๆ เข้ามาอาศัยและปลูกสร้าง และเมื่อกองทัพไทยโดยแม่ทัพภาคที่ 2 ในขณะนั้นได้ทำการผลักดันให้ทหารเขมรออกไป แต่ก็ถูกห้ามจากรัฐบาลทักษิณว่า ปล่อยให้พวกเขา (เขมร) เข้ามาตั้งกองกำลังและพักอาศัยได้

ถามว่าใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้คาราคาซังบานปลายจนถึงปัจจุบัน เพราะไม่ใช่รัฐบาลทักษิณ หรอกหรือ ทั้งนี้ก็เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่า ฮุนเซน กับทักษิณ มันน่าเจ็บใจตรงที่เอาประโยชน์ของชาติซึ่งเป็นของคนไทยทุกคน ทักษิณก็นำไปแลกเปลี่ยนเป็นผลประโยชน์ของตนเอง

สถานการณ์ขณะนี้ ซึ่งหลังจากที่ไทยยิงกับเขมร แต่เขมรก็ยังคงยึดพื้นที่ 4.6 ตารากิโลเมตรอยู่เช่นเดิม และรัฐบาลฮุนเซนเรียกร้องให้สหประชาชาติส่งกองกำลังสันติภาพบริเวณเขาพระวิหาร

หลังจากรบกันแล้วเขมรก็ขอเจรจาหยุดยิงถาวร และรัฐบาลประชาธิปัตย์และนายกษิต ภิรมย์ รวมทั้งกองทัพ จะยอมรับตามข้อเสนอนั้นด้วยหรือไม่

หากไทยยอมรับข้อเสนอหยุดยิงถาวร ฮุนเซนเขาก็ยิ้มเบิกบานใจในทันทีทันใด และบ่นพึมพัมว่า “คาดไม่ถึงว่าทำไมรัฐบาลไทยมันโง่อย่างนี้วะ” อีกหน่อยรัฐบาลฮุนเซนก็จะเฉลิมฉลองใหญ่และเป็นการโปรโมตลูกชาย “ฮุน มาเนต” ไปในตัวด้วย

ข้อตกลงเบื้องต้น 8 ข้อ เช่น ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังทหาร ห้ามเพิ่มกำลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ ไม่วางกองกำลังเผชิญหน้ากัน ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ ในพื้นที่ เช่น สร้างถนน ฯลฯ และทางกัมพูชาเองก็ไม่ได้รับประกันว่าจะสามารถควบคุมระดับปฏิบัติในพื้นที่ได้ เพียงแต่พยายาม

ข้อเสนอทั้งหมดยังไม่ชี้ชัดเพราะยังไม่ได้ทำกันระดับรัฐบาลหรือระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่ข้อเสนอดังกล่าวเป็นความเจ้าเล่ห์ เอาเปรียบของฮุนเซน และมองว่ารัฐบาลไทยโง่ เหมือนอย่างที่รัฐบาลทักษิณและนายนพดล ปัทมะ โง่มาแล้ว โง่แล้วยังขายชาติอีกต่างหาก ใครๆ ก็รับไม่ได้

การหยุดยิงอย่างถาวร ก็เท่ากับว่า เขมรยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนต่อไป และไทยก็ไม่สามารถไล่พวกเขาออกไปได้ ก็เท่ากับว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ครอบครองของเขมร อย่างนี้ไม่เรียกว่า รัฐบาลไทย ทหารไทย ไม่โง่ อ่อนด้วย แล้วจะเรียกว่าอะไร และเมื่อเหตุการณ์สงบยุติลง เขมรเขาก็เสนอการบริการจัดการฝ่ายเดียวจากยูเนสโก (UNESCO = United Nations Educational; Scientific and Cultural Organization)

มันต้องไล่กองกำลังเขมรออกไปก่อนจะด้วยวิธีเจรจาหรือสงครามขึ้นอยู่กับเงื่อนไขใดก็ตาม แล้วจึงค่อยมาเจรจากัน ก็พอฟังได้หน่อย

ความจริงแท้ การเมืองไทยเป็นเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ อำนาจอธิปไตยเป็นของชนส่วนน้อยคือคณะผู้ปกครองเพียงหยิบมือเดียว การตัดสินใจใดๆ ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองโดยฝ่ายเดียว ส่วนประชาชนไทยเองก็ยังขาดจิตสำนึกทางการเมืองที่ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะไม่เคยมีรัฐบาลไหนๆ ที่จะให้ความรู้การเมืองที่ถูกต้อง การเมืองไทยเราจึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ของคณะผู้ปกครองและนายทุนพรรคเท่านั้น ซึ่งเป็นเพียงพิธีกรรมหลอกประชาชนในชาติเท่านั้น

การเมืองเผด็จการหาความเป็นเอกภาพของปวงชนในชาติไม่ได้ ประชาชนจะหวั่นไหวไปตามประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นเฉพาะหน้า การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ มีทางเดียวกลับมาสู่ความถูกต้องยิ่งใหญ่ของชาติและของโลกในยุคปัจจุบัน คือ การสถาปนาระบอบโดยธรรมหรือหลักการปกครองโดยธรรม โดยองค์พระประมุขแห่งรัฐเท่านั้น และหากว่าสถาบันหลักของชาติไม่รู้เท่าทันก็อาจเกิดสงครามกลางเมืองโดยเสื้อแดง ฯลฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น