xs
xsm
sm
md
lg

อาวุธต้องห้ามในสงครามปาก : วจีทุจริต

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

วจีทุจริตหมายถึง การทำชั่วทางวาจาหรือการทำชั่วด้วยการพูด มี 4 ประการคือ

1. พูดเท็จหรือพูดโกหก

2. พูดคำหยาบ

3. พูดส่อเสียด

4. พูดเพ้อเจ้อ

ทั้ง 4 ประการดังกล่าวข้างต้น เป็นที่รู้และเป็นที่เข้าใจกันเป็นอย่างดีในหมู่ชนผู้นับถือพระพุทธศาสนาว่านี่คือคำสอนของพระพุทธองค์ และจัดอยู่ในส่วนของข้อห้ามมิให้ปฏิบัติ เนื่องว่ามีโทษและมีวิบากกรรม คือผลทำให้เกิดความเดือดร้อนทั้งในส่วนของผู้พูด และคนที่ผู้พูดพาดพิงถึงหรือเป็นคู่กรณีในการปะทะกันด้วยคำพูดในลักษณะของการทำสงครามปาก

ส่วนในบรรดาวจีทุจริตข้อไหนมีโทษอะไร และมากน้อยกว่ากันนั้น ถ้ามองจากการเรียงลำดับจากข้อ 1-4 แล้วก็พอจะอธิบายขยายความโดยอาศัยแนวทางแห่งคำสอน ทั้งในส่วนของศีล และส่วนของธรรมแล้ว พออนุมานได้จากมากไปหาน้อยดังนี้

1. การพูดคำเท็จหนักหรือมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพูดโกหกทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นเรื่องไม่จริง และพูดเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อและตนเองได้ประโยชน์จากการเสียประโยชน์จากความเชื่อนั้น

2. การพูดคำหยาบ หมายถึง การใช้ภาษาซึ่งผู้คนในสังคมยอมรับไม่ได้ในด้านเนื้อหา หรือภาษา ใครก็ตามถ้าพูดในลักษณะนี้จะถูกปฏิเสธจากผู้ฟังที่มีสถานภาพทางสังคมที่ถือว่าภาษาหรือเนื้อหาที่ว่านี้ชั่วช้า และต่ำทราม ไม่ควรพูด ไม่ควรแสดงออกในทางสาธารณะ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับกาลเทศะ และสถานภาพของผู้ฟัง

3. การพูดส่อเสียด หมายถึง พูดกระทบกระเทียบชาติกำเนิดในทางลบ หรือพูดถึงข้อด้อยของบุคคลในฐานะปัจเจกบุคคลที่ฟังแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด นอกจากความสะใจของผู้ที่เกลียดชัง หรือยืนอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับผู้พูด

4. การพูดเพ้อเจ้อ หมายถึง การพูดเหลวไหลไร้สาระ ไม่ก่อให้เกิดสติปัญญาใดๆ อันเกิดจากการฟัง ทั้งยังทำให้ผู้พูดไม่เป็นที่น่าเชื่อถือในสายตาของผู้ฟังด้วย

เกี่ยวกับวจีทุจริต พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้ในหลายโอกาส และผู้ฟังหลากหลาย แต่จะยกมาเป็นตัวอย่างสองประการซึ่งปรากฏในปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระไตรปิฎกเล่มที่ 22 หน้า 282 และในทสกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระไตรปิฎกเล่มที่ 24 หน้า 224 ดังต่อไปนี้

1. เกี่ยวกับโทษของคนพูดมาก

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โทษ 5 ประการนี้ในบุคคลผู้พูดมาก” คือ

1.1 ย่อมพูดปด

1.2 ย่อมพูดส่อเสียด (ยุยงให้แตกร้าว)

1.3 ย่อมพูดคำหยาบ

1.4 ย่อมพูดเพ้อเจ้อ

1.5 สิ้นชีวิตไปแล้ว ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคคติ วินิบาต นรก”

2. คนที่มีขวานเกิดมาในปากด้วย

“คนที่เกิดมาแล้วมีขวานเกิดมาในปากด้วย คนพาลเมื่อกล่าวคำชั่ว ชื่อว่าใช้ขวานนั้นฟันตนเอง

ผู้ใดสรรเสริญคนที่ควรติ ติคนที่ควรสรรเสริญ ผู้นั้นชื่อว่าใช้ปากเลือกเก็บความชั่วไว้ จะไม่ประสบความสุขเพราะความชั่วนั้น”

ทั้งหมดที่ยกมาเป็นเพียงบางส่วนแห่งคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวกับวจีทุจริต ถ้าจะยกมาทั้งหมดก็ยากที่จะอธิบายขยายความให้ชัดเจน และครอบคลุมทั้งหมดได้

แต่อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ที่ยกมาก็เพียงพอที่จะทำให้ชาวพุทธหรือไม่ใช่ชาวพุทธใช้ในการทำสงครามปากได้แล้ว อะไรคืออาวุธต้องห้าม และการพูดแบบไหนจึงจะทำให้มีโอกาสชนะเหนือศัตรูได้ และเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้คนในสังคมไทยเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สนใจติดตามข่าวความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลเขมรภายใต้การนำของสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่กำลังทำสงครามปากควบคู่ไปกับสงครามอาวุธทำลายล้างกันอยู่ในขณะนี้

เริ่มด้วยสงครามอาวุธ และตามมาด้วยสงครามปากในที่ประชุมสหประชาชาติ โดยที่นายฮอร์นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเขมรได้ฟ้องยูเอ็นว่าไทยโจมตีก่อน และไทยได้ทำลายปราสาทพระวิหารให้เสียหาย พร้อมกันนี้ได้กล่าวหาว่าไทยใช้ระเบิดพวงอันเป็นอาวุธต้องห้ามด้วย

แต่ได้ถูกนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของไทย โต้กลับว่าเขมรเปิดฉากโจมตีไทยก่อน และไทยได้ตอบโต้ป้องกันตนเองตามสมควร ทั้งยังปฏิเสธว่าไทยไม่ได้ใช้ระเบิดพวง และโต้กลับเขมรโดยการตั้งข้อหาว่าเขมรได้ใช้ปราสาทพระวิหารเป็นที่มั่นทางทหารสู้รบกับไทย อันเป็นการฝืนกฎของสหประชาชาติที่ห้ามมิให้ตั้งกองทัพในที่อันเป็นมรดกโลก

จากการปะทะกันด้วยวาจาระหว่าง รมว.ต่างประเทศทั้งสองดังกล่าว จะเห็นได้ว่าเขมรพูดเท็จอย่างชัดเจนสองเรื่อง คือ ไทยโจมตีก่อน และเรื่องไทยใช้ระเบิดพวง

ส่วนข้อหาที่ว่าไทยก่อความเสียหายแก่ตัวปราสาทพระวิหารนั้น ถึงแม้จะไม่พูดถึงโดยตรง แต่ก็ได้คำตอบว่าเหตุที่ทำให้ปราสาทเสียหายก็คือ เขมรใช้ปราสาทเป็นฐานที่มั่นของทหาร เมื่อฝ่ายไทยโจมตีที่มั่น ทางทหารก็เลี่ยงไม่ให้กระทบตัวปราสาท และพื้นที่รอบๆ ปราสาทได้ยาก นี่คือคำตอบและคำโต้จากฝ่ายไทยที่น่าจะทำให้ต่างประเทศเข้าใจว่าทางฝ่ายเขมรพูดจริงหรือพูดเท็จ หรือพูดจริงบางส่วนเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ฝ่ายตนเองมากที่สุด

นอกจากสงครามปากระหว่างเขมรกับไทยแล้ว สงครามปากระหว่างรัฐบาลกับม็อบพันธมิตรฯ ในเรื่องเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ก็น่าที่จะได้นำมาพูดถึงว่าฝ่ายไหนใช้อาวุธต้องห้ามกันบ้าง

เริ่มด้วยฝ่ายพันธมิตรฯ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก MOU 2543 ซึ่งพันธมิตรฯ ถือว่าเป็นอุปสรรคในการป้องกันมิให้ไทยเสียดินแดน แต่ทางฝ่ายรัฐบาลบอกว่าจะต้องคง MOU 2543 ไว้เพราะป้องกันมิให้เกิดการปะทะกัน แต่ถึงบัดนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ดังนั้น ฝ่ายที่ใช้อาวุธต้องห้ามคือ วจีทุจริต ข้อแรก พูดปดคือรัฐบาล ส่วนข้ออื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำหยาบ ทางฝ่ายพันธมิตรฯ บางคนก็หมิ่นเหม่ต่อการล่วงละเมิดการพูดหยาบ อันเป็นอาวุธต้องห้ามประเภทที่สองในสงครามปากเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น