"ประพันธ์" ชี้ตนมองคนไม่ผิด หลังจาก "สนธิ" เล่าถึงความไร้กาลเทศะของนายกฯขณะไปวัดป่าบ้านตาดที่ปล่อยให้พระผู้ใหญ่รอถึงครึ่งชั่วโมง พร้อมยกกรณีพีธีฌาปนกิจศพ "ทองใบ" ที่เจ้าภาพตั้งใจเชิญ "จำลอง" ไปเป็นประธาน แต่ "มาร์ค" กลับต้องการหาเสียงเลยตัดหน้าขอเป็นประธานทั้งๆที่ไม่ได้มีหมายเชิญ คาดภายในสัปดาห์หน้าจะได้วันนัดรวมพลครั้งใหญ่ มั่นใจพี่น้องผู้รักชาติจะออกมาเต็มบ้านเต็มเมือง
วันนี้ 18 ก.พ. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวปราศรัยที่เวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า กรณีที่นายสนธิเล่าถึงการกระทำของนายอภิสิทธิ์ในขณะที่ไปวัดป่าบ้านตาดเพื่อกราบสรีระสังขารของหลวงตามหาบัว เมื่อไปถึงแทนที่ นายอภิสิทธิ์จะรีบไปศาลาที่พระผู้ใหญ่รออยู่ แต่กลับไปที่บริเวณก่อสร้างเมรุทำทีสั่งการให้สร้างให้เสร็จและเพื่อให้ได้ออกทีวี จนพระผู้ใหญ่ต้องรอถึงครึ่งชั่วโมง
"แสดงให้เห็นถึงความไร้กาลเทศะไม่มีสัมมาคารวะของนายอภิสิทธิ์ เห็นหรือยังตนไม่ดูคนไม่ผิด และหลายคนพอตนพูดว่า 1 ในคุณลักษณะที่เป็นผลเสียอย่างยิ่งสำหรับความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ ก็คือความไม่มีสัมมาคาระวะและไม่รู้จักกาลเทศะ คนที่รู้จักนายอภิสิทธิ์ส่วนใหญ่จะชื่นชอบโดยเห็นจากภาพลักษณ์ภายนอก แต่น้อยคนที่จะรู้จักตัวตนแท้จริง เพราะฉะนั้นคนที่ยังหลงใหลและยังงมงายอยู่นั้นเป็นคนที่น่าเวทนาและน่าเห็นใจที่สุด" นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า มีตัวอย่างเรื่องความไม่มีสัมมาคาระวะของนายอภิสิทธิ์อีกตัวอย่างหนึ่ง คือก่อนหน้านี้ในวันงานศพของนายทองใบ ทองเปาด์ เป็นทนายความชาวอีสาน เป็นคนจังหวัดมหาสารคาม และในงานวันนั้นเขาตั้งใจเชิญ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ไปเป็นประธานในงานฌาปนกิจศพ แต่เพราะความที่อยากจะหาเสียง เพราะนายทองใบ ทองเปาด์ เป็นคนที่คนรู้จักเยอะ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายอภิสิทธิ์ ไม่มีหมายเชิญ ก็ไปที่งานศพเลย และก็ขอเป็นประธานในพิธี
ญาตินายทองใบ ได้มาเล่าให้ตนฟังด้วยความระอาใจ แต่ด้วยความเกรงใจไหนๆนายกฯก็มาแล้ว จะไม่ให้เป็นประธานก็น่าเกลียด แต่ทั้งหมดนี้ก็คือไม่ได้มีหมายมาก่อนเลย สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีกาลเทศะ ไม่ดูว่าเจ้าภาพได้เชิญใครไว้เป็นประธานแล้วบ้าง ไม่แปลกที่นายสนธิมาเล่า เพราะในชีวิตนี้นายคนนี้ไม่เคยเข้าวัดกราบไหว้พระหรอก เห็นผู้หลักผู้ใหญ่นั่งอยู่แทบจะเดินจะเหยียบหัวเลย กร่าง ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่รู้จักวัฒนธรรมไทย นี่คือตัวตนของเขา
นายประพันธ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า มีหนังสือพิมพ์หลายฉบับ หลายสำนัก พยายามค่อนแคะค่อนขอดว่าพันธมิตรไม่แรงเหมือนเมื่อก่อน คนมาไม่เยอะ ตนมั่นใจว่าวันหนึ่งพวกนี้จะต้องหน้าแตก เขาไม่เข้าใจว่าวันนี้เรายังไม่ได้รวมพล ยังไม่ได้เป่านกหวีด เมื่อวันนั้นมาถึงจะได้เห็นพลังพันธมิตรฯ เห็นพลังพี่น้องประชาชนผู้รักชาติที่จะออกมาเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่นานคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าเราจะมีการนัดหมายครั้งสำคัญอีกครั้ง
วันนี้ต่างจากการสู้คราวที่แล้ว การสู้กับนายทักษิณ คนที่ไม่ชอบทักษิณก็มายืนกับเรา แต่ครั้งนี้เราสู้เพื่อบ้านเมือง และก็สู้กับนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ นายประวิตร ที่ได้ทรยศต่อคนไทย เราก็เลยต้องสู้เพื่อโค่นล้มนายอภิสิทธิ์ออกไปเสียก่อนเพื่อรักษาแผ่นดินและอธิปไตย ดังนั้นแนวร่วมมันจึงแปรเปลี่ยน คนที่ยังงมงายกับนายอภิสิทธิ์ ไม่มีปัญหา แต่ระหว่างนายอภิสิทธิ์กับพวกพันธมิตรฯ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใครยืนบนความถูกต้อง และก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดตนได้สอบถามไปยังญาติพี่น้องในจังหวัดพื้นที่เสื้อแดง วันนี้คนเสื้อแดงตกเย็นไม่ทำอะไรแล้ว คอยดูเอเอสทีวี คอยดูตนปราศรัย เพราะพวกเสื้อแดงเองด่าอภิสิทธิ์มาตั้งกี่ปียังไม่มันส์เท่ากับตนด่าเลย