xs
xsm
sm
md
lg

รีดเพิ่มภาษีเหล้า-บุหรี่ คอไวน์เฮ!ราคาลดฮวบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สรรพสามิตเร่งปรับโครงสร้างภาษีสุรา-ยาสูบ สร้างความเท่าเทียมระหว่างสินค้านำเข้าและผลิตในประเทศ เหล้าขาวจ่อเสียแพงขึ้นยาเส้นโดนด้วย ส่วนไวน์ปรับใหม่เก็บตามปริมาณแทนมูลค่า ขณะที่ยาสูบเก็บจากราคาขายปลีกแทน พร้อมประเมินภาษีเชิงปริมาณควบคู่ไปด้วย

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรสามิต อยู่ระหว่างการศึกษาปรับโครงสร้างภาษีบาปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ภาษีสรรพสามิตสุรา ยาสูบ เบียร์ โดยเฉพาะภาษีสุรากรมฯมีแนวคิดจะเก็บภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์หรือดีกรีเพียงอย่างเดียว จากเดิมที่เก็บภาษีสองขา คือตามปริมาณแอลกอฮอล์ และมูลค่า เพื่อความเป็นธรรมเพราะผู้นำเข้าสุราจากต่างประเทศอาจฟ้ององค์กรการค้าโลก(WTO) ว่าไทยปกป้องผู้ผลิตในประเทศและอาจจะแพ้เหมือนบางประเทศโดนมาแล้ว เช่น เกาหลีใต้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมฯเก็บภาษีสุรานำข้าในอัตราสูงเพราะคิดจากมูลค่า เช่น อาจเก็บที่ 400 บาทต่อลิตร ขณะที่เหล้าขาวในประเทศเก็บเพียง 120 บาทต่อลิตร ซึ่งมีความแตกต่างกันมาก ขณะที่WTOกำหนดเงื่อนไขสินค้าชนิดเดียวกันต้องเก็บในอัตราเดียวกัน แต่เหล้าขาวเป็นสินค้าเจาะกลุ่มรากหญ้าหากปรับเพิ่มภาษีอาจกระทบผู้มีรายได้น้อย และสุราชุมชนที่มีการผลิตอยู่กว่า 4 พันโรงที่ส่วนใหญ่ทำโดยไม่ถูกกฎหมายนั้นจะยิ่งหนีภาษีกันมากขึ้น จึงต้องพิจารณาให้รอบครอบ โดยหลักการคือการดูแลชุมชมและไม่ปกป้องรายใหญ่ ส่วนรายที่มีใบอนุญาตนั้นพบว่ากว่า 70-80% ก็ผลิตเกินปริมาณที่กำหนด จึงต้องลงไปตรวจสอบเข้มงวดขึ้นหากำผิดกฎหมายก็จะยึดใบอนุญาตต่อไป

ส่วนของภาษีไวน์นั้นทีผ่านมาพบว่ามีการหนีภาษีกันมากเนื่องจากมีการจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงเพราะเก็บตามมูลค่าเช่นเก็บถึง 250%ของมูลค่าทำให้ไม่มีใครมาเสียภาษีต่อไปอาจจะเก็บตามปริมาณแทน เช่น เก็บกี่บาทต่อขวดเป็นต้นเพื่อจูงใจให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าไวน์ราคาแพงหันมาเสียภาษีให้ถูกต้อง

นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า ส่วนของพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ยาสูบฉบับใหม่นั้นในเร็วนี้จะเสนอเรื่องไปยังรมว.คลัง เพื่อปรับวิธีการจัดเก็บให้มีประสิทธิภาพและมีความเท่าเทียมกันระหว่างบุหรี่ที่ผลิตในประเทศและบุหรี่ที่นำเข้า เนื่องจากปัจจุบันการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจะเกิบจากราคาหน้าโรงงานหรือราคาแจ้งนำเข้า(CIF) ซึ่งบุหรี่นำเข้าจะมีการแจ้งต่ำมากเช่น ราคาซองละ 1 หรือ 2 บาท ทำให้เสียภาษีในอัตราต่ำและจำหน่ายในไทยได้ราคาถูกกว่าบุหรี่ที่ผลิตในประเทศ จึงจะปรับวิธีการจัดเก็บใหม่เป็นเก็บจากราคาขายปลีกแทนเพื่อสกัดบุหรี่นอกมาตีตลาดไทยหลังจากมีการเปิดเสรีการค้า

นอกจากนี้เห็นว่าช่วงที่ผ่านมากลไกลการจัดเก็บเชิงปริมาณไม่ทำงาน จะใช้กลไกลด้านมูลค่ามากกว่า จึงเห็นควรให้นำระบบการจัดเก็บเชิงปริมาณมาเป็นฐานคำนวณภาษีด้วย เช่นเก็บกี่บาทต่อมวนเป็นต้น โดยอยู่ระหว่างพิจารณาอัตราที่เหมาะสมเพื่อให้สะท้อนประเด็นผลเสียต่อสุขภาพด้วย โดยหากผลิตและนำเข้ามามากก็ควรจ่ายภาษีมากเพราะเป็นสินค้าที่ทำลายสุขภาพ

“ในช่วงที่ผ่านมาบุหรี่ราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดไทยมากขึ้น และส่วนหนึ่งผู้สูบหันไปนิยมสูบยาเส้นแทน ทั้งที่นำเข้าและผลิตในประเทศ ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ประกอบการบางรายไม่เสียภาษีตามความเป็นจริง โดยแอบอ้างว่าเป็นใบยาพันธุ์พื้นเมืองซึ่งจะได้รับยกเว้นไม่เสียภาษี ต่อไปจึงอาจจะเก็บภาษีที่โรงบ่มใบยาแทน ซึ่งขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบว่ามีโรงบ่มมากน้อยแค่ไหน” นายพงษ์ภาณุกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น