xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“มิ่ง-มาร์ค”แย่งทำแต้ม อุ่นเครื่องอภิปรายงบกลางปี รอชี้ขาดศึกซักฟอกรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - บรรยากาศภาพรวมที่ปรากฏตลอดทั้งวันของการประชุมสภาผู้แทนราษฏร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายกลางปี 2554 ที่ผ่านพ้นไปเมื่อวันพุธที่ 16 ก.พ. พบว่าบางจังหวะจนดูจืดสนิท แต่บางช่วงก็มีดึงอารมณ์ให้ร้อนแรงบ้าง ด้วยภาษาและลีลาอภิปรายการเมืองเพื่อสร้างอารมณ์ร่วม แต่ไม่มีการลงลึก หรือแสดงหลักฐานและข้อเท็จจริงประกอบเพื่อสร้างน้ำหนักให้น่าเชื่อถือ

นี่อาจเป็นแค่หนังตัวอย่างเท่านั้น ของจริงต้องรอชมในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ทั้งนี้พรรคเพื่อไทย ฝ่ายค้านมุ่งเน้นอภิปรายงบกลางปี 54 วงเงิน 1 แสนกว่าล้านบาทว่า เป็นการจัดงบเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ในลักษณะการแบ่งเค้กก้อนสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง

ผ่านการตั้งงบไว้แบบหลวมๆ ในกระทรวงต่างๆ ที่อยู่ในรูปของงบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และงบซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เช่น งบซ่อมถนน แต่อาจเปิดช่องให้มีการทุจริตได้ โดยเฉพาะงบก่อสร้างซ่อมแซมสถานที่ ซึ่งเสียหายจากน้ำท่วม เพราะเป็นการตั้งงบแบบลอยๆ ขาดรายละเอียดโครงการ อีกทั้งเป็นการตั้งงบที่ไม่เป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์ เป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้มากเกินความจำเป็น

โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่สองแกนนำพรรคเพื่อไทย คือ เฉลิม อยู่บำรุง ที่นำอภิปรายช่วงบ่าย

ซึ่งก็ดุดัน-ประชดประชัน เล่นสำนวนโวหารตามสไตล์เฉลิม โดยเน้นไปที่การตั้งข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้ทุจริตมโหฬาร

ส่วนอีกคนคือ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่เพื่อไทยมอบให้เป็นผู้อภิปรายปิด และเป็นผู้นำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มิ่งขวัญ ขึ้นโชว์ฝีปากในช่วงค่ำ ทำให้ข่าวทางหน้าสื่อที่ปรากฏค่อนข้างมีน้อย แต่เกือบ 2 ชั่วโมงที่มิ่งขวัญอภิปราย ก็พบว่าออกมาสไตล์ประนีประนอม เน้นการโชว์ตัวเลขด้านเศรษฐกิจการคลัง

อันเป็นลีลาที่มิ่งขวัญตั้งใจดีไซน์ ให้ออกมาเป็นแบรนด์ทางการเมืองของตัวเอง คือไม่ดุดัน แต่หนักที่ข้อมูล

ซึ่งผู้จะตัดสินว่า มิ่งขวัญ สอบผ่านหรือไม่ กับการรับบทแกนนำพรรคฝ่ายค้านในการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงอยู่ที่ประชาชนผู้รับชมรับฟังการอภิปรายของมิ่งขวัญ และการลุกขึ้นชี้แจงโต้มิ่งขวัญ แบบเก็บทุกเม็ดไม่มีตกแบบทันทีทันควันของอภิสิทธิ์

“ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ”ไม่สามารถชี้ขาดได้ว่า อภิสิทธิ์ หรือมิ่งขวัญ ใครเหนือกว่าใคร ใครได้คะแนนมากกว่ากัน แม้หลายเสียงจะบอกว่า อภิสิทธิ์ ฆ่ามิ่งขวัญ ตายคาห้องประชุม!

แต่เห็นได้อย่างหนึ่งว่า มิ่งขวัญ เตรียมพร้อมมาดี สำหรับการนี้ ทั้งเนื้อหา-ข้อมูล-การเปรียบเทียบตัวเลขอ้างอิงต่างๆ เช่น ข้อมูลหนี้สาธารณะ -การกู้เงินต่างประเทศของรัฐบาลทุกยุคตั้งแต่ปี 2475 จนถึงปัจจุบัน

เมื่อเทียบกับหลายครั้งที่มิ่งขวัญลุกขึ้นอภิปราย รอบนี้ถือว่าทำแต้มได้ดีที่สุด ตามมาตรฐานมิ่งขวัญ แต่ในแง่บทบาทและความเข้มในการตรวจสอบรัฐบาล การอภิปรายงบกลางปี 54 ยังไม่สามารถวัดกันได้ เพราะมันต้องไปดูของจริงในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่คาดว่าจะระเบิดเอาช่วง 2-3 สัปดาห์แรก ของเดือนมีนาคม

แต่ทั้งอภิสิทธิ์และมิ่งขวัญ แม้จะแลกหมัดกันในห้องประชุมสภาฯ แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ทว่าก็ไม่มีใครยอมให้ใคร ต่างคนต่างแย่งกันเก็บแต้ม-หาเสียงเลือกตั้งกันล่วงหน้า

ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่มิ่งขวัญ ดิสเครดิต อภิสิทธิ์ ว่าตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองและมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งรวมเวลา 76 ปี มีนายกรัฐมนตรีมา 26 คน ประเทศไทยมีหนี้สินรวมกันทั้งสิ้น 8.7 แสนล้านบาท โดยช่วง 76 ปีดังกล่าวเกิดเหตุวิกฤตหลายครั้งเช่น ผลพวงวิกฤตเศรษฐกิจหลังสงครามโลกปี พ.ศ.2482 -วิกฤตราคาน้ำมันโลกสองครั้ง คือปี 2516 และ 2522 รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540

แต่อภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีมาสองปี ก่อหนี้ให้ประเทศไทยไปแล้ว 1.49 ล้านบาท โดยที่ไม่เคยเจอกับวิกฤตหนักๆ ใดเลย แต่กลับเป็นรัฐบาลที่ทำให้ประเทศขาดวินัยการเงินการคลังมากที่สุด
 
เห็นได้จากการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ในช่วงรัฐบาลชุดนี้ที่มีการทำงบขาดดุลสูงสุดในประวัติศาสตร์ แต่กลับนำเงินไปใช้หนี้ได้น้อยลงคือเพียงแค่ 36 % ที่แม้จะหาเงินได้มากขึ้นแต่ก็ใช้เงินไปจำนวนมากกว่าที่หาได้ หรือการใช้เงินเกินตัว เกินฐานะการคลังของประเทศ

รวมถึงอภิปรายว่างบกลางปี 54 เป็นงบที่จัดทำขึ้นแบบนิติกรรมอำพราง มีการตั้งงบที่ก่อให้เกิดการรั่วไหลและทุจริตได้ ที่สำคัญคือไปก่อหนี้ให้ประเทศหลายหมื่นล้านบาท ทั้งที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความเห็นไว้แล้วว่า การทำงบกลางปีครั้งนี้ จะทำให้ประเทศเสียวินัยการเงินการคลังเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำ แต่อภิสิทธิ์ ก็ไม่สนใจ เพราะจะตั้งงบไปให้พรรคร่วมรัฐบาลผ่านกระทรวงต่าง ๆ

เช่น มหาดไทย-คมนาคม ของพรรคภูมิใจไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของชาติไทยพัฒนา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของพรรคกิจสังคม เพื่อแลกกับการเปลี่ยนท่าทีจากไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สูตรเลือกตั้งแบบ 375+125 ของประชาธิปัตย์ มาเป็นเห็นด้วย จนสุดท้ายผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาวาระ 3 ไปเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ซึ่งการโต้กลับของอภิสิทธิ์ แน่นอนว่า ด้วยความเป็นคนพูดเก่ง พูดเรื่องเข้าใจยากให้เข้าใจง่าย รู้ว่าอะไรที่พูดแล้วจะหักล้างฝ่ายตรงข้ามได้ โดยไม่ต้องทำ Power point ประกอบแบบมิ่งขวัญ

แถมเจอคู่ต่อกรอย่างมิ่งขวัญ ที่กระดูกห่างชั้นกันมากทางการเมือง อภิสิทธิ์ แม้จะใช้เวลาหลายสิบนาทีในการชี้แจงข้อกล่าวหาว่า เป็นรัฐบาลที่สร้างหนี้มากที่สุดนับแต่ 2475 แต่ก็สวนกลับไปได้หลายชุด อาทิ ตัวเลขหนี้ที่มิ่งขวัญ นำมาอ้างในช่วงก่อนรัฐบาลอภิสิทธิ์ มีการบิดเบือนไม่ยกตัวเลขที่ ทักษิณ ชินวัตร กู้เงินมา 7 แสนล้านบาท ผ่านการออก พ.ร.ก.มาใส่ไว้ จนทำให้คนเกิดเข้าใจผิดว่ารัฐบาลทักษิณ ไม่เคยกู้เงินต่างประเทศ

หรือการแจงว่าเงิน 16,000 ล้านบาท ที่อยู่ในรูปของงบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและเบี้ยยังชีพให้คนชรา-คนพิการ รวมถึงเงินใช้หนี้ 84,000 ล้านบาท มีความชอบธรรมในการตั้งงบ เพราะเงิน 16,000 ล้านบาท เกิดขึ้นจากการที่สามารถจัดเก็บภาษี และหาเงินมาได้มากกว่าที่ประมาณการไว้ จึงนำมาตั้งเป็นงบซ่อมแซม วัด โรงเรียน คันกั้นน้ำ สถานที่ราชการ สถานพยาบาล ซ่อมถนน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน และที่กระทรวงต่างๆ ได้มากก็เพราะเป็นหน้าที่โดยตรงในการนำงบไปใช้

เช่น งบซ่อมถนนที่พังจากน้ำท่วม หากไม่เอางบไปให้กระทรวงคมนาคม แล้วจะเอาไปไว้ที่กระทรวงไหน จึงไม่จริงที่ว่าเอางบไปประเคนให้พรรคภูมิใจไทย ผ่านกระทรวงคมนาคมรวมถึงกระทรวงมหาดไทย อย่างที่ฝ่ายค้านอภิปราย

คำชี้แจงแบบนี้ ก็ต้องยอมรับกันว่า อภิสิทธิ์ ทำได้เหนือกว่ามิ่งขวัญมาก

ยิ่งตอนท้าย ซึ่งอภิสิทธิ์ เอาความเดือนร้อนของประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ต้องการงบซ่อมบ้าน-ซ่อมถนน-โรงเรียน ที่แยกเป็นซ่อมถนน สะพาน ทางรถไฟ 4,883 แห่ง ซ่อมแซมโรงเรียน 2,650 แห่ง ซ่อมวัด 627 แห่ง ฟื้นฟูบูรณะแหล่งน้ำ 902 แห่ง

หรือนำเงินไปใช้เพื่อจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 8.3 แสนคน เบี้ยผู้พิการ 1.6 แสนคน และเอาเงิน 84,000 ล้านบาทไปใช้หนี้ก่อนกำหนด เพื่อทำให้ดอกเบี้ยลดลง ประเทศจะได้แบกรับภาระดอกเบี้ยใช้คืนไม่มาก มาขอร้องให้ส.ส.ทั้งหมดช่วยกันโหวตเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบกลางปี 54 เพื่อให้ผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วม ทั้งประชาชนที่รองบซ่อมบ้าน-พระสงฆ์ที่รอการบูรณะซ่อมแซมวัด ผู้สูงอายุที่รอเบี้ยยังชีพ ที่กำลังรองบตัวนี้อยู่ ได้งบดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

เจอแบบนี้ เชื่อเถอะว่า มันต้องมีแน่พวกส.ส.ฝ่ายค้านบางคนที่ใจอ่อน อาจเผลอปันใจไปให้รัฐบาล เพราะชาวบ้านในพื้นที่เลือกตั้งขอตัวเองก็รอเงินตัวนี้มาถึงพื้นที่เหมือนกัน จนอาจลืมตัว กดปุ่มเห็นชอบผ่านงบกลางปี 54 ไปแล้ว แต่ดีที่ตั้งสติได้ทัน ขืนกดเห็นชอบ ทักษิณ ชินวัตร เอาตาย

การโต้กลับทุกเม็ด แล้วกระชากอารมณ์ให้ทุกคนเห็นด้วยกับฝ่ายตน ด้วยการเอาประชาชนมาสร้างความชอบธรรม เพื่อหักล้างการอภิปรายฝ่ายตรงข้าม ขอให้บอก เรื่องแบบนี้ อภิสิทธิ์ ถนัดนัก ยิ่งดวลกันตัวต่อตัว ยากจะกินได้ลง มิ่งขวัญ จึงต้องเรียนรู้อีกมาก หากจะสู้กับนายกฯโพเดียม อย่างอภิสิทธิ์

ทว่ามิ่งขวัญ ก็ทำได้ดีแล้วระดับหนึ่ง เว้นแต่ต้องปรับปรุงลีลาอภิปรายให้ดูขึงขังมากขึ้น การพูดทีเล่นทีจริงกับนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องไม่มีให้เห็นอีก และต้องพูดให้กระชับมากขึ้น ซัดแล้วต้องเข้าประเด็นเลย ไม่ใช่มัวแต่ไหว้ครูนานแสนนานกว่าจะแลกหมัด หากไม่ปรับปรุงลีลาอภิปราย ผู้คนจะเลิกกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปดูอย่างอื่น แบบนี้ฝ่ายค้านก็เสียของ

แมทช์อุ่นเครื่องผ่านไป ทั้ง “มาร์ค-มิ่ง” ต่างแย่งกันเก็บแต้มหาเสียงกันไป แต่รู้กันดีว่า ยกตัดสิน มันต้องนี่เลย แมทช์อภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่ง มิ่งขวัญ ต้องเตรียมตัวให้หนักกว่ายกแรกหลายสิบเท่า หากคิดจะให้ประชาชนเทคะแนนให้ฝ่ายแดง เพื่อไทย มีชัยเหนือ มุมน้ำเงิน รัฐบาลประชาธิปัตย์
กำลังโหลดความคิดเห็น