xs
xsm
sm
md
lg

จับโกหก ศิริโชค โสภา

เผยแพร่:   โดย: ประพันธ์ คูณมี

สัปดาห์ก่อนเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 ผมได้เขียนบทความเปิดบันทึกลับ อภิสิทธิ์กับศิริโชค โสภา เพื่อบอกให้สังคมและท่านผู้อ่านได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ใก้ลชิดของบุคคลทั้งสองในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะ คนหนึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี อีกคนหนึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นทั้งเพื่อนที่ใกล้ชิดสนิทสนมที่สุดของนายกฯ และยังเป็นคณะทำงานที่นายกฯ ให้ความไว้วางใจที่สุดคนหนึ่งอีกด้วย

ความควรหรือไม่ควร เหมาะสมหรือไม่อย่างไรที่นายกฯ จะมีคนแบบนายศิริโชค โสภา อยู่ใกล้ชิดดุจดังเงาติดตามตัวนายกฯ และนายกฯ ก็มอบหมายให้ไปทำภารกิจต่างๆ ที่สำคัญทั้งโดยลับและเปิดเผย หรือการที่นายกฯ ปล่อยให้นายศิริโชค โสภา เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินนั้น ย่อมเป็นเรื่องที่นายกฯ ในประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายควรจะมีสำนึกรับผิดชอบ

แต่ดูเหมือนทั้งนายกฯ อภิสิทธิ์ และนายศิริโชค ต่างทำเป็นหูทวนลม อาศัยความดื้อด้านเป็นคาถา เพราะคิดว่าสักพักคนไทยก็คงลืมและไม่สนใจ ไม่เพียงเท่านั้น นายศิริโชค โสภา ยังบังอาจเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงผู้เขียนโดยเผยแพร่ลงในเฟซบุ๊กของเขา ด้วยการพยายามบิดเบือนใส่ร้ายและกล่าวหาว่าผู้เขียนโกหกมดเท็จ แม้จะถูกผู้เขียนตอบโต้ชี้แจงผ่านเวทีการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดินไปแล้วในทุกประเด็น ว่าแท้ที่จริงคนที่โป้ปดมดเท็จบิดเบือนและใส่ร้ายผู้อื่นก็คือตัวนายศิริโชคนั่นเอง เพราะทุกเรื่องราวและข้อเท็จจริงที่ผู้เขียนนำมาพูดและเขียน ล้วนแต่เป็นความจริงที่นายศิริโชค โสภา ไม่สามารถตอบชี้แจงได้เลยว่าไม่จริงอย่างไร คงมีเพียงใช้วาทกรรมพูดจาเฉไฉหรือแถไปแบบข้างๆ คูๆ หาว่าผู้เขียนมีความแค้นส่วนตัวต่อนายกฯ บ้าง จงใจทำลายเพื่อล้างแค้นบ้าง เมื่อถูกตอบโต้ก็เก็บปากเงียบ แต่ไม่ยอมลบข้อความในจดหมายเปิดผนึกที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊กของตน

ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อผู้อ่าน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ใช้ดุลพินิจพิจารณา และร่วมกันกดดันเรียกร้องให้บุคคลทั้งสองได้แสดงออกซึ่งสำนึกและความรับผิดชอบ หากเขาไม่แสดงความรับผิดชอบคนไทยทั้งหลายก็จะได้รู้ตัวตนแท้จริงของนายอภิสิทธิ์ และนายศิริโชคเสียที ว่าสองคนนี้เป็นคนเช่นไร

ในจดหมายเปิดผนึกของนายศิริโชคที่เขียนถึงผม มีความตอนหนึ่งที่นายศิริโชคยกมาอ้างก็คือ เขาอ้างว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่อภิปรายต่อสู้กับทักษิณ เปิดโปงการหลบเลี่ยงภาษีนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคม จนตัวเขากับครอบครัวถูกกลั่นแกล้งทางธุรกิจ เขาพูดจริงหรือเท็จผู้เขียนขอให้ผู้อ่านพิจารณาข้อเท็จจริงของคดีที่นางสาวเสาวรส จันทนะปุญญา หรือโสภา แม่ของนายศิริโชคถูกฟ้องล้มละลาย โดยประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เพื่อให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน โดยประกาศ ณ วันที่ 9 เมษายน 2551 ปรากฏชัดในประกาศว่าลูกหนี้ผู้ถูกฟ้องล้มละลายโดยมีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องนั้น มีลูกหนี้ที่ถูกฟ้องทั้งสิ้น 7 ราย คือ

บริษัท โอเวอร์ซีส์ มารีนและห้องเย็น จำกัด ที่ 1 บริษัท สหะโสภา จำกัด ที่ 2 บริษัท โสภา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ 3 นางสาวเสาวรส จันทนะปุญญา หรือโสภา ที่ 5 นายศิริพจน์ โสภา ที่ 6 นางกิ่ง ศิลาเลิศสกุล ที่ 7 ทั้งหมดล้วนแต่เป็นบริษัทและครอบครัวเครือญาตินายศิริโชคทั้งสิ้น เมื่อครบกำหนดยื่นขอรับชำระหนี้ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2551 ปรากฏว่ามีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน ตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 จำนวน 26 ราย เป็นเงินจำนวน 8,482,884,779.79 บาท (แปดพันสี่ร้อยแปดสิบสองล้านแปดแสนแปดหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเก้าบาทเจ็ดสิบเก้าสตางค์) เจ้าหนี้ 26 ราย มีดังนี้

1. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นเงินจำนวน 12,570,086.70 บาท 2. บริษัท บริหารสินทรัพย์เอแคป จำกัด เป็นเงินจำนวน 186,819,644.74 บาท 3. บริษัท สินทรัพย์สาธร จำกัด (มหาชน) เป็นเงินจำนวน 71,452,846.48 บาท 4. บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด เป็นเงินจำนวน 60,670,443.05 บาท 5. บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด เป็นเงินจำนวน 5,764,244.86 บาท

6. บริษัท ไดเนอร์สคลับ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเงินจำนวน 178,750.34 บาท 7. บริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเงินจำนวน 306,789.74 บาท 8. บริษัท สินทรัพย์จตุจักร จำกัด เป็นเงินจำนวน 64,840,343.05 บาท 9. ธนาคารพัฒนาวิสาหหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เป็นเงินจำนวน 122,313,575.16 บาท 10. การไฟฟ้านครหลวง เป็นเงินจำนวน 14,017.95 บาท

11. บริษัท บริหารสินทรัพย์เอแคป จำกัด เป็นเงินจำนวน 1,027,577,003.30 บาท 12. บริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเงินจำนวน 7,516,231.23 บาท 13. บริษัท สินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด เป็นเงินจำนวน 462,253,712.90 บาท 14. นางสาวธาดารัตน์ รุ่งหิรัญวัฒน์ เป็นเงินจำนวน 558,375.00 บาท 15. นางสาวลักษณา จิรกรกมล เป็นเงินจำนวน 629,300.75 บาท

16. นายไพบูลย์ ยิ่งสุข เป็นเงินจำนวน 120,000.00 บาท 17.บริษัท สินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด เป็นเงินจำนวน 405,855,799.82 บาท 18. กองทุนรวมไทยรีสตรัคเจอริ่ง เป็นเงินจำนวน 148,467,482.23 บาท 19. กรมสรรพากร เป็นเงินจำนวน 84,281.75 บาท 20. กองทุนรวมไทยรีสตรัคเจอริ่ง เป็นจำนวนเงิน 126,732,609.04 บาท

21.กองทุนรวมไทยรีสตรัคเจอริ่ง เป็นเงินจำนวน 42,835,886.59 บาท 22.กองทุนรวมไทยรีสตรัคเจอริ่ง เป็นเงินจำนวน 148,467,482.23 บาท 23. กองทุนรวมไทยรีสตรัคเจอริ่ง เป็นเงินจำนวน 66,947,916.34 บาท 24.บริษัท บริหารสินทรัพย์ไทย เป็นเงินจำนวน 5,117,499,396.10 บาท 25. บริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย เป็นเงินจำนวน 400,063,126.19 บาท 26. บริษัท ไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นเงินจำนวน 1,345,610.00 บาท

เห็นตัวเลขจำนวนยอดหนี้รวมที่บริษัทในครอบครัวและแม่ของนายศิริโชคก่อหนี้มหาศาลจนล้มละลาย เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งว่า ทำไมบริษัทในครอบครัวของนายศิริโชคที่มียอดการค้าการส่งออกปีหนึ่งไม่กี่ร้อยล้าน จึงสามารถก่อหนี้และกู้ยืมจากสถาบันการเงินต่างๆ ได้มากมายถึงเพียงนี้ ที่สุดก็มีหนี้สินล้นพ้นตัว ด้วยจำนวนหนี้มหาศาลจากบรรดาเจ้าหนี้แทบทุกสถาบันการเงิน และจากเจ้าหนี้ที่เป็นบุคคลธรรมดา กรมสรรพากร และแม้กระทั่งการไฟฟ้าฯ

หากข้อแก้ตัวของนายศิริโชคที่อ้างว่าเป็นเพราะทักษิณกลั่นแกล้งแล้ว หลายคนที่เห็นข้อเท็จจริงเช่นนี้คงพิจารณาได้ว่า ใครพูดจริง ใครโป้ปดมดเท็จ ถ้าทักษิณแกล้งครอบครัวนายศิริโชคแบบนี้ หลายครอบครัวที่ทำธุรกิจคงอิจฉานายศิริโชคและครอบครัว อยากให้ทักษิณมาแกล้งแบบนี้บ้าง ทีหลังจะแก้ตัวก็ให้เนียนกว่านี้หน่อยนะศิริโชค จำไว้คนโกหกไม่ทำบาปไม่มี

การเป็นนักการเมืองที่ขายภาพเป็นคนหนุ่มคนรุ่นใหม่ หากทั้งตนเองและครอบครัวต่างอยู่ในสถานะเช่นนี้ สมควรหรือไม่ที่คุณจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจรัฐ ที่ต้องถามหาสำนึกดังๆ ก็คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเป็นนายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าคุณจะแสดงความรับผิดชอบ แต่คุณยังใช้วิชาด้านศาสตร์โดยหารู้สำนึกไม่ ประชาชนทั้งหลายโปรดทราบว่า วันนี้เรามีผู้นำเช่นไร ท่านทั้งหลายต้องคิดและตัดสินใจ จะก้มหัวยอมรับนายกฯ ผู้นี้ต่อไปหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น