"ประพันธ์" ซัดไม่เคยเห็นมนุษย์พันธุ์ไหนหน้าด้านเท่า "ศิริโชค" ปั้นน้ำเป็นตัวผ่านเฟซบุ๊ก แต่ไม่ปฏิเสธว่าไม่มีหนี้สินและความล้มละลายของครอบครัวเลย ลั่นไม่จำเป็นต้องโกรธแค้น"มาร์ค" คนไร้ค่าฆ่าตัวตายเองนานแล้ว ซัดแหกตาดูก่อนพูดปชช.ไม่เอา ชี้เหตุลาออกเพราะไม่ต้องการสังฆกรรมกับความอัปยศในพรรค
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"
วันที่ 11 ก.พ. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ตอบโต้นายศิริโชค โสภา ที่เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงตนผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังถูกแฉว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ธุรกิจครอบครัวถูกฟ้องล้มละลาย นั้น สิ่งที่ นายศิริโชค ชี้แจงเป็นความเท็จทั้งสิ้น
นายประพันธ์ กล่าวเปิดประเด็นถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่ารู้สึกเศร้าใจกับสติปัญญาของผู้นำประเทศ มัวห่วงถนน 2 เลน ไม่ห่วงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ยังกระเหี้ยนกระหือรืออยากสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกมาปกป้องแผ่นดิน ขณะที่ครั้งเสื้อแดงชุมนุมประชาชนเรียกร้องให้สลาย เพราะก่อความรุนแรง กลับหดหัวอยู่ในค่ายทหาร สั่งตำรวจให้จัดการแต่ตำรวจไม่เอาด้วยเพราะเขามีบทเรียนเมื่อครั้งสลายชุมนุม 7 ต.ค. ก็ไปหาว่าเป็นตำรวจมะเขือเทศ วันนี้ไปสั่งทหารทหารก็ไม่เอาด้วย สั่งได้แต่นายศิริโชคคนเดียว คนเป็นนายกฯเมื่อสั่งใครไม่ได้ไม่รู้จะมานั่งหน้าด้านอยู่ทำไม วันนี้คนที่เป็นผู้นำประเทศ ควรลงพื้นที่ให้กำลังใจทหารที่รบตามชายแดน คิดทำอย่างไรให้มวลชนสามัคคีกัน ไม่ใช่มาเถียงเหมือนเด็กปัญญาอ่อน
นายประพันธ์ กล่าวถึงนายศิริโชค โสภา ว่า ต้องการว่าตนแต่ดันทะลึ่งไปเขียนไว้ในเฟซบุ๊กตัวเอง ซึ่งตนก็ไม่ได้มีเพื่อนอย่างคุณและเคยคิดรับเพื่อนอย่างคุณด้วย หากคิดว่าตนพูดเท็จทำไมไม่ถ่ายเอกสารมาแจกประชาชนเผื่อคนที่ไม่มีเฟซบุ๊กจะได้รู้กันอย่างทั่วถึง อย่างไรก็ดี การที่คุณเขียนจดหมายเปิดผนึกผ่านเฟซบุ๊ก เป็นการเปิดหน้ากากตัวเองให้ล่อนจ้อนยิ่งขึ้น ไม่มีข้อความไหนที่คุณปฏิเสธว่าไม่มีหนี้สิน และความล้มละลายของครอบครัวเลย
ทั้งนี้ที่ต้องพูดถึงคุณเพราะคุณเป็น ส.ส. มีตำแหน่งทางการเมือง กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ทำตัวใกล้ชิดนายกยิ่งกว่าภรรยาที่บ้านเขาอีก แม้กระทั่งผมโทรคุยกับนายกฯ คุณก็ทำเป็นรู้เรื่องแต่เสือกรู้ไม่จริง แสดงว่าผมโทรคุยกับนายกฯ นายกฯคงเล่าให้คุณฟังหรือคุณอยู่ด้วยมันก็เลยไม่นายกฯคุยเรื่องส่วนตัวกับใครคุณเป็นรู้หมด แสดงว่าความสนิทสนมของคุณมันพิเศษเกินเพื่อนธรรมดาไปแล้ว แล้วการอยู่ใกล้ชิดตำแหน่งนายกฯ ถามว่าในทางบริหารคุณมีตำแหน่งอะไร และเอาอำนาจอะไรไปสั่งหน่วยงานข้าราชการ
นายประพันธ์ กล่าวโต้แย้งนายศิริโชค ที่กล่าวหาว่าตนโกรธแค้นนายอภิสิทธิ์เป็นการส่วนตัว นั้น หากแค้นส่วนตัวจริง ก็ต้องถือว่าตนเก่งมากที่ทำให้คนทั้งชาติโกรธด้วยทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัว ที่พี่น้องพันธมิตรฯออกมาชุมนุมมากมายขนาดนี้ แสดงว่าไม่ได้เอาเรื่องส่วนตัวมาพูดพูดแต่เรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ อีกอย่างไม่จำเป็นต้องมาล้างแค้นหรอก นายอภิสิทธิ์กำลังจะตายอยู่แล้ว เพราะประชาชนเขาไม่เอา
ส่วนที่บอกว่าโกรธเพราะเคยไปขอให้นายอภิสิทธิ์ ช่วยเหลือตนคนเดียว เมื่อถูกดำเนินคดี เป็นการโกหกอย่างไม่น่าให้อภัย ความจริงคนที่โกรธคือนายอภิสิทธิ์ เรื่องนี้เมื่อครั้งชุมนุมพันธมิตรฯ193 เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาพันธมิตรฯฐานก่อการร้าย ซึ่งตนได้ไปออกรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ว่าการตั้งข้อกล่าวหาไม่เป็นธรรม ยัดเยียดข้อกล่าวหา เพราะการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมไม่เข้าข่ายก่อการร้าย ทำไม่นายอภิสิทธิ์ ปล่อยให้ตำรวจใช้อำนาจป่าเถื่อนกับพี่น้องประชาชน ทำอย่างนี้เหมือนกับว่าเนรคุณประชาชน นายอภิสิทธิ์ ได้ฟังเกิดสติแตกเพราะคำว่า เนรคุณ แทงใจดำ จึงได้ระบายอารมณ์กับคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ทำให้คุณหญิง โทรมาบอกตนว่า นายกฯโกรธ ที่ไปวิภาควิจารณ์เขา ตนถึงได้รู้
อย่างไรก็ดีเมื่อตนรู้ว่านายกฯโกรธ ประกอบกับคุณหญิงกัลยา บอกให้ตนโทรไปหานายกฯ ตนก็โทรไปนายกฯถามว่า “คุณไปพูดหาว่าตนเนรคุณประชาชนได้อย่างไร” ตนก็บอกว่าวิจารณ์ไปตามหน้าที่ การตั้งข้อกล่าวหาของตำรวจไม่เป็นธรรม ซึ่งท่านเองในธานะที่เป็นประธาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน้าที่โดยตรงของท่าน ประชาชนเขาต่อสู้เพื่อคืนความชอบธรรมให้บ้านเมือง ซึ่งท่านได้ประโยชน์มากมาย ไม่ช่วยเหลือจะทำให้คนเข้าคิดว่าท่านเนรคุณประชาชน ตรงนี้นายอภิสิทธิ์ ก็ย้อนกลับมาจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร หากทำก็ไม่ต่างอะไรกับทักษิณ ตนก็บอกว่ากรณีนี้มันไม่เหมือนกันคนเขาชุมนุมไม่เป็นความผิด ไม่ได้ทำให้ขาวเป็นดำหรือดำเป็นขาว และคดียังไม่ถึงศาล ยังอยู่ในอำนาจฝ่ายบริหาร ซึ่งท่านสามารถสั่งได้ ยังคุยไม่ทันจบสายหลุดก่อนตนก็ไม่เคยโทรไปอีกเลย เพราะรู้ว่าโทรไปก็ไร้ค่าสำหรับคนอย่างนี้
ดังนั้น ที่นายศิริโชค บอกขอให้ช่วยตนคนเดียวนั้น เป็นการตอแหลโดยสิ้นเชิง ตนไม่เคยคิดเลวระยำอย่างที่คุณคิด ลำพังตนคนเดียวคดีนี้มันไม่ได้ระคายผิวหนังเลยสักนิด ตนเป็นทนายสู้คดีให้คุณไม่ถูกยุบพรรคมาแล้ว แล้วทำไม่คดีขี้หมาอย่างนี้จะสู้ไม่ชนะ เพียงแค่อยากตำหนิว่าไม่ใส่ใจประชาชนต่างหาก ที่บอกว่าไม่อยากแทรกแซง เร็วๆนี้คนเสื้อแดงไม่ได้ประกันตัว นางธิดา ไปพบนายกฯของให้ประกันสามีเขา มันก็ใช้มติครม.ไม่คัดค้านการประกัน แล้วให้กองทุนไปช่วยประกันตัว อย่างนี้มันไม่เรียกว่าแทรกแซงหรือ เลวและอัปยศกว่าตั้งเยอะ
นายประพันธ์ โต้ข้อกล่าวหาโดนขับออกจากพรรค ว่า ยังไม่เคยเห็นมนุษย์พันธุ์ไหนจะหน้าด้านขนาดนี้ โกหกแบบหน้าด้านๆ หากเป็นจริงคุณเอามติพรรคมาเปิดเผยด้วยว่าขับออกด้วยเรื่องอะไร ประเด็นนี้ตนลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อพ.ศ. 2552 เพราะไม่ต้องการสังฆกรรมกับคุณในนามพรรคประชาธิปัตย์ ทนเห็นความอัปยศ ความเนรคุณของพวกคุณไม่ได้ หลังคุณห้ามมาคบกับเอเอสทีวี พันธมิตรฯ
ส่วนที่นายศิริโชคว่า ตนลงเลือกตั้งแล้วประชาชนไม่เอาเขาไม่เลือก นั้น ก่อนอื่นตนก็ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ตาสว่างไม่เลือกตน ถ้าตนชนะการเลือกตั้งครั้งนั้น ป่านนี้คงใช้ชีวิตอัปยศร่วมในรัฐบาลนี้ กลายเป็นไม้รันขี้ให้นายอภิสิทธิ์ ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ อยากให้นายศิริโชค ไปดูคะแนนใน เขตมีนบุรี ราชกระบัง สะพานสูง เป็นเขตที่แข็งที่สุดของพรรคไทยรักไทย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์วิ่งหนีหางจุดตูดมีใครกล้าลงเขตเหล่านี้บ้าง แม้แต่อภิสิทธิ์ ยังไม่กล้าลงเลย
และที่บอกว่าทำลายนายกฯไม่สำเร็จเลยหันมาทำลายคุณ นั้น สำหรับคุณมันขี้ตีนจริงๆไม่มีราคา แต่ตนเห็นว่าคุณเข้าไปจุ้นแทนนายกทุกอย่าง บทบาทคุณทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย ไม่ได้อยากทำลายคุณแค่อยากให้คุณมีสำนึกที่ต้องมีต่อประเทศชาติและบ้านเมืองต่างหาก พฤติกรรมคุณเหมาะสมหรือไม่ จริงๆแล้วคุณไม่สมควรต้องให้ตนมาพูดเลย ควรใสหัวออกไปตั้งนานแล้ว
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่านายศิริโชคหาว่าตนโกหกเรื่องบริษัท ตนก็อยากถามว่าแล้วมันจริงหรือไม่ ว่า เป็นบริษัทของคุณกับครอบครัว ทำไมคุณไม่ปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นบริษัทของคุณ ตนไม่ได้บอกว่าคุณโกงทุจริตอย่างไรถึงล้มละลาย แค่สงสัยว่ามีหนี้สินนับร้อยล้าน แต่ทำไมตัวคุณแม่ของคุณยังอยู่คฤหาสหลังใหญ่มูลค่านับร้อยล้าน ซึ่งเป็นเรื่องตนมีสิทธิที่จะถามเพราะคุณเป็นนักการเมือง
ส่วนที่นายศิริโชค อวดอ้างว่าบริษัทล้มละลายเพราะโดนพ.ต.ท.ทักษิณ กลั่นแกล้ง นั้น ทำไมไม่เอาความจริงมาบอกว่าโดนกลั่นแกล้งอย่างไร และแสดงว่าคุณไม่ปฎิเสธว่าล้มละลายจริง มีข้อน่าสังเกตุคือ ฟ้องล้มละลายเมื่อปีที่แล้วนี้เอง แต่พ.ต.ท.ทักษิณ มันตายไปตั้งนานแล้วจะกลั่นแกล้งได้อย่างไร
