ASTVผู้จัดการรายวัน - กสทอาศัยมติบอร์ดเก่าปี 51 สมัยพล.อ.มนตรี สังขะทรัพย์เป็นประธาน อนุมัติให้ดีแทคอัปเกรดโครงข่ายด้วยเทคโนโลยี 3G HSPA พร้อมสามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ ไม่ต้องรอผลคณะกก.มาตรา 22 ตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2535 รอเพียงขั้นตอนเสนอบอร์ดรับทราบเดือนมี.ค.และแจ้งดีแทคเปิดบริการเชิงพาณิชย์ได้ทันที
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่าจากมติบอร์ดกสท ในสมัยพล.อ.มนตรี สังขะทรัพย์ เป็นประธานบอร์ดและมีนายสิทธิชัย โภไคยอุดม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เมื่อปี 2551 ได้เคยมีมติเห็นชอบให้บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) สามารถพัฒนา (อัปเกรด) โครงข่ายโทรศัพท์มือถือให้เป็นระบบ HSPA บนความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ และสามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ ทำให้มีความชัดเจนแล้วว่า ไม่ต้องรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการ มาตรา 22 ของพรบ.ร่วมทุนฯ ปี 2535 เพราะถือว่าการอนุมัติให้บริการเชิงพาณิชย์ดัวกล่าว เป็นอำนาจของบอร์ด กสทที่สามารถพิจารณาอนุมัติได้
'ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่าการให้เอกชนอัปเกรดโครงข่ายโทรศัพท์มือถือเป็น HSPA เชิงพาณิชย์เป็นอำนาจของบอร์ดกสท หลังจากที่เคยส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการมาตรา 22 หรือ กสท กันแน่ แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าบอร์ดกสทเคยอนุมัติและถือว่าอยู่ในอำนาจของกสท'
นายจิรายุทธย้ำว่า การให้บริการ HSPA เชิงพาณิชย์เหมือนกับการพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์มือถือโดยใช้เทคโนโลยี GPRS หรือ EDGE ซึ่งเป็นการอัปเกรดบนคลื่นความถี่เดิมที่ดีแทคได้สิทธิในการให้บริการอยู่แล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไปกสทจะต้องนำเรื่องเสนอเข้าบอร์ดกสทในการประชุมครั้งหน้าในเดือนมี.ค.ก่อนจะแจ้งให้เอกชนดำเนินการต่อไป
นายจิรายุทธกล่าวถึงการเจรจากรณีการแก้ไขสัญญาสัมปทานตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี 2535ว่ากรณีการแก้ไขสัญญาของดีแทคหลังปี 2535 จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งในมุมของกสทแล้ว เชื่อว่าไม่ได้ทำให้ กสท เสียผลประโยชน์ ส่วนกรณีของทรูมูฟและดีพีซี เป็นเรื่องของคณะกรรมการมาตรา 13 ที่ต้องเจรจาเรื่องของผลประโยชน์เพิ่มเติมที่ กสท จะได้รับ ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2กรณีได้รายงานไปที่กระทรวงไอซีทีเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกันนี้ บอร์ด กสท ได้อนุมัติให้ลงทุนในโครงการ CCTV ของกรมศุลกากร เฟส 2 มูลค่า 151 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนส.ค. 54 นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้ปรับปรุงโครงข่ายภายใน (แทนเด็ม) ที่มีการใช้งานมากว่า 10 ปี มูลค่า 146 ล้านบาท เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆได้และไม่ทำให้กสทสูญเสียรายได้
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่าจากมติบอร์ดกสท ในสมัยพล.อ.มนตรี สังขะทรัพย์ เป็นประธานบอร์ดและมีนายสิทธิชัย โภไคยอุดม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เมื่อปี 2551 ได้เคยมีมติเห็นชอบให้บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) สามารถพัฒนา (อัปเกรด) โครงข่ายโทรศัพท์มือถือให้เป็นระบบ HSPA บนความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ และสามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ ทำให้มีความชัดเจนแล้วว่า ไม่ต้องรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการ มาตรา 22 ของพรบ.ร่วมทุนฯ ปี 2535 เพราะถือว่าการอนุมัติให้บริการเชิงพาณิชย์ดัวกล่าว เป็นอำนาจของบอร์ด กสทที่สามารถพิจารณาอนุมัติได้
'ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่าการให้เอกชนอัปเกรดโครงข่ายโทรศัพท์มือถือเป็น HSPA เชิงพาณิชย์เป็นอำนาจของบอร์ดกสท หลังจากที่เคยส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการมาตรา 22 หรือ กสท กันแน่ แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าบอร์ดกสทเคยอนุมัติและถือว่าอยู่ในอำนาจของกสท'
นายจิรายุทธย้ำว่า การให้บริการ HSPA เชิงพาณิชย์เหมือนกับการพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์มือถือโดยใช้เทคโนโลยี GPRS หรือ EDGE ซึ่งเป็นการอัปเกรดบนคลื่นความถี่เดิมที่ดีแทคได้สิทธิในการให้บริการอยู่แล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไปกสทจะต้องนำเรื่องเสนอเข้าบอร์ดกสทในการประชุมครั้งหน้าในเดือนมี.ค.ก่อนจะแจ้งให้เอกชนดำเนินการต่อไป
นายจิรายุทธกล่าวถึงการเจรจากรณีการแก้ไขสัญญาสัมปทานตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี 2535ว่ากรณีการแก้ไขสัญญาของดีแทคหลังปี 2535 จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งในมุมของกสทแล้ว เชื่อว่าไม่ได้ทำให้ กสท เสียผลประโยชน์ ส่วนกรณีของทรูมูฟและดีพีซี เป็นเรื่องของคณะกรรมการมาตรา 13 ที่ต้องเจรจาเรื่องของผลประโยชน์เพิ่มเติมที่ กสท จะได้รับ ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2กรณีได้รายงานไปที่กระทรวงไอซีทีเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกันนี้ บอร์ด กสท ได้อนุมัติให้ลงทุนในโครงการ CCTV ของกรมศุลกากร เฟส 2 มูลค่า 151 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนส.ค. 54 นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้ปรับปรุงโครงข่ายภายใน (แทนเด็ม) ที่มีการใช้งานมากว่า 10 ปี มูลค่า 146 ล้านบาท เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆได้และไม่ทำให้กสทสูญเสียรายได้
