ASTVผู้จัดการรายวัน - กลุ่มบัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ฯ นักขายหมื่นล้าน! ถึงยุคต้องปรับตัวรับสภาพตลาดเปลี่ยนแปลง เพิ่มน้ำหนักพัฒนาโครงการเพื่อขาย เหตุเหนื่อยน้อยกว่า กำไรเป็นกอบเป็นกำ ส่วนธุรกิจการบริหารงานขาย วางเป้าขายปีกระต่ายทอง 2,500 ล้านบาทเท่ากับปี 53
ดร.ไพโรจน์ สุขจั่น” ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2554 ว่า จะให้น้ำหนักกับโครงการพัฒนาเพื่อขายมากขึ้น ขณะที่การบริหารงานการขาย คาดว่าจะยังไม่ขยายงานหรือตั้งเป้าเพิ่มขึ้น แต่ยังคงรับบริหารอยู่เหมือนเดิม เพราะทางกลุ่มบัวทองฯ มีจุดแข็งเรื่องบุคคลากรทั้งด้านงานขาย งานการตลาดและสินเชื่อ ที่คว่ำหวอดมานาน มีความชำนาญทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดฯระดับราคา 2-5 ล้านบาท ถ้าเป็นสินค้าราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปหรือเป็นตลาดต่างประเทศ ต้องยอมรับว่าเราไม่ค่อยถนัด แต่ถ้าเป็นกลุ่มเป้าหมายระดับราคาปานกลาง บัวทองฯ เราไม่แพ้ใคร
โดยในปี 54 จะรับบริหารงานขายในเขตกรุงเทพฯ และปริมลฑล และขยายงานไปในจังหวัดใกล้เคียงที่มีศักยภาพเช่น ระยอง , สมุทรสงคราม , สมุทรสาคร , ชลบุรี ,ปทุมธานี , สระบุรี , อยุธยา เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมาย 2,500 ล้านบาท เท่ากับปี 2553 คือ บริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ เป้า 1,000 ล้านบาท บริษัท บัวทอง มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เฮ้าส์ซิ่ง เป้า 500 ล้านบาท และบริษัท บีที สมาร์ท พร็อพเพอร์ตี้ เป้า 1,000 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่กลุ่มบัวทองฯดำเนินจะดำเนินการพัฒนาในปีนี้ จะเปิดอีก 2 โครงการ คือ โครงการทิพย์พิมาน เทพบัวทอง ตั้งอยู่ในตลาดบางบัวทอง เป็นโครงการทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 62 ยูนิต ปัจจุบันยังไม่ได้เปิดขาย เป็นช่วงเร่งสร้างบ้านตัวอย่างและทางเข้าโครงการและคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนอีกโครงการจะตั้งอยู่บนถนน 345 ยังไม่ได้กำหนดตัวผลิตภัณฑ์และตั้งชื่อโครงการ
สำหรับบริษัทฯ น้องใหม่ บริษัท บัวทอง ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เริ่มวางแผนพัฒนาโครงการเองเช่นกัน โดยจะเปิดชิมลางบนเนื้อที่ 14 ไร่ ที่ถนนกาญจนาภิเษก (แถววัดคงคา) ซึ่งเป็นโครงการบ้านแฝด 100 กว่ายูนิต รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 300 ล้านบาท และจะเปิดขายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เช่นกัน
" กลุ่มบัวทองฯเคยประสบความสำเร็จในงานขาย โดยในปี 2546-2547 เคยทำยอดขายมูลค่าสูงสุดต่อปีมากถึง 5,000 ล้านบาท ได้รับฉายานักขายหมื่นล้าน แต่ในปีต่อๆมา จากการผันผวนของเศรษฐกิจและการเมืองตลอดจนภัยธรรมชาติและค่านิยมของผู้บริโภครุ่นใหม่ ทำให้กลุ่มบัวทองฯ ต้องปรับตัวเองค่อนข้างมากโดยลดขนาดธุรกิจในส่วนของการรับบริหารงานขายลงจากที่เคยตั้งเป้าหมายต่อปี 3,000 - 4,000 ล้านบาท เหลือเพียง 2,500 ล้านบาท จากที่เคยรับ 50-60 โครงการ/ต่อปี เหลือเพียง 30-35 โครงการ /ต่อปี และหันมาทำโครงการโดยเป็นผู้ประกอบการเองมากขึ้น เพราะเหนื่อยน้อยกว่า และได้ผลกำไรเป็นกอบเป็นกำกว่า แต่ธุรกิจหลักก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่เหมือนเดิม โดยจะคัดเลือกโครงการที่มีศักยภาพทั้งเรื่องทำเล ราคา และคุณภาพให้สอดรับกับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน "
ทั้งนี้ ตัวเลขผลประกอบการที่ออกมา ปรากฎว่าสามารถทำยอดขายได้ทั้งสิ้น 2,250 ล้านบาท คิดเป็น 90% ของเป้าทั้งปี 53 ที่กำหนดไว้ 2,500 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับปี 52 แล้ว สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 10%
ดร.ไพโรจน์ สุขจั่น” ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2554 ว่า จะให้น้ำหนักกับโครงการพัฒนาเพื่อขายมากขึ้น ขณะที่การบริหารงานการขาย คาดว่าจะยังไม่ขยายงานหรือตั้งเป้าเพิ่มขึ้น แต่ยังคงรับบริหารอยู่เหมือนเดิม เพราะทางกลุ่มบัวทองฯ มีจุดแข็งเรื่องบุคคลากรทั้งด้านงานขาย งานการตลาดและสินเชื่อ ที่คว่ำหวอดมานาน มีความชำนาญทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดฯระดับราคา 2-5 ล้านบาท ถ้าเป็นสินค้าราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปหรือเป็นตลาดต่างประเทศ ต้องยอมรับว่าเราไม่ค่อยถนัด แต่ถ้าเป็นกลุ่มเป้าหมายระดับราคาปานกลาง บัวทองฯ เราไม่แพ้ใคร
โดยในปี 54 จะรับบริหารงานขายในเขตกรุงเทพฯ และปริมลฑล และขยายงานไปในจังหวัดใกล้เคียงที่มีศักยภาพเช่น ระยอง , สมุทรสงคราม , สมุทรสาคร , ชลบุรี ,ปทุมธานี , สระบุรี , อยุธยา เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมาย 2,500 ล้านบาท เท่ากับปี 2553 คือ บริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ เป้า 1,000 ล้านบาท บริษัท บัวทอง มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เฮ้าส์ซิ่ง เป้า 500 ล้านบาท และบริษัท บีที สมาร์ท พร็อพเพอร์ตี้ เป้า 1,000 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่กลุ่มบัวทองฯดำเนินจะดำเนินการพัฒนาในปีนี้ จะเปิดอีก 2 โครงการ คือ โครงการทิพย์พิมาน เทพบัวทอง ตั้งอยู่ในตลาดบางบัวทอง เป็นโครงการทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 62 ยูนิต ปัจจุบันยังไม่ได้เปิดขาย เป็นช่วงเร่งสร้างบ้านตัวอย่างและทางเข้าโครงการและคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนอีกโครงการจะตั้งอยู่บนถนน 345 ยังไม่ได้กำหนดตัวผลิตภัณฑ์และตั้งชื่อโครงการ
สำหรับบริษัทฯ น้องใหม่ บริษัท บัวทอง ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เริ่มวางแผนพัฒนาโครงการเองเช่นกัน โดยจะเปิดชิมลางบนเนื้อที่ 14 ไร่ ที่ถนนกาญจนาภิเษก (แถววัดคงคา) ซึ่งเป็นโครงการบ้านแฝด 100 กว่ายูนิต รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 300 ล้านบาท และจะเปิดขายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เช่นกัน
" กลุ่มบัวทองฯเคยประสบความสำเร็จในงานขาย โดยในปี 2546-2547 เคยทำยอดขายมูลค่าสูงสุดต่อปีมากถึง 5,000 ล้านบาท ได้รับฉายานักขายหมื่นล้าน แต่ในปีต่อๆมา จากการผันผวนของเศรษฐกิจและการเมืองตลอดจนภัยธรรมชาติและค่านิยมของผู้บริโภครุ่นใหม่ ทำให้กลุ่มบัวทองฯ ต้องปรับตัวเองค่อนข้างมากโดยลดขนาดธุรกิจในส่วนของการรับบริหารงานขายลงจากที่เคยตั้งเป้าหมายต่อปี 3,000 - 4,000 ล้านบาท เหลือเพียง 2,500 ล้านบาท จากที่เคยรับ 50-60 โครงการ/ต่อปี เหลือเพียง 30-35 โครงการ /ต่อปี และหันมาทำโครงการโดยเป็นผู้ประกอบการเองมากขึ้น เพราะเหนื่อยน้อยกว่า และได้ผลกำไรเป็นกอบเป็นกำกว่า แต่ธุรกิจหลักก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่เหมือนเดิม โดยจะคัดเลือกโครงการที่มีศักยภาพทั้งเรื่องทำเล ราคา และคุณภาพให้สอดรับกับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน "
ทั้งนี้ ตัวเลขผลประกอบการที่ออกมา ปรากฎว่าสามารถทำยอดขายได้ทั้งสิ้น 2,250 ล้านบาท คิดเป็น 90% ของเป้าทั้งปี 53 ที่กำหนดไว้ 2,500 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับปี 52 แล้ว สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 10%