วานนี้(14 ก.พ) หลังจากที่นาย กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายเพื่อการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตั้งประเด็นเรื่องที่มา ส.ส. ซึ่งมี 2 ส่วนคือ ส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อาจมีข้อโต้แย้ง
“หากผลการเลือกตั้งครั้งหน้า ปชป.ไม่ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง จะแย่งฟอร์มรัฐบาลแข่งหรือไม่ว่า ในแง่หลักการ ใครได้คะแนนมากสุดก็มีสิทธิฟอร์มรัฐบาลก่อน แต่มันมีประเด็นเรื่องที่มา ส.ส. ซึ่งมี 2 ส่วนคือ ส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อาจมีข้อโต้แย้งว่า แม้จำนวน ส.ส.รวมไม่ได้มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ถ้าคะแนนบัญชีรายชื่อชนะขาด ใครจะได้ฟอร์มรัฐบาลก่อน”นายกอร์ปศักดิ์ ระบุ
**มาร์คขอเคลียร์กระโถน“กอร์ปศักดิ์”
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ที่จริงโดยระบบของเรา ก็อยู่ที่เสียงข้างมากของสภา แต่ตนยังไม่ได้ดูรายละเอียดว่าอะไรเป็นอะไร
**เทือกติง”กอร์ป”ออกตัวเร็วเกิน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ก็ต้องถามนายกอร์ปศักดิ์ ส่วนตนเป็นคนปฏิบัติ ไม่สามารถไปพูดไว้ก่อนได้ การเลือกตั้งมันก็อย่างนี้แล้วแต่คนคาดหวัง แต่ละพรรคก็คาดหวังไว้สูง ๆ ตนว่าเอาตามความเป็นจริงดีกว่า เมื่อถามว่า ถ้าพรรคชนะการเลือกตั้งพาในระบบบัญชีรายชื่อจะเป็นแกนนำจัดตั้ง รัฐบาลได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ ยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่เลยแล้วมาคิดเรื่องแพ้หรือชนะ เอาไว้ถึงวันนั้นแล้วค่อยมาว่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีส.ส.พรรคอื่นไหลเข้าพรรคประชาธิปัตย์บ้างหรือยัง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยัง แต่ยอมรับว่ามีบ้างที่ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งจากสมัยที่แล้ว จากทั้งพรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล 1หรือ 2 คนที่ติดต่อประสานมาที่จะขอเข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ว่าตนไม่ได้ไปซื้อใครมา
**เทือกวอนให้เชื่อปากมาร์ค
นายสุเทพ กล่าวถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โฟนอินเข้ามาในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 13 ก.พ. อีกครั้ง จะเป็นการปลุกเร้าทำให้สถานการณ์การเมืองรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่ ว่า คิดว่าไม่ว่าจะเป็นม็อบหรือผู้ชุมนุมในเสื้อสีใดด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ ต้อง ฟังเสียงของประชาชนเจ้าของประเทศ วันนี้ตนคิดว่าเสียงส่วนใหย่ของประชาชนในประเทศต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบ ร้อย ความขัดแย้งหรือความเห็นที่แตกต่างกันในทางการเมือง เอา ไว้รอไปตัดสินกันในสนามการเลือกตั้ง ใช้กลไกประชาธิปไตยในการแก้ปัญหาบ้านเมือง เพราะฉะนั้นที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ขอให้ผู้ชมนุมทั้งหลายยุติเรื่องของการ ปลุกระดมให้เกิดความุว่นวาย เป็นเรื่องที่ผู้ชุมนุมควรจะได้รับฟังและรับไปปฏิบัติ
**เป็ดเหลิมเย้ยเอาสมองส่วนไหนคิด
ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนอยากจะถามนายกอร์ปศักดิ์ว่าเอาอะไรมาคิด เพราะตามหลักของประชาธิปไตยพรรคการเมืองใดได้คะแนนเสียงมากกว่าก็ต้องมีสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลอยู่แล้ว นายกอร์ปศักดิ์น่าจะได้เลือดพ่อของตัวเองมามากกว่านี้ ทั้งนี้ตนหวังว่าการลือกตั้งครั้งนี้หากพรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคเพื่อไทย ก็จะดำเนินการเมืองกับนายชวน หลีกภัย ที่ในการเลือกตั้งในอดีตที่แพ้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เพียงแค่หนึ่งคะแนนก็ไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์อย่าพยายามใช้อภิสิทธิ์ เหมือนกับชื่อของหัวหน้าพรรค
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวต่อว่า สถานการณ์การเมืองวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะถูกระทบกระทั่งจากนานาชาติ จะทำให้นายอภิสิทธิ์ไม่มีที่ยืนบนเวทีโลก ซึ่งก็มาจากปัญหาของคน ๆ เดียวก็คือนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ตนจึงมองว่าประเด็นตรงนี้อาจจะทำให้นายอภิสิทธิ์เลือกที่จะยุบสภา แต่หากจะให้ฟันธงว่าจะมีการยุบสภาเวลาใดนั้นคงทำได้ยาก เพราะรัฐบาลชุดนี้ทำตามคำสั่งของผู้อื่นเยอะแยะ ตนจึงไม่รู้ว่าบรรดาพวกอยู่เบื้องหลังต้องการอะไร
ส่วนกระแสข่าวการทำปฎิวัตินั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น เพราะการปฎิวัติมักจะไม่มีการวางแผนที่ยาวนาน เพราะตนมีประสบการณ์และเคยถูกจำคุกมาแล้ว
**ภท.ขวางรีบยุบสภาหวั่นสุญญากาศ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องการยุบสภา ให้ฟังนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว อย่างที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร บอกว่าให้รอการเมืองวันที่ 18 กุมภาพันธ์ก็ไม่มีอะไร ต่อข้อถามว่าวันยุบสภาควรจะเป็นช่วงไหน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำว่าก็ควรจะอยู่ในปีนี้ 2554 แต่การจะต้องหารือพรรคร่วมรัฐบาลก่อนหรือไม่มันก็แล้วแต่นายกรัฐมนตรี แต่เรื่องนี้มันมีปัจจัยหลายตัว แล้วแต่จะพิจารณาปัจจัยไหน ส่วนกรณีการมีกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ จะทำให้เป็นเงื่อนไขยุบสภาได้หรือไม่ มันก็เป็นเหตุผลอันหนึ่ง เรื่องการยุบสภามันมีหลายเหตุผล
“เรื่องการยุบสภามันมีหลายเหตุผล ท่าทีของผม หรือคุณบรรหาร ศิลปอาชา ที่บอกว่ายังไม่ควรยุบสภาในช่วงนี้ นายกรัฐมนตรีก็รับฟัง ผมก็เคยพูดแล้วว่า ระหว่างการเมืองภายในและการเมืองต่างประเทศ การเมืองต่างประเทศสำคัญกว่า เช่น กัมพูชากับไทย ทางด้านชายแดนก็ยังไม่สงบ ถ้ายุบสภาแล้ว ก็จะไม่มีผู้บริหาร ก็ทำให้เกิดสุญญากาศ”
**กกต.มึนหากหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย
มีรายงานว่า นายกอร์ปศักดิ์ มีแนวคิดจะใช้แคมเปญหลักที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งของ ปชป. ด้วยระบบโซเชียลมีเดียมาใช้ในการหาเสียงและระดมทุน โดยเฉพาะโปรแกรมเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ อีกทั้งกฎหมายใหม่เปิดโอกาสให้คนบริจาคเงินต่ำกว่า 1,000 บาท ไม่ต้องรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งจะได้เห็นแคมเปญนี้ภายใน 2-3 สัปดาห์
รายงานข่าวจากกต. แจ้งว่า ระเบียบการของกกต.ไม่มีการกล่าวถึงเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียมาใช้รณรงค์หาเสียง แต่หากมีการใช้จริง ทางกกต.จะมีการหารือกับกระทรวงไอซีที อีกครั้ง ว่าจะเข้าข่ายการระดมเงินเข้าพรรคอย่างไร
ส่วนระเบียบการบริจาคเงินเข้าพรรค ก็กำลังไว้ที่ ไม่เกิน 5,000 บาท ไม่ต้องแจ้ง กกต. แต่ถ้าใช้โซเชียลมีเดีย ก็อาจจะต้องไปดูข้อกฎหมายเหมือนกรณีของการส่งเอสเอ็มเอสของนายกรัฐมนตรี ว่าเข้าข่ายใด อาจจะต้องคิดเงินเป็นจำนวนเปเปอร์ คอร์ส (ค่าใช้จ่ายในการคลิกต่อ 1 คลิก) เป็นต้น
**“ประพันธ์” ชี้ยังไม่เห็นเค้าลางยุบสภา
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. หลังรัฐสภาผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ขณะนี้กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้งได้ยกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.เสร็จแล้ว เบื้องต้นมี 31 มาตรา โดยใช้วิธีปรับปรุงจากพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และส.ว. ปี 41 เป็นหลักที่เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว ซึ่งในส่วนของส.ส.สัดส่วนตามรัฐธรรมนูญปี50 ที่มี 8 กลุ่มนั้นก็กลับมาใช้แบบบัญชีรายชื่อเช่นในปี 41
“ผมคิดว่ายังไม่มีเค้าของการยุบสภา และนายกฯก็ยังไม่ได้หารือกับกกต.ในเรื่องของการเลือกตั้ง เพราะเข้าใจว่ารัฐบาลก็ควรต้องรอให้รัฐธรรมนูญประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับเสียก่อน หากยุบตอนนี้แล้วร่างรัฐธรรมนูญยังไม่มีผลบังคับใช้ก็ต้องเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 50 ที่เป็นแบบเขตเดียว 3เบอร์แทน อีกทั้งการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาร่างแก้ไขนั้นก็ต้องใช้เวลา แต่ก็คิดว่ากระบวนการทั้งหมดน่าจะเสร็จในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.”
**กกต.เชื่อเงินสะพัด4-5 หมื่นล้าน
ที่จ.ระยอง นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนฯ เป็นประธานการประชุมเชิงปฎิบัติการเจ้าหน้าที่ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยในหัวข้อ "การสืบสวนสอบสวนในกระบวนการเลือกตั้ง" ซึ่งมีพนักงานกกต.จากส่วนกลางและภูมิภาคเข้าประชุมจำนวน 130 คน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้น
โดยเชื่อว่าในช่วงการเลือกตั้งคาดจะมีเงินหมุนเวียน 4-5 หมื่นล้านบาท ประกอบกับการซื้อเสียงที่พัฒนาไปมาก โดยเฉพาะกลยุทธที่หลบหลีกไม่ให้ กกต.จับได้
**ชัย มึนไม่เห็นฝ่ายค้าน ยื่นตีความรธน.
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 154 ยื่นเรื่องให้ประธานรัฐสภาเพื่อให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเนื่องจากขัดข้อบังคับการประชุมข้อ 86 วรรคสามเนื่องจากไม่ได้ระบุเลขมาตราที่จะแก้ไว้ในหลักการหรือเหตุผล
ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์สอบถามนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ถึงความคืบหน้าในการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายชัย กล่าวสั้นๆว่า “ได้เจอกับส.ส.พรรคเพื่อไทยที่มีข่าวว่า จะมายื่นเรื่องเมื่อบ่ายวันที่ 11 กุมภาพันธ์ แต่เขาก็ไม่เห็นส่งอะไรมาให้ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีเอกสารอะไรมาถึงผมตามขั้นตอน” จากนั้นได้ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทันที
“หากผลการเลือกตั้งครั้งหน้า ปชป.ไม่ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง จะแย่งฟอร์มรัฐบาลแข่งหรือไม่ว่า ในแง่หลักการ ใครได้คะแนนมากสุดก็มีสิทธิฟอร์มรัฐบาลก่อน แต่มันมีประเด็นเรื่องที่มา ส.ส. ซึ่งมี 2 ส่วนคือ ส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อาจมีข้อโต้แย้งว่า แม้จำนวน ส.ส.รวมไม่ได้มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ถ้าคะแนนบัญชีรายชื่อชนะขาด ใครจะได้ฟอร์มรัฐบาลก่อน”นายกอร์ปศักดิ์ ระบุ
**มาร์คขอเคลียร์กระโถน“กอร์ปศักดิ์”
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ที่จริงโดยระบบของเรา ก็อยู่ที่เสียงข้างมากของสภา แต่ตนยังไม่ได้ดูรายละเอียดว่าอะไรเป็นอะไร
**เทือกติง”กอร์ป”ออกตัวเร็วเกิน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ก็ต้องถามนายกอร์ปศักดิ์ ส่วนตนเป็นคนปฏิบัติ ไม่สามารถไปพูดไว้ก่อนได้ การเลือกตั้งมันก็อย่างนี้แล้วแต่คนคาดหวัง แต่ละพรรคก็คาดหวังไว้สูง ๆ ตนว่าเอาตามความเป็นจริงดีกว่า เมื่อถามว่า ถ้าพรรคชนะการเลือกตั้งพาในระบบบัญชีรายชื่อจะเป็นแกนนำจัดตั้ง รัฐบาลได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ ยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่เลยแล้วมาคิดเรื่องแพ้หรือชนะ เอาไว้ถึงวันนั้นแล้วค่อยมาว่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีส.ส.พรรคอื่นไหลเข้าพรรคประชาธิปัตย์บ้างหรือยัง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยัง แต่ยอมรับว่ามีบ้างที่ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งจากสมัยที่แล้ว จากทั้งพรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล 1หรือ 2 คนที่ติดต่อประสานมาที่จะขอเข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ว่าตนไม่ได้ไปซื้อใครมา
**เทือกวอนให้เชื่อปากมาร์ค
นายสุเทพ กล่าวถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โฟนอินเข้ามาในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 13 ก.พ. อีกครั้ง จะเป็นการปลุกเร้าทำให้สถานการณ์การเมืองรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่ ว่า คิดว่าไม่ว่าจะเป็นม็อบหรือผู้ชุมนุมในเสื้อสีใดด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ ต้อง ฟังเสียงของประชาชนเจ้าของประเทศ วันนี้ตนคิดว่าเสียงส่วนใหย่ของประชาชนในประเทศต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบ ร้อย ความขัดแย้งหรือความเห็นที่แตกต่างกันในทางการเมือง เอา ไว้รอไปตัดสินกันในสนามการเลือกตั้ง ใช้กลไกประชาธิปไตยในการแก้ปัญหาบ้านเมือง เพราะฉะนั้นที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ขอให้ผู้ชมนุมทั้งหลายยุติเรื่องของการ ปลุกระดมให้เกิดความุว่นวาย เป็นเรื่องที่ผู้ชุมนุมควรจะได้รับฟังและรับไปปฏิบัติ
**เป็ดเหลิมเย้ยเอาสมองส่วนไหนคิด
ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนอยากจะถามนายกอร์ปศักดิ์ว่าเอาอะไรมาคิด เพราะตามหลักของประชาธิปไตยพรรคการเมืองใดได้คะแนนเสียงมากกว่าก็ต้องมีสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลอยู่แล้ว นายกอร์ปศักดิ์น่าจะได้เลือดพ่อของตัวเองมามากกว่านี้ ทั้งนี้ตนหวังว่าการลือกตั้งครั้งนี้หากพรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคเพื่อไทย ก็จะดำเนินการเมืองกับนายชวน หลีกภัย ที่ในการเลือกตั้งในอดีตที่แพ้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เพียงแค่หนึ่งคะแนนก็ไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์อย่าพยายามใช้อภิสิทธิ์ เหมือนกับชื่อของหัวหน้าพรรค
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวต่อว่า สถานการณ์การเมืองวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะถูกระทบกระทั่งจากนานาชาติ จะทำให้นายอภิสิทธิ์ไม่มีที่ยืนบนเวทีโลก ซึ่งก็มาจากปัญหาของคน ๆ เดียวก็คือนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ตนจึงมองว่าประเด็นตรงนี้อาจจะทำให้นายอภิสิทธิ์เลือกที่จะยุบสภา แต่หากจะให้ฟันธงว่าจะมีการยุบสภาเวลาใดนั้นคงทำได้ยาก เพราะรัฐบาลชุดนี้ทำตามคำสั่งของผู้อื่นเยอะแยะ ตนจึงไม่รู้ว่าบรรดาพวกอยู่เบื้องหลังต้องการอะไร
ส่วนกระแสข่าวการทำปฎิวัตินั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น เพราะการปฎิวัติมักจะไม่มีการวางแผนที่ยาวนาน เพราะตนมีประสบการณ์และเคยถูกจำคุกมาแล้ว
**ภท.ขวางรีบยุบสภาหวั่นสุญญากาศ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องการยุบสภา ให้ฟังนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว อย่างที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร บอกว่าให้รอการเมืองวันที่ 18 กุมภาพันธ์ก็ไม่มีอะไร ต่อข้อถามว่าวันยุบสภาควรจะเป็นช่วงไหน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำว่าก็ควรจะอยู่ในปีนี้ 2554 แต่การจะต้องหารือพรรคร่วมรัฐบาลก่อนหรือไม่มันก็แล้วแต่นายกรัฐมนตรี แต่เรื่องนี้มันมีปัจจัยหลายตัว แล้วแต่จะพิจารณาปัจจัยไหน ส่วนกรณีการมีกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ จะทำให้เป็นเงื่อนไขยุบสภาได้หรือไม่ มันก็เป็นเหตุผลอันหนึ่ง เรื่องการยุบสภามันมีหลายเหตุผล
“เรื่องการยุบสภามันมีหลายเหตุผล ท่าทีของผม หรือคุณบรรหาร ศิลปอาชา ที่บอกว่ายังไม่ควรยุบสภาในช่วงนี้ นายกรัฐมนตรีก็รับฟัง ผมก็เคยพูดแล้วว่า ระหว่างการเมืองภายในและการเมืองต่างประเทศ การเมืองต่างประเทศสำคัญกว่า เช่น กัมพูชากับไทย ทางด้านชายแดนก็ยังไม่สงบ ถ้ายุบสภาแล้ว ก็จะไม่มีผู้บริหาร ก็ทำให้เกิดสุญญากาศ”
**กกต.มึนหากหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย
มีรายงานว่า นายกอร์ปศักดิ์ มีแนวคิดจะใช้แคมเปญหลักที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งของ ปชป. ด้วยระบบโซเชียลมีเดียมาใช้ในการหาเสียงและระดมทุน โดยเฉพาะโปรแกรมเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ อีกทั้งกฎหมายใหม่เปิดโอกาสให้คนบริจาคเงินต่ำกว่า 1,000 บาท ไม่ต้องรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งจะได้เห็นแคมเปญนี้ภายใน 2-3 สัปดาห์
รายงานข่าวจากกต. แจ้งว่า ระเบียบการของกกต.ไม่มีการกล่าวถึงเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียมาใช้รณรงค์หาเสียง แต่หากมีการใช้จริง ทางกกต.จะมีการหารือกับกระทรวงไอซีที อีกครั้ง ว่าจะเข้าข่ายการระดมเงินเข้าพรรคอย่างไร
ส่วนระเบียบการบริจาคเงินเข้าพรรค ก็กำลังไว้ที่ ไม่เกิน 5,000 บาท ไม่ต้องแจ้ง กกต. แต่ถ้าใช้โซเชียลมีเดีย ก็อาจจะต้องไปดูข้อกฎหมายเหมือนกรณีของการส่งเอสเอ็มเอสของนายกรัฐมนตรี ว่าเข้าข่ายใด อาจจะต้องคิดเงินเป็นจำนวนเปเปอร์ คอร์ส (ค่าใช้จ่ายในการคลิกต่อ 1 คลิก) เป็นต้น
**“ประพันธ์” ชี้ยังไม่เห็นเค้าลางยุบสภา
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. หลังรัฐสภาผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ขณะนี้กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้งได้ยกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.เสร็จแล้ว เบื้องต้นมี 31 มาตรา โดยใช้วิธีปรับปรุงจากพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และส.ว. ปี 41 เป็นหลักที่เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว ซึ่งในส่วนของส.ส.สัดส่วนตามรัฐธรรมนูญปี50 ที่มี 8 กลุ่มนั้นก็กลับมาใช้แบบบัญชีรายชื่อเช่นในปี 41
“ผมคิดว่ายังไม่มีเค้าของการยุบสภา และนายกฯก็ยังไม่ได้หารือกับกกต.ในเรื่องของการเลือกตั้ง เพราะเข้าใจว่ารัฐบาลก็ควรต้องรอให้รัฐธรรมนูญประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับเสียก่อน หากยุบตอนนี้แล้วร่างรัฐธรรมนูญยังไม่มีผลบังคับใช้ก็ต้องเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 50 ที่เป็นแบบเขตเดียว 3เบอร์แทน อีกทั้งการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาร่างแก้ไขนั้นก็ต้องใช้เวลา แต่ก็คิดว่ากระบวนการทั้งหมดน่าจะเสร็จในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.”
**กกต.เชื่อเงินสะพัด4-5 หมื่นล้าน
ที่จ.ระยอง นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนฯ เป็นประธานการประชุมเชิงปฎิบัติการเจ้าหน้าที่ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยในหัวข้อ "การสืบสวนสอบสวนในกระบวนการเลือกตั้ง" ซึ่งมีพนักงานกกต.จากส่วนกลางและภูมิภาคเข้าประชุมจำนวน 130 คน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้น
โดยเชื่อว่าในช่วงการเลือกตั้งคาดจะมีเงินหมุนเวียน 4-5 หมื่นล้านบาท ประกอบกับการซื้อเสียงที่พัฒนาไปมาก โดยเฉพาะกลยุทธที่หลบหลีกไม่ให้ กกต.จับได้
**ชัย มึนไม่เห็นฝ่ายค้าน ยื่นตีความรธน.
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 154 ยื่นเรื่องให้ประธานรัฐสภาเพื่อให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเนื่องจากขัดข้อบังคับการประชุมข้อ 86 วรรคสามเนื่องจากไม่ได้ระบุเลขมาตราที่จะแก้ไว้ในหลักการหรือเหตุผล
ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์สอบถามนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ถึงความคืบหน้าในการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายชัย กล่าวสั้นๆว่า “ได้เจอกับส.ส.พรรคเพื่อไทยที่มีข่าวว่า จะมายื่นเรื่องเมื่อบ่ายวันที่ 11 กุมภาพันธ์ แต่เขาก็ไม่เห็นส่งอะไรมาให้ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีเอกสารอะไรมาถึงผมตามขั้นตอน” จากนั้นได้ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทันที