ปธ.ที่ปรึกษา ชทพ.ดักคอพรรคใหญ่ได้คะแนนเสียงข้างมากแต่หากรวบรวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งไม่ได้ ก็ไม่สามารถจัดตั้ง รบ.ได้ โวล่วงหน้า ชทพ.ตั้งเป้าปาร์ตี้ลิสต์ 40 ที่นั่ง พูดแปร่งๆ ไม่จำเป็นต้องจับมือพรรคร่วมเดิมจัดตั้งรัฐบาล พร้อมแสดงความเป็นห่วงปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา แนะเดินเกมดีๆ ฝากความหวังไว้ที่กระทรวงการต่างประเทศ เชื่อสุดท้ายเปิดเวทีทวิภาคีดีที่สุด
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายเพื่อการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตั้งประเด็นว่าพรรคไหนไม่ได้จำนวน ส.ส.รวมไม่ได้มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ถ้าคะแนนบัญชีรายชื่อชนะขาด น่าจะฟอร์มรัฐบาลได้ก่อนว่า ในอนาคตคคงตอบไม่ได้ว่าใครจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล บางทีได้คะแนนเสียงมากถ้าคะแนนไม่ถึงครึ่งก็จัดตั้งไม่ได้ ก็ต้องอยู่ที่พรรคอื่น บางทีพรรคอันดับรองก็จัดตั้งได้ ไม่แน่ในอนาคตแต่ตามธรรมดาแล้วพรรคไหนได้เสียงมาก ก็ควรให้เกียรติเขาในการจัดตั้งรัฐบาลจะเร็วถึงขนาดนั้นหรือ
เมื่อถามว่าแต่พรรคประชาธิปัตย์เขาประเมินว่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 50 ที่ นายบรรหารกล่าวว่า เดิมเขาได้ประมาณ 20 กว่าที่ ตอนนี้มีการปรับเปลี่ยนที่มา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเพิ่มมาอีก 25 ที่นั่ง เขาก็หวังว่าเขาจะได้เพิ่มขึ้น แต่ที่เขาคาดคะแนไว้ก็คงใกล้เคียงความจริง เพราะพรรคชาติไทยพัฒนายังคาดว่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 40 ที่นั่ง ส่วนพรรคอื่นได้เท่าไหร่ตนตอบไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทยออกมาระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้า นายบรรหารกล่าวว่า ตนไม่ทราบ เปลี่นแปลงบ้างก็ดีนะ
นายบรรหาร กล่าวถึงการแก้ไขปัญหากรณีพิพาทไทย-กัมพูชาว่า น่าเป็นห่วงมากเราต้องเดินเกมให้ดีๆ ต้องให้ทันต่อเหตุการณ์ มิตรประเทศเราก็ต้องหาเพื่อที่จะมาช่วยเหลือเรา ในเรื่องเขตแดนเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด และอยากฝากความหวังไว้ที่กระทรวงการต่างประเทศเพราะเป็นหลักในเรื่องนี้
เมื่อถามถึงการเดินเกมของรัฐบาลไทย นายบรรหารกล่าวว่า ก็ดีที่ส่งนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศไปชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ก็ใช้ได้ ก็ไปให้ข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ UNSC ให้เป็นเรื่องทวิภาคีโดยที่มีประธานอาเซียนมาช่วยสนับสนุน ก็น่าจะรู้เรื่อง และเชื่อว่าจะสามารถเจรจากันได้ ขอให้พูดจากันดีกว่า
เมื่อถามว่าหลายคนมองว่าท่าทีของนายกษิตมีท่าที่ค่อนข้างแข็งกร้าวไปหน่อย นายบรรหารกล่าวว่า เคยเห็นยิ้มบ้างหรือเปล่า ตนดูโทรทัศน์ไม่เห็นยิ้มสักที ต้องไปบอกให้นายกษิตยิ้มบ้าง ถ้าไม่ยิ้มก็ไปตบแต่งใบหน้าให้มีรอยลักยิ้มที่หน้า เมื่อถามต่อว่าควรเปลี่ยนผู้เจรจาจากนายกษิตเป็นคนอื่นดีกว่าหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า มันไม่มีถ้าจะต้องเปลี่ยนตัว รมว.ต่างประเทศก็คงลำบาก แล้วนายกษิตก็ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้วไม่มีปัญหาหรอก แต่หน้าตาท่านแบบนั้น ท่านบึ้งตึงแบบนั้นบุคลิกคนเราก็ห้ามยาก ตนเป็นห่วงมากต้องเดินเกมดีๆ
